brics คือ กลุ่มเศรษฐกิจดาวรุ่งที่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์การเงินโลก

สารบัญ

ทำความเข้าใจ BRICS: กลุ่มเศรษฐกิจดาวรุ่งที่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์การเงินโลก

ในโลกปัจจุบันที่พลวัตทางเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง มีกลุ่มประเทศหนึ่งที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญและดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก นั่นคือ กลุ่ม BRICS คุณเคยสงสัยไหมว่ากลุ่มนี้คืออะไร? และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและการลงทุนของคุณ?

BRICS ย่อมาจากตัวอักษรแรกของประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง ได้แก่ บราซิล (Brazil), รัสเซีย (Russia), อินเดีย (India), และ จีน (China) กลุ่มความร่วมมือนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างเวทีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง การรวมตัวนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวิเคราะห์เชิงลึกที่มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอำนาจเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะย้ายจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง G7 มาสู่กลุ่มประเทศเหล่านี้

คำว่า “BRICS” ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกโดย จิม โอนีลล์ (Jim O’Neill) นักเศรษฐศาสตร์จาก โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงการตระหนักรู้ถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของประเทศเหล่านี้ในเวทีเศรษฐกิจโลก และต่อมาในปี 2553 แอฟริกาใต้ (South Africa) ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ทำให้กลุ่มนี้สมบูรณ์แบบในนาม “BRICS” อย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

กลุ่มผู้นำที่หลากหลายกำลังอภิปรายกลยุทธ์เศรษฐกิจรอบโลก

การก่อตั้งและการวิวัฒนาการของ BRICS แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงร่วมกันของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมบทบาทและเสียงของกลุ่มเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตบนเวทีโลก พวกเขาต้องการที่จะลดการพึ่งพิงและอิทธิพลจากชาติตะวันตก สร้างสมดุลอำนาจใหม่ และผลักดันวาระทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ตอบสนองผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น นี่คือจุดเริ่มต้นอันแข็งแกร่งของกลุ่มที่กำลังจะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญยิ่งในอนาคต

ลักษณะสำคัญของ BRICS:

  • การรวมกลุ่มของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโต
  • เน้นการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ
  • การสร้างระบบการเงินที่มีความเป็นอิสระและมีความหลากหลายมากขึ้น
ประเทศสมาชิก BRICS วันที่เข้าร่วม
บราซิล 2009
รัสเซีย 2009
อินเดีย 2009
จีน 2009
แอฟริกาใต้ 2010

การขยายตัวของสมาชิก BRICS: เมื่อพลังรวมกันเปลี่ยนดุลอำนาจโลก

พลังของ BRICS ไม่ได้หยุดอยู่แค่ห้าประเทศผู้ก่อตั้ง คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหรือไม่? กลุ่มนี้ได้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงความน่าสนใจและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก ปัจจุบัน BRICS มีสมาชิกหลักถึง 10 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศที่เข้าร่วมใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ได้แก่ อียิปต์ (Egypt), เอธิโอเปีย (Ethiopia), อิหร่าน (Iran), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) และ ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) การเพิ่มสมาชิกเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป้าหมายที่ชัดเจนในการรวมกลุ่มพันธมิตรจากหลากหลายภูมิภาค

นอกจากสมาชิกหลักแล้ว BRICS ยังเปิดรับ “ประเทศหุ้นส่วน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ และข่าวดีสำหรับประเทศไทยคือ ไทย ได้รับการตอบรับให้เป็นหนึ่งในประเทศหุ้นส่วนเพิ่มเติม พร้อมกับ แอลจีเรีย (Algeria) และ โบลิเวีย (Bolivia) โดยไทยจะเข้าร่วมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า BRICS กำลังกลายเป็นกลุ่มที่มีความครอบคลุมและมีอิทธิพลอย่างแท้จริง

การขยายสมาชิกนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนตัวเลขเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและอำนาจต่อรองอย่างมหาศาล ลองจินตนาการดูสิว่า:

  • ประชากรรวมกันกว่า 4 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก
  • มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกัน 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 28% ของเศรษฐกิจโลก
  • เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบประมาณ 44% ของตลาดโลก

ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นว่า BRICS กำลังกลายเป็นขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่อาจมองข้ามได้ พวกเขากำลังสร้างดุลอำนาจใหม่ และมีศักยภาพที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่คุณในฐานะนักลงทุนควรรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ข้อมูลกราฟิกแสดงประเทศ BRICS กับสถิติทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์การเติบโต

คุณลักษณะของ BRICS ตัวเลขปัจจุบัน
ประชากร 4 พันล้านคน
มูลค่าทางเศรษฐกิจ 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผลิตน้ำมันดิบ 44% ของอุปทานโลก

ขนาดและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ BRICS: ตัวเลขที่บอกเล่าเรื่องราว

เมื่อเราพูดถึงพลังทางเศรษฐกิจ BRICS ไม่ใช่แค่กลุ่มประเทศที่กำลังเติบโต แต่เป็นกลุ่มที่มีขนาดมหึมาและมีอิทธิพลอย่างชัดเจน คุณรู้หรือไม่ว่าการรวมตัวกันของสมาชิก BRICS ในปัจจุบันนั้นสร้างสถิติทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจเพียงใด?

ลองพิจารณาตัวเลขเหล่านี้อีกครั้งเพื่อเน้นย้ำถึงภาพรวม:

  • ประชากร: รวมกันกว่า 4 พันล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลก
  • ขนาดเศรษฐกิจ: มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกัน 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับเกือบหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลกทั้งหมด
  • พลังงาน: กลุ่มประเทศ BRICS ผลิตน้ำมันดิบประมาณ 44% ของอุปทานโลก ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการความมั่นคงด้านพลังงานและศักยภาพในการกำหนดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก

การที่กลุ่มประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรบุคคลและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการเป็นแหล่งผลิตสินค้าและบริการขนาดใหญ่ ทำให้พวกเขามีอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่งในเวทีการค้าระหว่างประเทศ และสามารถส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการไหลเวียนของสินค้าทั่วโลกได้

นอกจากนี้ การขยายตัวของกลุ่มและการดึงดูดประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือประเทศหุ้นส่วน บ่งบอกถึงความสำเร็จของ BRICS ในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวาง เป้าหมายคือการสร้างเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ลดการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ และส่งเสริมการค้าขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน

สำหรับนักลงทุนอย่างเรา การทำความเข้าใจขนาดและอิทธิพลเหล่านี้ช่วยให้คุณมองเห็นภาพใหญ่ของตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป กลุ่ม BRICS กำลังสร้างดุลอำนาจใหม่และเปิดประตูสู่โอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน คุณพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้แล้วหรือยัง?

การทำงานร่วมกันในชุมชนระหว่างประเทศ BRICS ในภูมิทัศน์ดิจิทัล

NDB: ธนาคารแห่งการพัฒนาทางเลือกใหม่ของประเทศกำลังพัฒนา

หนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้กลุ่ม BRICS มีอิทธิพลและน่าจับตามองในเวทีการเงินโลกคือการก่อตั้ง ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank – NDB) ในปี 2557 คุณอาจจะคุ้นเคยกับธนาคารโลก (World Bank) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมักถูกมองว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของชาติตะวันตกใช่ไหมครับ?

NDB ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็น “ทางเลือก” ใหม่ในการให้เงินกู้และสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนแบบดั้งเดิม และสร้างระบบการเงินที่มีความเป็นอิสระและมีความหลากหลายมากขึ้น นี่คือการแสดงออกถึงความพยายามของ BRICS ในการสร้างระบบพหุภาคีทางการเงิน

ธนาคารแห่งนี้ได้ปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาในประเทศสมาชิกและประเทศพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานสะอาด โครงการคมนาคม หรือโครงการด้านสาธารณสุข NDB ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่สถาบันการเงินเดิมๆ อาจเข้าไม่ถึงหรือมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนเกินไป

การมี NDB เป็นของตัวเอง ทำให้กลุ่ม BRICS สามารถขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และผลประโยชน์ของตนเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน และ รัสเซีย ซึ่งเป็นสองชาติที่มีบทบาทนำในกลุ่ม BRICS ได้ใช้ NDB เป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายอิทธิพลทางการเงินและแสดงจุดยืนในการต่อต้านการครอบงำของชาติตะวันตกในระบบการเงินโลก

ในฐานะนักลงทุน การทำความเข้าใจบทบาทของ NDB จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาในกลุ่มประเทศ BRICS ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจเหล่านี้ในระยะยาว คุณคิดว่า NDB จะสามารถท้าทายอำนาจของสถาบันการเงินแบบเดิมได้มากน้อยเพียงใด?

วาระทางภูมิรัฐศาสตร์: BRICS กับการท้าทายระบบการเงินแบบเดิม

นอกเหนือจากมิติทางเศรษฐกิจแล้ว BRICS ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้เล่นทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของโลก คุณเห็นถึงความตั้งใจของกลุ่มนี้ในการลดทอนอำนาจของมหาอำนาจเก่าหรือไม่?

เป้าหมายหลักของ BRICS คือการส่งเสริมการเป็นตัวแทนและเสียงที่ใหญ่ขึ้นของกลุ่มเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ลดการพึ่งพาชาติตะวันตก และสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความเป็นหลายขั้วอำนาจมากขึ้น ในสายตาของหลายคน นี่คือการท้าทายโดยตรงต่อระเบียบโลกที่นำโดยสหรัฐฯ และพันธมิตร

ลองพิจารณาบทบาทของสมาชิกหลักบางประเทศ:

  • จีน: ใช้เวที BRICS ในการสร้างอำนาจและขยายอิทธิพล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ Global South หรือซีกโลกทางใต้ จีนต้องการให้ BRICS เป็นแพลตฟอร์มในการผลักดันวิสัยทัศน์ของตนเองในการสร้างระเบียบโลกที่เป็นธรรมและสมดุลมากขึ้น
  • รัสเซีย: มองว่า BRICS เป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรุกรานยูเครนและมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากหลายประเทศ รัสเซียใช้ BRICS เป็นช่องทางในการเอาชนะและบรรเทาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้น รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรใหม่ทางการค้าและการเงิน

นี่คือการแสดงให้เห็นว่า BRICS ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มเศรษฐกิจ แต่เป็นเวทีที่ใช้ในการผลักดันวาระทางการเมืองระหว่างประเทศและสร้างสมดุลอำนาจใหม่ในโลกปัจจุบัน การเติบโตของ BRICS จึงถูกมองว่านำไปสู่การแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งสร้างความซับซ้อนให้กับประเทศที่มีความสัมพันธ์กับทั้งสองขั้ว

สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจมิติทางภูมิรัฐศาสตร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของตลาด การไหลเวียนของการลงทุน และความเสี่ยงทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงในดุลอำนาจโลกอาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ หรือความท้าทายที่คุณต้องเตรียมรับมือ คุณพร้อมที่จะวิเคราะห์สถานการณ์โลกและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับภูมิทัศน์ใหม่นี้แล้วหรือยัง?

ความฝันสกุลเงิน BRICS: ความเป็นไปได้และการเดิมพันครั้งใหญ่

หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงและเป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดเกี่ยวกับ BRICS คือแนวคิดในการ “สร้างสกุลเงินใหม่ของ BRICS” คุณเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม และคิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงหรือ?

แนวคิดนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการ ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ในการค้าระหว่างประเทศและระบบการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สหรัฐฯ ใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับบางประเทศ การมีสกุลเงินของตัวเองจะช่วยให้สมาชิก BRICS มีอิสระทางการเงินมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากการถูกกดดันทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม การสร้างสกุลเงินใหม่ที่สามารถแข่งขันกับดอลลาร์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณคิดว่าอุปสรรคสำคัญคืออะไร?

  • ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ: สมาชิก BRICS มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างมาก ตั้งแต่เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วอย่างจีนและอินเดีย ไปจนถึงเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างรัสเซียและบราซิล การจะสร้างสกุลเงินร่วมที่ได้รับการยอมรับและมีเสถียรภาพจำเป็นต้องมีการประสานงานนโยบายการเงินและการคลังอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่
  • ความน่าเชื่อถือ: สกุลเงินใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและภาคธุรกิจทั่วโลก ซึ่งต้องใช้เวลาและต้องแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองของกลุ่ม
  • การยอมรับในระดับโลก: การจะก้าวขึ้นมาเป็นสกุลเงินสำรองระดับโลก ต้องอาศัยการยอมรับอย่างกว้างขวางในธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดอลลาร์สหรัฐได้สั่งสมมานานนับทศวรรษ

แม้ว่าแนวคิดนี้จะยังไม่เป็นรูปธรรม แต่เป็นแนวคิดที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและสะท้อนถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของ BRICS ในการกระจายความเสี่ยงทางการเงินและท้าทายการครอบงำของดอลลาร์ นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการเงินโลกในอนาคต

ปฏิกิริยาจากสหรัฐฯ: เมื่อการท้าทายดอลลาร์เผชิญแรงต้าน

เมื่อมีแนวคิดที่จะท้าทายอำนาจของดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าย่อมเกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากประเทศที่เป็นเจ้าของสกุลเงินนั้น นั่นคือ สหรัฐอเมริกา คุณคิดว่าสหรัฐฯ จะนิ่งดูดายต่อความพยายามของ BRICS ในการสร้างสกุลเงินใหม่หรือไม่?

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยออกมาเตือนอย่างชัดเจนว่า หาก BRICS พยายามสร้างสกุลเงินเพื่อทดแทนดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาอาจต้องเผชิญกับการเก็บภาษี 100% จากสหรัฐฯ คำเตือนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังที่สหรัฐฯ ให้กับสถานะของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก และพร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน

การตอบโต้ในรูปแบบของมาตรการกีดกันทางการค้า เช่น การเก็บภาษีนำเข้าสูงๆ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศสมาชิก BRICS ที่มีการค้าขายกับสหรัฐฯ เพราะจะทำให้สินค้าของพวกเขาแพงขึ้นและแข่งขันได้ยากขึ้นในตลาดอเมริกา สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของสถานการณ์ที่ BRICS ต้องเผชิญ เมื่อพวกเขาพยายามที่จะปรับเปลี่ยนระเบียบโลกทางเศรษฐกิจ

ปฏิกิริยาจากสหรัฐฯ ตอกย้ำให้เห็นถึง:

  • ความสำคัญของดอลลาร์: ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินหลักในการค้าระหว่างประเทศ การเงินโลก และเป็นสกุลเงินสำรองที่สำคัญที่สุด
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: ความพยายามของ BRICS ในการสร้างระเบียบโลกใหม่กำลังก่อให้เกิดความตึงเครียดและอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ

ในฐานะนักลงทุน คุณจะต้องติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินโลก และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ คุณพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากความตึงเครียดเหล่านี้แล้วหรือยัง?

การแบ่งขั้วอำนาจโลก: BRICS กับฉากทัศน์ใหม่ของเศรษฐกิจและการเมือง

การเติบโตและการขยายตัวของ BRICS กำลังนำพาโลกเข้าสู่ยุคของการแบ่งขั้วอำนาจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คุณเห็นภาพนี้อย่างไรในฐานะนักลงทุน?

เรากำลังมองเห็นการก่อตัวของสองขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจหลัก:

  • **ขั้วอำนาจตะวันตก:** นำโดยสหรัฐฯ และกลุ่ม G7 ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถาบันการเงินระหว่างประเทศแบบดั้งเดิม
  • **ขั้วอำนาจ BRICS+:** นำโดยจีนและรัสเซีย พร้อมด้วยสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนที่กำลังขยายตัว ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจดาวรุ่ง

การแบ่งขั้วนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่ยังขยายไปสู่มิติทางภูมิรัฐศาสตร์ การค้า และแม้กระทั่งเทคโนโลยี แต่ละขั้วต่างพยายามสร้างระบบนิเวศของตนเอง เพื่อลดการพึ่งพาอีกฝ่ายและเพิ่มอำนาจต่อรอง

ผลกระทบของการแบ่งขั้วนี้คือ:

  • **ความซับซ้อนทางการค้า:** การค้าและการลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายที่พยายามลดการพึ่งพิงซึ่งกันและกัน (decoupling) หรือการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตร (friend-shoring)
  • **โอกาสและความท้าทาย:** สำหรับนักลงทุน นี่คือทั้งโอกาสและความท้าทาย คุณอาจเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนในประเทศกลุ่ม BRICS ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องระวังความเสี่ยงที่เกิดจากความตึงเครียดทางการเมืองและนโยบายกีดกันทางการค้า
  • **บทบาทของประเทศกลาง:** ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของทั้งสองขั้วอำนาจจะเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลความสัมพันธ์ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากทั้งสองฝ่ายและหลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้เลือกข้าง

การทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของดุลอำนาจโลกนี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างรอบคอบและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นี่คือฉากทัศน์ใหม่ที่คุณต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ไทยใน BRICS+: โอกาสทองในการเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุนใหม่

มาพูดถึงบทบาทของประเทศไทยกันบ้าง ในฐานะที่คุณเป็นนักลงทุน คุณคงอยากรู้ว่าการที่ไทยได้รับตอบรับให้เป็น “ประเทศหุ้นส่วน” ของ BRICS นั้นมีความหมายและนำมาซึ่งโอกาสอะไรบ้างใช่ไหมครับ?

การตัดสินใจเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของ BRICS สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยในการแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาคู่ค้าเดิมๆ ลองพิจารณาถึงประโยชน์ที่ไทยคาดว่าจะได้รับ:

  • **ส่งเสริมการค้าและการลงทุน:** BRICS เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 4 พันล้านคน และมีศักยภาพการเติบโตสูง การเข้าร่วมกลุ่มจะเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าและบริการของไทย และดึงดูดการลงทุนจากประเทศสมาชิก BRICS
  • **ทางเลือกทางการเงิน:** การมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่ม BRICS จะทำให้ไทยมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินในการค้าระหว่างประเทศ
  • **เพิ่มบทบาทในเวทีโลก:** การเป็นส่วนหนึ่งของ BRICS จะช่วยเพิ่มบทบาทและอำนาจต่อรองของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในประเด็นสำคัญ เช่น ความมั่นคงด้านอาหารและความมั่นคงด้านพลังงาน

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การค้ารวมของไทยกับกลุ่ม BRICS มีสัดส่วนสูงถึง 22.8% ซึ่งใกล้เคียงกับสัดส่วนการค้ากับกลุ่ม G7 (26.2%) นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่ม BRICS ต่อเศรษฐกิจไทย และศักยภาพในการเติบโตที่ยังคงมีอีกมาก

สำหรับคุณในฐานะนักลงทุน การเข้าร่วม BRICS ของไทยอาจเปิดโอกาสให้คุณสำรวจการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปยังตลาด BRICS หรือการลงทุนโดยตรงจากประเทศเหล่านี้ นี่คือโอกาสทองในการขยายขอบเขตการลงทุนของคุณให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ความท้าทายสำหรับประเทศไทย: การรักษาสมดุลในโลกหลายขั้ว

แม้ว่าการเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของ BRICS จะนำมาซึ่งโอกาสมากมาย แต่ในโลกที่กำลังเกิดการแบ่งขั้วอำนาจเช่นนี้ คุณคิดว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างในการดำเนินนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจ?

ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือการ “รักษาสมดุล” คุณทราบดีว่าไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนที่ลึกซึ้งกับทั้งชาติตะวันตกและกลุ่มประเทศ BRICS การเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไปอาจนำมาซึ่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ได้

ประเด็นที่ต้องระมัดระวังคือ:

  • มาตรการกีดกันทางการค้า: หากไทยดำเนินการตามข้อตกลงหรือนโยบายที่อาจก่อให้เกิดความอ่อนไหวต่อคู่ค้าตะวันตก เช่น การชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นที่ลดบทบาทดอลลาร์สหรัฐ หรือการสนับสนุนวาระทางการเมืองบางอย่าง อาจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ หรือสหภาพยุโรปได้
  • ความสัมพันธ์ทางการเมือง: การดำเนินนโยบายระหว่างประเทศต้องรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือสร้างความไม่พอใจให้กับคู่ค้าสำคัญในกลุ่ม G7 หรือพันธมิตรอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทยในระยะยาว
  • ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ: แม้ BRICS จะเติบโต แต่ไทยยังคงพึ่งพาตลาดตะวันตกในหลายมิติ การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ การลดการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐมากเกินไปโดยไม่มีแผนรองรับที่แข็งแกร่ง ก็อาจเป็นความเสี่ยงได้เช่นกัน

ดังนั้น ทางการไทยจะต้องดำเนินนโยบายอย่างชาญฉลาดและรอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเป็นประเทศหุ้นส่วน BRICS ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าเดิม และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ นี่คือบทบาทที่ละเอียดอ่อนที่คุณในฐานะนักลงทุนควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด

BRICS กับ G20: บทบาทที่ทับซ้อนและเส้นทางคู่ขนาน

คุณอาจสังเกตเห็นว่าสมาชิกบางส่วนของ BRICS ก็เป็นสมาชิกของ G20 ด้วยใช่ไหมครับ? G20 เป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่รวมเอาประเทศพัฒนาแล้วและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจโลก

การทับซ้อนกันของสมาชิกนี้ก่อให้เกิดคำถามที่น่าสนใจ:

  • BRICS จะทำงานคู่ขนานกับ G20 หรือไม่?
  • BRICS จะมีบทบาทในการลดทอนอำนาจของดอลลาร์สหรัฐในเวที G20 ด้วยหรือไม่?

ในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่ BRICS และ G20 อาจทำงานคู่ขนานกัน โดย BRICS จะเน้นการผลักดันวาระและผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา และอาจเป็นเวทีที่ใช้ในการทดลองนโยบายใหม่ๆ เช่น การส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้า หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่าน NDB ก่อนที่จะนำไปเสนอในเวที G20 ที่กว้างขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ BRICS ก็อาจส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจภายใน G20 ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกลุ่ม BRICS สามารถรวมตัวและแสดงบทบาทได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ก็อาจทำให้เสียงของชาติตะวันตกใน G20 มีน้ำหนักลดลง และทำให้การเจรจาในประเด็นสำคัญต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น

นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า BRICS อาจมีบทบาทในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐ การที่ BRICS และ G20 มีสมาชิกที่ทับซ้อนกัน แสดงให้เห็นถึงความพยายามของประเทศเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมและส่งผลต่อระเบียบโลกจากหลายเวที นี่คือความซับซ้อนที่น่าติดตามและมีผลต่อนักลงทุนอย่างเราอย่างแน่นอน

สรุป: BRICS กำหนดทิศทางอนาคตของคุณอย่างไรในฐานะนักลงทุน

ตลอดการเดินทางของเราในการทำความเข้าใจ BRICS คุณคงเห็นแล้วว่ากลุ่มประเทศนี้ไม่ใช่แค่ตัวย่อทางภูมิศาสตร์ แต่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญและกำลังกำหนดทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ BRICS สะท้อนให้เห็นถึงการก่อตัวของโลกที่หลากหลายขั้วอำนาจ ซึ่งท้าทายระบบระเบียบเดิมที่ชาติตะวันตกเป็นผู้กำหนด

ในฐานะนักลงทุน คุณไม่สามารถมองข้ามบทบาทของ BRICS ได้อีกต่อไป นี่คือบางประเด็นสำคัญที่คุณควรนำไปพิจารณา:

  • **การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจ:** โลกกำลังเคลื่อนจากระบบขั้วเดียวไปสู่ระบบหลายขั้ว BRICS กำลังสร้างดุลอำนาจใหม่ทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งอาจนำมาซึ่งความผันผวนในตลาด แต่ก็เปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
  • **โอกาสในตลาดใหม่:** การที่ไทยเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของ BRICS เป็นก้าวสำคัญที่เปิดประตูสู่โอกาสในการค้า การลงทุน และการเงินกับตลาดขนาดใหญ่เหล่านี้ คุณควรศึกษาถึงภาคส่วนและอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งขึ้นนี้
  • **ความเสี่ยงและความท้าทาย:** การเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมความเสี่ยง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การแบ่งขั้วเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ในการเกิดมาตรการกีดกันทางการค้า อาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลกและตลาดไทย คุณควรมีกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงและพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่น
  • **อนาคตของดอลลาร์สหรัฐ:** แม้การสร้างสกุลเงินใหม่ของ BRICS จะยังไม่เป็นรูปธรรม แต่ความพยายามในการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ จะยังคงดำเนินต่อไป และเป็นเรื่องที่คุณต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาว

การทำความเข้าใจภาพใหญ่เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลและชาญฉลาดในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว BRICS ไม่ใช่แค่หัวข้อข่าว แต่คือส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์การลงทุนที่คุณต้องทำความเข้าใจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต คุณพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะก้าวเข้าสู่โลกการลงทุนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับ BRICS?

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับbrics คือ

Q:BRICS คืออะไร?

A:BRICS คือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ประกอบไปด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, และแอฟริกาใต้ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาระบบการเงินที่เป็นอิสระมากขึ้น.

Q:สมาชิกใหม่ของ BRICS มีใครบ้าง?

A:สมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมในปี 2567 คือ อียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, และซาอุดีอาระเบีย.

Q:BRICS มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร?

A:BRICS มีอิทธิพลมากทั้งในด้านประชากร โดยมีประชากรรวมกันมากกว่า 4 พันล้านคน และมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันถึง 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลุ่มนี้สามารถกำหนดแนวโน้มทางเศรษฐกิจได้.

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *