โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง: วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือในประเทศไทยปี 2025

สารบัญ

ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีการจดทะเบียนถูกต้องจึงสำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย?

ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวและโอกาส การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของสเปรดต่ำหรือโปรโมชั่นแรง แต่คือเรื่องของ “ความปลอดภัย” อย่างแท้จริง นักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นในประเทศไทย มักถูกดึงดูดด้วยข้อเสนอเรื่องโบนัส 100% หรือเลเวอเรจ 1:1000 โดยลืมนึกไปว่าหากโบรกเกอร์ไม่มีการกำกับดูแลที่ชัดเจน เงินทุกบาทที่ฝากเข้าไปอาจสูญหายได้ในพริบตา

การมี “ใบอนุญาต” ไม่ใช่แค่กระดาษรับรอง แต่คือการรับประกันว่าโบรกเกอร์นั้นดำเนินงานภายใต้กรอบกฎหมายที่เข้มงวด มีหน่วยงานกลางคอยตรวจสอบและบังคับใช้มาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงหรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

ความเสี่ยงจากการใช้บริการโบรกเกอร์ที่ไม่มีการจดทะเบียน (Unregulated Broker) มีอยู่จริงและรุนแรงกว่าที่หลายคนคิด เช่น

  • เงินหายไม่มีร่องรอย: มีกรณีตัวอย่างจริงที่โบรกเกอร์เพิ่งเปิดตัวไม่กี่เดือน แล้วปิดเว็บไซต์หนีพร้อมเงินลูกค้าทั้งหมด โดยไม่มีหน่วยงานใดสามารถติดตามได้
  • ราคาที่ถูกดัดแปลง: บางแพลตฟอร์มอาจตั้งโปรแกรมให้คำสั่งซื้อขายของคุณเกิดดีเลย์ หรือแสดงราคาที่ไม่ตรงกับตลาดโลก เพื่อให้คุณขาดทุนโดยอัตโนมัติ
  • ถอนเงินไม่ได้: เมื่อคุณทำกำไรได้ กลับถูกตั้งเงื่อนไขใหม่ เช่น ต้องเทรดให้ถึงเทิร์นโอเวอร์หลายร้อยครั้ง หรือถูกปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผล
  • ไม่มีช่องทางร้องทุกข์: ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่มีกองทุนชดเชย ไม่มีกระบวนการไกล่เกลี่ย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “ความเมตตา” ของโบรกเกอร์

ด้วยเหตุนี้ การตรวจสอบใบอนุญาตก่อนเริ่มเทรด จึงไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญ แต่เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่แยก “นักเทรดที่จริงจัง” ออกจาก “ผู้เล่นที่พร้อมจะเสียเงิน”

ภาพประกอบการเทรดฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต

จัดอันดับ 10 โบรกเกอร์ Forex ที่มีใบอนุญาตและน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2025

การคัดเลือกโบรกเกอร์ในรายการนี้ไม่ได้อิงเพียงจากชื่อเสียงหรือโฆษณา แต่ผ่านการตรวจสอบเชิงลึกในหลายมิติ ทั้งระดับความเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล เงื่อนไขการเทรด ความเร็วของแพลตฟอร์ม การสนับสนุนภาษาไทย และประสบการณ์ใช้งานจริงของเทรดเดอร์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับ Tier-1 ถือเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องผ่านก่อนพิจารณา

โบรกเกอร์ หน่วยงานกำกับดูแลหลัก เงินฝากขั้นต่ำ เลเวอเรจสูงสุด สเปรดเฉลี่ย (EUR/USD)
Moneta Markets ASIC, FSCA $50 1:1000 0.0 pips + คอมมิชชั่น
Pepperstone ASIC, FCA, CySEC $200 1:500 (ขึ้นอยู่กับหน่วยงาน) 0.0 pips + คอมมิชชั่น
IC Markets ASIC, CySEC $200 1:1000 0.0 pips + คอมมิชชั่น
Exness FCA, CySEC, FSCA $10 ไม่จำกัด (มีเงื่อนไข) 0.6 pips
XM ASIC, CySEC $5 1:1000 1.7 pips
FP Markets ASIC, CySEC $100 AUD 1:500 0.1 pips + คอมมิชชั่น
Tickmill FCA, CySEC, FSCA $100 1:500 0.0 pips + คอมมิชชั่น
Eightcap ASIC, FCA $100 1:500 0.0 pips + คอมมิชชั่น
Vantage ASIC, CIMA $50 1:1000 1.4 pips
Axi ASIC, FCA $0 1:500 1.2 pips

1. Moneta Markets – โบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วและได้รับการกำกับดูแลหลายชั้น

Moneta Markets กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 ด้วยการเติบโตอย่างมั่นคงและการปรับตัวเข้ากับนักลงทุนชาวไทยได้อย่างลงตัว จุดแข็งหลักคือการได้รับใบอนุญาตจาก ASIC (ออสเตรเลีย) และ FSCA (แอฟริกาใต้) ซึ่งแสดงถึงการดำเนินงานที่โปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

สิ่งที่ทำให้ Moneta Markets แตกต่างจากโบรกเกอร์ต่างประเทศอื่นๆ คือการใส่ใจในรายละเอียดของผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยเฉพาะการรองรับการฝาก-ถอนผ่าน Thai QR Payment ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมได้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พูดภาษาไทยได้คล่อง พร้อมให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การยืนยันตัวตนไปจนถึงการถอนเงิน

แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์นี้มีความเสถียรสูง เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเปิดโอกาสให้เข้าถึงสินทรัพย์มากกว่า 1,000 รายการ ตั้งแต่คู่เงินหลัก ดัชนี โลหะ และหุ้น CFD ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

2. Pepperstone

Pepperstone ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีระบบเทรดเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะบัญชี Razor ที่ให้สเปรดต่ำตั้งแต่ 0.0 pips และคิดค่าคอมมิชชั่นในอัตราที่แข่งขันได้ ทำให้เป็นที่นิยมของเทรดเดอร์สาย Scalping และผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง

ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์นี้ยังได้รับการยืนยันจากใบอนุญาตจาก FCA (สหราชอาณาจักร) และ ASIC ซึ่งเป็นสองในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุด กลไกการแยกบัญชีลูกค้าออกจากบัญชีดำเนินงานของบริษัท (Segregated Accounts) และการเข้าร่วมโครงการชดเชย FSCS ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างมาก

3. IC Markets

IC Markets ครองตำแหน่งผู้นำในด้านปริมาณการซื้อขาย โดยมีสภาพคล่องจากผู้ให้บริการรายใหญ่กว่า 50 ราย ทำให้สามารถเสนอราคาที่ดีที่สุดและสเปรดที่แคบอย่างต่อเนื่อง

โบรกเกอร์นี้เป็นที่นิยมของผู้ใช้ระบบอัตโนมัติ (Expert Advisors) และผู้ที่ต้องการคำสั่งที่ดำเนินการได้ภายในไม่กี่มิลลิวินาที ด้วยการรองรับ MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ cTrader อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC และ CySEC จึงมั่นใจได้ว่าเงินทุนของคุณจะถูกจัดการอย่างโปร่งใสและปลอดภัย

ภาพประกอบการตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

เจาะลึกหน่วยงานกำกับดูแล (Regulatory Bodies) ที่เทรดเดอร์ไทยควรรู้จัก

เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ คุณควรเข้าใจว่า “ใคร” คือผู้ดูแลโบรกเกอร์นั้นๆ เพราะไม่ใช่ทุกหน่วยงานที่มีมาตรฐานเท่ากัน การแบ่งระดับหน่วยงานกำกับดูแลจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Tier-1 Regulators (ระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด)

  • ASIC (Australian Securities and Investments Commission): ถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานสูงสุดของโลก ด้วยข้อกำหนดด้านเงินทุนขั้นต่ำที่เข้มงวด และการบังคับให้โบรกเกอร์ต้องแยกบัญชีลูกค้าอย่างชัดเจน รวมถึงต้องมีรายงานทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ
  • FCA (Financial Conduct Authority): หน่วยงานของสหราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียงด้านการคุ้มครองนักลงทุน โบรกเกอร์ภายใต้ FCA จะต้องเข้าร่วมโครงการ FSCS ซึ่งคุ้มครองเงินทุนสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ต่อลูกค้าหนึ่งคน
  • CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission): เป็นประตูสู่ตลาดยุโรป โดยโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตนี้สามารถให้บริการทั่ว EU ภายใต้ MiFID II ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการจัดการความเสี่ยง การเปิดเผยข้อมูล และการควบคุมเลเวอเรจอย่างชัดเจน

Tier-2 Regulators (ระดับดี)

  • FSCA (Financial Sector Conduct Authority): หน่วยงานกำกับดูแลของแอฟริกาใต้ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกาและเอเชีย มีมาตรการคุ้มครองลูกค้าที่เข้มข้นและต้องรายงานการเงินอย่างสม่ำเสมอ
  • DFSA (Dubai Financial Services Authority): ดูแลตลาดการเงินในเขต DIFC ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของตะวันออกกลาง มีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับ FCA และ ASIC แต่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางมากกว่า

โดยทั่วไป โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจาก Tier-1 จะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า เพราะมีภาระผูกพันที่หนักกว่า เช่น การประกันเงินทุน การตรวจสอบภายนอก และข้อจำกัดในการใช้เลเวอเรจ

วิธีตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex ด้วยตัวเอง: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์ไทย ปี 2025

การจะอยู่รอดในตลาดฟอเร็กซ์ คุณต้องเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลเอง ไม่ใช่แค่เชื่อคำโฆษณา การตรวจสอบใบอนุญาตไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด

ขั้นตอนที่ 1: ค้นหาข้อมูลใบอนุญาตบนเว็บไซต์โบรกเกอร์

ไปที่หน้าเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ที่คุณสนใจ แล้วเลื่อนลงไปที่ส่วนล่างสุด (Footer) คุณควรเห็นข้อความเช่น “Regulated by ASIC, License No. 424606” หรือ “Authorised by FCA” ให้จดชื่อบริษัทที่ให้บริการจริง (ซึ่งอาจต่างจากชื่อแบรนด์) และเลขที่ใบอนุญาตไว้

ขั้นตอนที่ 2: เข้าเว็บไซต์หน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง

เปิดเบราว์เซอร์ใหม่ แล้วพิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์ของหน่วยงานจริง เช่น https://asic.gov.au/ หรือ https://www.fca.org.uk/ ห้ามคลิกลิงก์จากเว็บโบรกเกอร์โดยเด็ดขาด เพราะอาจถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนจริง

ขั้นตอนที่ 3: ค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูลอย่างเป็นทางการ

บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ให้ค้นหาเมนูที่ชื่อว่า “Register”, “Check a Firm” หรือ “Professional Search” แล้วป้อนเลขที่ใบอนุญาตหรือชื่อบริษัทที่คุณจดไว้

ขั้นตอนที่ 4: ยืนยันข้อมูลให้ตรงกันทุกประการ

เมื่อพบข้อมูลแล้ว ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่า:

  • ชื่อบริษัทตรงกับที่โบรกเกอร์ระบุหรือไม่?
  • สถานะของใบอนุญาตเป็น “Authorised” หรือ “Active”?
  • เว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตมีชื่อโดเมนตรงกับที่คุณใช้งานอยู่หรือไม่?

หากทั้งหมดตรงกัน แสดงว่าโบรกเกอร์นั้นได้รับการกำกับดูแลอย่างแท้จริง

ก.ล.ต. ของไทยรับรองโบรกเกอร์ Forex หรือไม่? ความจริงที่ต้องรู้

คำถามนี้มักเกิดขึ้นในกลุ่มเทรดเดอร์มือใหม่ และคำตอบคือ: ไม่มี ณ ปี 2025 สำนักงาน ก.ล.ต. ยังไม่ได้เปิดรับใบอนุญาตสำหรับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ให้บริการ CFD แก่ประชาชนทั่วไป

ดังนั้น โบรกเกอร์ใดก็ตามที่อ้างว่า “ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ไทย” ถือเป็นข้อมูลเท็จอย่างชัดแจ้ง นักลงทุนควรระมัดระวังและรายงานเว็บไซต์ดังกล่าวทันที

ความจริงก็คือ เทรดเดอร์ชาวไทยต้องพึ่งโบรกเกอร์ต่างชาติที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานต่างประเทศ และนั่นคือเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีตรวจสอบใบอนุญาตด้วยตัวเอง เพราะไม่มีหน่วยงานในประเทศที่คุ้มครองคุณหากเกิดปัญหา

บทสรุป: เลือกโบรกเกอร์ที่ใช่เพื่อความสำเร็จในการเทรดที่ยั่งยืนในปี 2025

การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลือก แต่คือการตัดสินใจที่ส่งผลต่อ “อนาคตทางการเงิน” ของคุณ การเริ่มต้นด้วยโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับโลก คือการปูพื้นฐานที่มั่นคงที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์สายเทคนิค สายนิวส์ หรือใช้ระบบอัตโนมัติ

สิ่งที่คุณควรจำไว้จากบทความนี้คือ:

  1. อย่าข้ามขั้นตอนการตรวจสอบ: ใช้เวลาแค่ 10 นาที แต่สามารถป้องกันการสูญเสียเงินหลายหมื่นหรือหลายแสนบาทได้
  2. อย่าเลือกเพียงเพราะเงินฝากต่ำ: เงินฝากขั้นต่ำ $5 อาจดูน่าสนใจ แต่ถ้าโบรกเกอร์ไม่มีการกำกับดูแล คุณอาจเสียทั้งเงินต้นและกำไรทั้งหมด
  3. เลือกให้เหมาะกับสไตล์: ไม่มีโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

เมื่อคุณมั่นใจในความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม คุณจะสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดได้เต็มที่ นั่นคือการพัฒนาทักษะ การวิเคราะห์ตลาด และจิตวิทยาการเทรด

Moneta Markets คือหนึ่งในตัวเลือกที่พร้อมสนับสนุนคุณทุกย่างก้าว ด้วยระบบที่เสถียร การบริการที่เข้าใจเทรดเดอร์ไทย และการกำกับดูแลที่โปร่งใส เริ่มต้นเส้นทางการเทรดของคุณอย่างมั่นใจตั้งแต่วันนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทยสำหรับปี 2025 คือใคร?

ไม่มีคำตอบเดียวสำหรับ “โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด” แต่กลุ่มโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือสูงสุดคือกลุ่มที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับ Tier-1 เช่น ASIC, FCA หรือ CySEC จากรายชื่อที่เราแนะนำ โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets, Pepperstone, และ IC Markets ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก เนื่องจากมีใบอนุญาตที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงที่ดีในระดับโลก

เราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าโบรกเกอร์ Forex มีใบอนุญาตจริง?

คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง 4 ขั้นตอนง่ายๆ:

  1. หาเลขทะเบียนใบอนุญาตจากหน้าเว็บของโบรกเกอร์ (ส่วนท้ายเว็บ)
  2. ไปที่เว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง (ห้ามคลิกลิงก์จากเว็บโบรกเกอร์)
  3. ใช้เลขทะเบียนหรือชื่อบริษัทค้นหาในฐานข้อมูลของหน่วยงาน
  4. เปรียบเทียบข้อมูลที่พบว่าตรงกับที่โบรกเกอร์อ้างไว้หรือไม่

มีโบรกเกอร์ Forex ที่ ก.ล.ต. ของไทยรับรองโดยตรงหรือไม่?

ไม่มี ในปัจจุบัน (ปี 2025) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทย ยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สำหรับลูกค้ารายย่อยโดยตรง ดังนั้นเทรดเดอร์ไทยจึงต้องเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือแทน

การเทรดกับโบรกเกอร์ที่ไม่มีการจดทะเบียนมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

มีความเสี่ยงสูงมาก ได้แก่:

  • การฉ้อโกง: โบรกเกอร์อาจปิดหนีไปพร้อมกับเงินทุนของคุณ
  • ปัญหาการถอนเงิน: อาจถูกปฏิเสธการถอนเงิน หรือถูกตั้งเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม
  • การโกงราคา: โบรกเกอร์อาจปรับแต่งกราฟราคาเพื่อให้คุณขาดทุน
  • ไม่มีการคุ้มครอง: หากเกิดปัญหาขึ้น จะไม่มีหน่วยงานกลางให้ร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม

โบรกเกอร์ Forex อันดับ 1 ของโลกคือใคร?

คำว่า “อันดับ 1” สามารถวัดได้จากหลายมิติ เช่น ปริมาณการซื้อขาย, จำนวนลูกค้า หรือรางวัลที่ได้รับ โบรกเกอร์อย่าง IC Markets มักถูกอ้างถึงว่ามีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับเทรดเดอร์รายย่อย สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ มีเงื่อนไขการเทรดที่ดี และเหมาะกับสไตล์ของตนเอง

เงินฝากขั้นต่ำในการเปิดบัญชี Forex ในไทยโดยเฉลี่ยคือเท่าไหร่?

เงินฝากขั้นต่ำมีความหลากหลายมาก บางโบรกเกอร์ เช่น XM หรือ Exness อาจเริ่มต้นเพียง $5-$10 ในขณะที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักกำหนดไว้ที่ประมาณ $50 – $200 (ประมาณ 1,800 – 7,200 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่เข้าถึงได้สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

Moneta Markets ปลอดภัยสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทยหรือไม่?

ปลอดภัยมาก Moneta Markets เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ไทย ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ:

  1. การกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง: อยู่ภายใต้การกำกับของ ASIC (ออสเตรเลีย) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก ทำให้มั่นใจได้ว่าเงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บในบัญชีที่แยกต่างหากและมีการดำเนินงานที่โปร่งใส
  2. การบริการที่ปรับให้เข้ากับคนไทย: การรองรับระบบ Thai QR Payment, การฝากถอนที่รวดเร็ว และทีมซัพพอร์ตภาษาไทย ทำให้การใช้งานสะดวกและลดอุปสรรคด้านภาษาและการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจให้กับผู้ใช้งาน

ความแตกต่างระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล ASIC และ CySEC คืออะไร?

ทั้งสองเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ แต่มีความแตกต่างหลักๆ คือขอบเขตอำนาจและกฎระเบียบบางข้อ ASIC คือหน่วยงานของออสเตรเลีย มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎที่คุ้มครองนักลงทุนรายย่อยอย่างเคร่งครัด ในขณะที่ CySEC คือหน่วยงานของไซปรัส ซึ่งเป็นประตูสู่ตลาดยุโรป โบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้ CySEC จะต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมายของสหภาพยุโรป (MiFID II) ซึ่งมีมาตรฐานสูงเช่นกัน การที่โบรกเกอร์มีใบอนุญาตจากทั้งสองแห่งหรือแห่งใดแห่งหนึ่ง ถือเป็นเครื่องหมายของความน่าเชื่อถือในระดับสากล

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *