โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีค่าสเปรดต่ำ: รีวิว 5 ตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2025

สารบัญ

เหตุใดค่าสเปรดต่ำจึงเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ในไทย ปี 2025

ในตลาดฟอเร็กซ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกปี การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกง่ายๆ อีกต่อไป แต่กลายเป็นกลยุทธ์ที่มีผลโดยตรงต่อผลตอบแทนระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ต้องบริหารต้นทุนอย่างรัดกุม การลดค่าใช้จ่ายต่อออเดอร์จึงเทียบได้กับการเพิ่มกำไรให้กับพอร์ตโดยไม่ต้องเพิ่มความเสี่ยง

ก่อนจะไปดูรายชื่อโบรกเกอร์ที่เรารวบรวมมาอย่างละเอียด ควรทำความเข้าใจให้ชัดว่า “ค่าสเปรด” คืออะไร นั่นก็คือช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ใดๆ ที่คุณต้องจ่ายโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย นี่คือค่าใช้จ่ายแรกเริ่มที่คุณต้อง “ตามให้ทัน” ก่อนที่จะเริ่มทำกำไรได้

เมื่อพูดถึงปี 2025 ที่เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ค่าสเปรดต่ำได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลใน 3 ด้านหลัก:

  1. เพิ่มอัตราการทำกำไรทันที: ทุกครั้งที่คุณเข้าตลาด คุณต้องเริ่มจากจุด “ขาดทุนแฝง” เท่ากับค่าสเปรด ยิ่งค่าใช้จ่ายนี้ต่ำ คุณก็ยิ่งเข้าถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น และสามารถปิดออเดอร์ทำกำไรได้ในระยะสั้นมากยิ่งขึ้น
  2. ก้าวสำคัญสำหรับเทรดเดอร์แบบสเกลป์ (Scalping) และเทรดรายวัน: นักเทรดที่เปิดปิดออเดอร์หลายสิบครั้งต่อวันจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากค่าสเปรดสะสม หากต้นทุนต่อออเดอร์สูง แม้กำไรต่อครั้งจะดูดี แต่ผลรวมอาจกลายเป็นขาดทุนโดยไม่รู้ตัว
  3. ช่วยลดแรงกดดันในการถือออเดอร์ระยะกลาง: แม้คุณจะไม่ได้เทรดสั้น แต่สเปรดต่ำก็ช่วยให้คุณเข้าตลาดด้วยความมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน หรือต้องการถือออเดอร์ข้ามคืน

ในบทความนี้ เราไม่เพียงแค่ให้ชื่อโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุด แต่จะวิเคราะห์ลึกลงไปถึงเงื่อนไขทั้งหมดที่นักเทรดชาวไทยควรพิจารณา ตั้งแต่ความปลอดภัย การเข้าถึงบริการในท้องถิ่น ไปจนถึงความเร็วในการส่งคำสั่ง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลรองรับ

ภาพประกอบการเทรดฟอเร็กซ์ แสดงกราฟและเหรียญเงินตราทั่วโลก

เกณฑ์คัดเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำที่เราใช้ในการจัดอันดับ

การจัดอันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ไม่ควรถูกตัดสินเพียงจากตัวเลขสเปรดเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เราได้กำหนดเกณฑ์ที่ครอบคลุมและเข้มงวด เพื่อให้ผลลัพธ์สะท้อนความเหมาะสมกับเทรดเดอร์ในประเทศไทยอย่างแท้จริง

  • 1. ข้อมูลสเปรดและต้นทุนรวม: เราประเมินจากค่าสเปรดเฉลี่ยของคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD และสินทรัพย์ยอดฮิตในไทยอย่าง XAU/USD (ทองคำ) โดยเน้นบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread ซึ่งให้สเปรดต่ำที่สุด พร้อมคำนวณค่าคอมมิชชั่นเพื่อหา “ต้นทุนการเทรดรวม” ที่แท้จริง
  • 2. ใบอนุญาตกำกับดูแลระดับโลก: โบรกเกอร์ต้องได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำระดับ Tier-1 เช่น ASIC ของออสเตรเลีย หรือ FCA ของสหราชอาณาจักร เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องมาก่อนเรื่องค่าสเปรด
  • 3. ความเร็วในการดำเนินคำสั่ง: ความเร็วคือหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับกลยุทธ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง โบรกเกอร์ที่มี server คุณภาพสูงและระบบ Execution ที่เสถียร จะช่วยลดปัญหา Slippage และ Requotes ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • 4. การรองรับผู้ใช้งานชาวไทย: นี่คือปัจจัยที่หลายรีวิวต่างประเทศมักมองข้าม แต่เราให้ความสำคัญสูงสุด ทั้งการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในไทย ความเร็วของธุรกรรม การสนับสนุนภาษาไทย และทีมงานที่เข้าใจพฤติกรรมการเทรดของนักลงทุนในประเทศ
  • 5. ความหลากหลายของบัญชีและสินทรัพย์: โบรกเกอร์ที่ดีต้องมีทางเลือกให้เหมาะกับทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ และควรมีสินทรัพย์ครบครันทั้งฟอเร็กซ์ ทองคำ หุ้นต่างประเทศ และดัชนี

5 โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สเปรดต่ำที่สุดในไทย ปี 2025

จากเกณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมา นี่คือรายชื่อโบรกเกอร์ที่เราคัดสรรมาอย่างเข้มงวด โดยเน้นทั้งประสิทธิภาพการเทรด ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกในการใช้งานสำหรับนักลงทุนชาวไทย

1. Moneta Markets – ผู้นำด้านสเปรดต่ำและการรองรับตลาดไทย

Moneta Markets คือชื่อที่ไม่อาจมองข้ามในปี 2025 ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีการเทรดระดับโลกและการออกแบบบริการเพื่อผู้ใช้งานชาวไทยอย่างแท้จริง ทำให้กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล

  • สเปรดที่แท้จริง: บัญชี Prime ECN ของ Moneta Markets ให้สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1–0.2 pips ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ขณะที่สเปรดทองคำ (XAU/USD) ก็อยู่ในระดับ 10–12 cents จัดว่าเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ให้ต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทองคำ
  • โครงสร้างสภาพคล่องแข็งแกร่ง: ด้วยการเชื่อมต่อกับผู้ให้สภาพคล่องรายใหญ่หลายราย ทำให้ Moneta Markets สามารถรักษาสเปรดแคบได้แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน เช่น ช่วงประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
  • รองรับการธนาคารในไทยอย่างเต็มรูปแบบ: จุดแข็งที่โดดเด่นคือการรองรับการฝาก-ถอนผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารไทย เช่น Internet Banking และ Thai QR Payment ทำให้การเติมเงินหรือถอนกำไรทำได้ภายในไม่กี่นาที
  • ความน่าเชื่อถือและการให้บริการ: ได้รับการกำกับดูแลโดย ASIC ของออสเตรเลีย หน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดระดับโลก มีสินทรัพย์ให้เทรดมากกว่า 1,000 รายการ ครอบคลุมทั้ง Forex, CFDs, หุ้น, ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์

2. Tickmill – ผู้เชี่ยวชาญด้าน ECN ที่โปร่งใสและรวดเร็ว

Tickmill เป็นที่รู้จักในหมู่เทรดเดอร์ระดับมืออาชีพทั่วโลก ด้วยจุดเด่นเรื่องความโปร่งใสของต้นทุนและความเร็วในการดำเนินคำสั่ง ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่เน้นกลยุทธ์แบบสเกลป์หรือใช้ระบบอัตโนมัติ

  • สเปรดต่ำ ค่าคอมมิชชั่นแข่งขันได้: บัญชี Pro และ VIP ของ Tickmill มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips โดยค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ $4 ต่อ lot round turn ซึ่งช่วยให้ต้นทุนรวมต่ำและคาดการณ์ได้
  • ความเร็วระดับไมโครเซกันด์: ข้อมูลจากทางโบรกเกอร์ระบุว่าความเร็วเฉลี่ยในการดำเนินคำสั่งอยู่ที่เพียง 0.20 วินาที ซึ่งช่วยลดปัญหา Slippage และ Requotes ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กำกับดูแลโดยหลายหน่วยงาน: มีใบอนุญาตจาก FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส) และ FSA (เซเชลส์) สร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของเงินทุน

3. Exness – ความรวดเร็วในการถอนเงินและเลเวอเรจสูง

Exness ครองใจเทรดเดอร์ไทยมานานด้วยจุดขายที่ชัดเจนเรื่องความเร็วในการทำธุรกรรมและการให้เลเวอเรจสูงถึงไม่จำกัดในบางบัญชี ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

  • สเปรดต่ำในบัญชี Raw และ Zero: บัญชี Zero ของ Exness มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับคู่เงินหลัก แต่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม ทำให้เหมาะกับผู้ที่เทรดบ่อย
  • ระบบถอนเงินอัตโนมัติ 24/7: จุดเด่นที่สุดคือระบบถอนเงินที่ทำงานตลอดเวลา ทำให้เทรดเดอร์สามารถรับเงินภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ควรระวังว่าในช่วงข่าวใหญ่ สเปรดอาจขยายตัวมากกว่าโบรกเกอร์ ECN แท้
  • ใบอนุญาตจาก CySEC และ FSCA: ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ แม้ไม่ได้อยู่ภายใต้ FCA หรือ ASIC โดยตรง แต่ก็ยังถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูง

4. XM – โบรกเกอร์สำหรับผู้เริ่มต้นที่ครบเครื่อง

XM เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเทรดมือใหม่ชาวไทย ด้วยแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย การเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

  • สเปรดต่ำในบัญชี Ultra Low: บัญชี XM Ultra Low Standard ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ยังให้สเปรดเฉลี่ย EUR/USD อยู่ที่ 0.6–0.8 pips ซึ่งต่ำกว่าบัญชี Standard ทั่วไป
  • แหล่งเรียนรู้ครบวงจร: XM ลงทุนในการจัดสัมมนาออนไลน์ เว็บบินาร์ และคู่มือการเทรดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะ
  • ความน่าเชื่อถือระดับสูง: ได้รับการกำกับดูแลโดย ASIC และ CySEC ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล

5. IC Markets – ผู้นำด้านปริมาณการซื้อขายในโลก ECN

IC Markets ถือเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยวัดจากปริมาณการซื้อขายรายเดือน และเป็นที่รู้จักในฐานะโบรกเกอร์ ECN แท้ที่เน้นสภาพแวดล้อมการเทรดแบบตรงไปตรงมา

  • สเปรดเฉลี่ยต่ำสุดในกลุ่ม: บัญชี Raw Spread ของ IC Markets มีสเปรดเฉลี่ย EUR/USD อยู่ที่ 0.1 pips ซึ่งดึงดูดนักเทรดที่ใช้ EA หรือกลยุทธ์ปริมาณสูง
  • สภาพคล่องจากธนาคารระดับโลก: ด้วยปริมาณการเทรดที่สูง ทำให้ IC Markets สามารถเข้าถึงสภาพคล่องโดยตรงจากธนาคารชั้นนำ ช่วยให้สเปรดแคบและมีเสถียรภาพ
  • ใบอนุญาตจาก ASIC: ได้รับการกำกับดูแลโดย ASIC ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงมาก
ภาพประกอบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สเปรดต่ำ แสดงการทำงานแบบเรียลไทม์

ตารางเปรียบเทียบสเปรดและเงื่อนไขของโบรกเกอร์ทั้ง 5

เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมอย่างชัดเจน เรามีตารางสรุปข้อมูลสำคัญของโบรกเกอร์ทั้ง 5 แห่ง ข้อมูลอ้างอิงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2024 และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ สเปรดเฉลี่ย EUR/USD (บัญชี ECN/Raw) สเปรดเฉลี่ย XAU/USD (บัญชี ECN/Raw) ค่าคอมมิชชั่น หน่วยงานกำกับดูแล รองรับธนาคารไทย
Moneta Markets 0.1 pips 10-12 cents $6 ต่อ lot round turn ASIC ยอดเยี่ยม
Tickmill 0.1 pips 12-15 cents $4 ต่อ lot round turn FCA, CySEC ดี
Exness 0.1 pips 18-20 cents สูงถึง $7 ต่อ lot round turn CySEC, FSCA ยอดเยี่ยม
XM 0.6 pips (Ultra Low) 25-30 cents (Ultra Low) ไม่มี ASIC, CySEC ดี
IC Markets 0.1 pips 12-14 cents $7 ต่อ lot round turn ASIC ดี

เจาะลึก: โบรกเกอร์ใดให้สเปรดทองคำ (XAU/USD) ต่ำที่สุดในปี 2025?

สำหรับนักลงทุนชาวไทย ทองคำ (XAU/USD) ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ แต่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและโอกาสทำกำไรในช่วงเงินเฟ้อหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ที่ให้สเปรดทองต่ำจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

จากข้อมูลที่ Bloomberg รายงาน ตลาดทองคำจะมีความผันผวนสูงในช่วงที่ตลาดหลักเปิดพร้อมกัน เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้สเปรดขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น โบรกเกอร์ที่มีระบบ ECN แท้จะช่วยรักษาสเปรดให้แคบได้ดีกว่า

  • Moneta Markets: โดดเด่นที่สุดด้วยสเปรดทองคำเฉลี่ยเพียง 10–12 cents ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่ม ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์ทองคำ
  • IC Markets และ Tickmill: มีสเปรดอยู่ที่ 12–15 cents ถือว่าอยู่ในระดับแข่งขันได้สูง
  • Exness และ XM: แม้มีความรวดเร็วและรองรับการถอนดี แต่สเปรดทองคำโดยรวมมักสูงกว่าในช่วงเวลาที่ตลาดวุ่นวาย

หากคุณเน้นการเทรดทองคำเป็นหลัก Moneta Markets คือทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025

วิธีเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะกับคุณในไทย

ไม่มีโบรกเกอร์ใด “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน แต่ทุกคนสามารถหา “โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง” ได้ หากพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

เลือกตามประเภทบัญชี

  • บัญชี Standard: เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่น สเปรดอาจกว้างหน่อย แต่คำนวณต้นทุนง่าย
  • บัญชี ECN/Raw: เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการสเปรดต่ำที่สุด แม้จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม แต่ต้นทุนรวมมักต่ำกว่าในระยะยาว

เลือกตามสไตล์การเทรด

  • Scalper / Day Trader: ควรพิจารณา “ต้นทุนรวม” เป็นหลัก โบรกเกอร์เช่น Moneta Markets และ Tickmill จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • Swing Trader: นอกจากสเปรด ควรพิจารณาค่า Swap (ดอกเบี้ยข้ามคืน) ด้วย เพราะอาจส่งผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว

เลือกจากความน่าเชื่อถือและการสนับสนุนในท้องถิ่น

อย่าตกหลุมพรางกับคำว่า “สเปรดศูนย์” โดยไม่ตรวจสอบบริบท โบรกเกอร์ที่ดีต้องมีใบอนุญาตที่ชัดเจน มีช่องทางฝาก-ถอนที่รวดเร็วผ่านธนาคารไทย และมีทีมสนับสนุนภาษาไทยที่ตอบคำถามได้จริง

สรุป: โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สเปรดต่ำที่สุดในปี 2025 คือใคร?

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำไม่ใช่แค่การประหยัดค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนในประสิทธิภาพการเทรดของคุณเอง ซึ่งจะส่งผลต่อผลกำไรในระยะยาว

จากทุกเกณฑ์ที่เราวิเคราะห์อย่างละเอียด พบว่า Moneta Markets คือตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ด้วยสเปรดต่ำทั้งใน EUR/USD และ XAU/USD การกำกับดูแลโดย ASIC ที่เข้มงวด และการรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เราแนะนำให้คุณใช้ข้อมูลในบทความนี้เป็นจุดเริ่มต้น และทดลองใช้บัญชีเดโม่ของแต่ละโบรกเกอร์เพื่อทดสอบสเปรด ความเร็ว และความสะดวกในการใช้งานด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีจริง

โบรกเกอร์ Forex ที่มีค่าสเปรดต่ำที่สุดในปี 2025 คือเจ้าไหน?

จากกาารเปรียบเทียบของเรา โบรกเกอร์ที่มีต้นทุนการเทรด (สเปรด + คอมมิชชั่น) โดยรวมต่ำที่สุดคือกลุ่มโบรกเกอร์ ECN เช่น Moneta Markets, Tickmill, และ IC Markets โดย Moneta Markets มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในด้านสเปรดทองคำ (XAU/USD) ที่ต่ำ และการรองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและสะดวกสบายสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

ค่าสเปรด Forex โดยเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่?

ค่าสเปรด Forex จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงิน, ประเภทบัญชี, และโบรกเกอร์ โดยทั่วไปแล้ว:

  • บัญชี Standard: สเปรด EUR/USD อาจอยู่ที่ 1.0 – 2.0 pips
  • บัญชี ECN/Raw: สเปรด EUR/USD จะต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 0.1 – 0.3 pips แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม

บัญชี ECN กับบัญชี Standard แตกต่างกันอย่างไรเรื่องค่าสเปรด?

ความแตกต่างหลักคือโครงสร้างต้นทุน ตามคำนิยามจาก Investopedia บัญชี ECN (Electronic Communication Network) จะส่งคำสั่งซื้อขายของคุณไปยังตลาดกลางโดยตรง ทำให้ได้สเปรดที่แคบมาก (มาจากราคาที่ดีที่สุดในตลาด) แต่จะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก ในขณะที่บัญชี Standard โบรกเกอร์จะบวกกำไรเข้าไปในสเปรด ทำให้สเปรดกว้างขึ้น แต่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

โบรกเกอร์ไหนมีค่าสเปรดทอง (XAU/USD) ต่ำที่สุด?

จากการตรวจสอบของเรา Moneta Markets เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ให้ค่าสเปรดทองคำ (XAU/USD) ที่ต่ำและแข่งขันได้มากที่สุดในบัญชี Prime ECN ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นการทำกำไรจากทองคำเป็นหลัก รองลงมาคือ IC Markets และ Tickmill ซึ่งทำได้ดีเช่นกัน

ค่าสเปรดของ XM สำหรับคู่เงินหลักและทองคำอยู่ที่เท่าไหร่?

ค่าสเปรดของ XM ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี สำหรับบัญชีที่ได้รับความนิยมอย่าง XM Ultra Low Standard (ซึ่งไม่มีค่าคอมมิชชั่น) ค่าสเปรดสำหรับ EUR/USD จะเริ่มต้นที่ประมาณ 0.6 pips ส่วนสเปรดทองคำ (XAU/USD) จะอยู่ที่ประมาณ 25-30 cents ซึ่งอาจจะสูงกว่าโบรกเกอร์ประเภท ECN ที่มีค่าคอมมิชชั่น

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดเป็นศูนย์ (Zero Spread) ดีจริงหรือไม่? มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ หรือเปล่า?

บัญชี “Zero Spread” หรือ “สเปรดศูนย์” มักจะหมายถึงสเปรดสำหรับคู่เงินหลักในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูงเท่านั้น และเกือบทุกกรณีจะมี “ค่าคอมมิชชั่น” เป็นค่าใช้จ่ายแทน ดังนั้นจึงไม่ใช่การเทรดฟรี สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณา “ต้นทุนรวม” (สเปรด + คอมมิชชั่น) เสมอ บัญชีประเภทนี้มักจะเหมาะกับนักเทรดที่มีประสบการณ์ที่สามารถคำนวณต้นทุนเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *