บทนำ: ทำไมคนไทยถึงกังวลเรื่องกฎหมาย Forex?

ยุคดิจิทัลที่ข้อมูลไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ทำให้การลงทุนในตลาดการเงินกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่หุ้นหรือกองทุน แต่รวมถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Forex ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากด้วยภาพลักษณ์ของการทำกำไรเร็วและสูง เพียงใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือก็สามารถเข้าถึงตลาดโลกได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นกลับมาพร้อมกับคำถามสำคัญที่หลายคนยังคงสับสน: “การเทรด Forex ในประเทศไทย ผิดกฎหมายไหม?”
ความลังเลใจของนักลงทุนไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีข่าวการจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพที่แอบอ้างการเทรด Forex พร้อมกับสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาล แต่สุดท้ายกลายเป็นการหลอกเอาเงินจากผู้เสียหายจนหมดตัว กรณีเหล่านี้ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า การลงทุนในตลาดเงินตราต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น ถือว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ และหากทำผิด จะมีผลอย่างไรต่อชีวิตและอนาคตทางการเงิน บทความนี้จะไขข้อข้องใจทั้งหมด ตั้งแต่พื้นฐานของ Forex ไปจนถึงสถานะทางกฎหมายในประเทศไทย และแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
Forex คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานการเทรดสกุลเงิน

ตลาด Forex หรือที่เรียกเต็มว่า Foreign Exchange Market เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึงกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของตลาดนี้คือเปิดให้ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยการซื้อขายจะสลับกันไปตามศูนย์กลางการเงินหลักของโลก เช่น โตเกียว ซิดนีย์ ลอนดอน และนิวยอร์ก
หัวใจหลักของการเทรด Forex คือการคาดการณ์ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน เช่น คู่เงิน EUR/USD หรือ USD/THB เมื่อคุณซื้อ (Buy) คู่เงินนี้ แปลว่าคุณเชื่อว่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน หากคุณขาย (Sell) คุณก็คาดว่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลง เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวตามที่คุณคาดการณ์ คุณก็จะได้กำไร แต่หากทิศทางตรงข้าม คุณก็จะขาดทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนมักสับสนคือ ความแตกต่างระหว่าง “การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อการใช้จ่ายจริง” กับ “การเทรด Forex เพื่อเก็งกำไร” ตัวอย่างเช่น การแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์เพื่อเดินทางไปต่างประเทศผ่านธนาคาร ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมายและได้รับการกำกับดูแล แต่หากคุณเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้เลเวอเรจ (Leverage) หรือมาร์จิ้นเทรด (Margin Trading) นี่คือจุดที่กฎหมายเริ่มเข้ามามีบทบาท และในบริบทของประเทศไทย การกระทำดังกล่าวมีข้อจำกัดที่ชัดเจน
Forex ในประเทศไทย: ผิดกฎหมายหรือไม่? คำตอบจากหน่วยงานรัฐ

คำถามที่ว่า “การเทรด Forex ในไทยผิดกฎหมายไหม?” ไม่ใช่คำถามที่ตอบด้วย “ใช่” หรือ “ไม่” ได้ทันที แต่ต้องพิจารณาจากบริบทและวิธีการที่ใช้ คำตอบโดยสรุปคือ **การเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต และเข้าข่ายการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ**
สองหน่วยงานหลักที่มีบทบาทในการกำกับดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศในประเทศไทยคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีขอบเขตอำนาจและหน้าที่ที่ต่างกัน แต่ร่วมกันสร้างกรอบกฎหมายเพื่อปกป้องเสถียรภาพทางการเงินและนักลงทุน
บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ในการควบคุม Forex
ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มีอำนาจหลักตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 ซึ่งเป็นกฎหมายที่วางกรอบการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและการเงินต่างประเทศของชาติ
ตามกฎหมาย ธปท. กำหนดไว้ว่า ทุกการซื้อขายหรือการโอนเงินตราต่างประเทศที่เกิดขึ้นในประเทศ ต้องดำเนินการผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ นั่นหมายความว่า หากคุณเป็นบุคคลธรรมดาและต้องการลงทุนใน Forex ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ คุณจำเป็นต้องทำผ่านช่องทางที่ ธปท. รับรอง
เมื่อคุณเลือกที่จะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ Forex ต่างประเทศ เช่น จากสหราชอาณาจักรหรือไซปรัส โดยตรง และโอนเงินจากบัญชีธนาคารในไทยไปยังบัญชีนั้นเพื่อการเก็งกำไร จะถือว่าคุณหลีกเลี่ยงระบบการควบคุมของ ธปท. และเข้าข่ายการ “ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 43 ของ พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) กับ Forex: ความชัดเจนและข้อจำกัด
สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลตลาดทุน หลักทรัพย์ และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ในประเทศไทย แต่ปัจจุบัน ตลาดซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศแบบ Spot Forex หรือ Margin Trading ยังไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรง
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่รองรับให้มีบริษัทโบรกเกอร์ Forex แบบที่เห็นทั่วไปในต่างประเทศเปิดดำเนินการในประเทศ แม้จะมีบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่ก็จำกัดอยู่ในบริบทของการบริหารความเสี่ยง (Hedging) สำหรับลูกค้าองค์กร ไม่ใช่การเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้ามาเก็งกำไร
หากมีโบรกเกอร์ใดอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้บริการเทรด Forex โดยตรง นั่นถือเป็นข้อมูลเท็จ และเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นเว็บไซต์หลอกลวง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. มีเพียงสกุลเงินฟิวเจอร์ส (Currency Futures) ที่ซื้อขายในตลาด TFEX เท่านั้น ซึ่งเป็นสินค้าอนุพันธ์ที่มีโครงสร้างและกฎระเบียบที่ชัดเจน ต่างจากการเทรด Forex แบบทั่วไปที่ใช้เลเวอเรจสูงและไม่มีสัญญาสแตนดาร์ด
ความเสี่ยงและผลกระทบของการเทรด Forex ผิดกฎหมายในไทย
การตัดสินใจเข้าสู่ตลาด Forex ผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ไม่ใช่แค่การเสี่ยงขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคา แต่ยังเปิดช่องให้เกิดความเสียหายหลายระดับ ทั้งทางการเงิน การกฎหมาย และความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกง
- ความเสี่ยงทางการเงิน:
- ไม่มีการคุ้มครองเงินทุน: เงินที่คุณฝากกับโบรกเกอร์ต่างประเทศจะไม่อยู่ภายใต้ระบบการคุ้มครองนักลงทุนของไทย หากโบรกเกอร์ปิดตัว ถูกตรวจสอบ หรือฉ้อโกง คุณจะไม่สามารถยื่นเรื่องขอรับความคุ้มครองจาก ก.ล.ต. หรือ ธปท. ได้
- ถอนเงินไม่ได้: นักลงทุนหลายคนรายงานว่าเมื่อต้องการถอนเงิน กลับพบกับเงื่อนไขซับซ้อน ต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ หรือถูกขอเอกสารเพิ่มเติมที่ไม่สมเหตุสมผล บางรายถูกปฏิเสธการถอนโดยไม่แจ้งเหตุผล
- การจัดการตลาด: โบรกเกอร์ที่ไม่มีการกำกับดูแลอาจใช้ระบบ Dealing Desk (DD) ที่ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาของคุณโดยตรง ซึ่งมีแรงจูงใจให้คุณขาดทุน และอาจมีการปั่นราคาหรือดีเลย์การสั่งซื้อขาย (Slippage) เพื่อให้คุณเสียเปรียบ
- ความเสี่ยงทางกฎหมาย:
- ถูกดำเนินคดี: การฝ่าฝืน พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน อาจทำให้คุณถูกเรียกสอบสวน หรือถูกแจ้งข้อหาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้จะเป็นเพียงผู้ลงทุนรายย่อย
- ประวัติเสีย: การถูกขึ้นบัญชีดำหรือมีคดีความเกี่ยวกับการเงิน อาจส่งผลต่อการขอสินเชื่อ การทำธุรกรรมใหญ่ หรือการเดินทางไปทำงานต่างประเทศในอนาคต
- ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง:
- แพลตฟอร์มปลอม: มีเว็บไซต์จำนวนมากที่ออกแบบเหมือนโบรกเกอร์จริง ใช้ชื่อคล้ายกับบริษัทใหญ่ หรือแอบอ้างการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อหลอกให้คนโอนเงิน
- ข้อมูลรั่ว: การกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน บัญชีธนาคาร หรือภาพถ่ายใบหน้า ในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้ข้อมูลของคุณถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
สัญญาณเตือน: วิธีระบุโบรกเกอร์ Forex ที่ผิดกฎหมายและหลีกเลี่ยงการฉ้อโกง
การรู้เท่าทันกลวิธีของมิจฉาชีพคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ต่อไปนี้คือสัญญาณอันตรายที่ควรสังเกตเมื่อพิจารณาลงทุนในแพลตฟอร์ม Forex:
- โฆษณาผลตอบแทนสูงเกินจริง: โบรกเกอร์จริงไม่มีใครรับประกันผลกำไร 100% หรือเสนอรายได้ 10-20% ต่อเดือน นี่คือกลยุทธ์หลอกลวงที่พบได้บ่อยที่สุด
- ไม่มีใบอนุญาตชัดเจน: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานไหน เช่น FCA, ASIC, CySEC หรือ NFA หากไม่มี หรืออ้างว่าจดทะเบียนในประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีการควบคุมที่เข้มงวด ควรหลีกเลี่ยง
- การตลาดแบบเร่งรีบ: ถูกชักจูงให้ “รีบตัดสินใจก่อนโอกาสจะหมด” ผ่านไลน์ กรุ๊ปเฟซบุ๊ก หรือโฆษณาป๊อปอัป เป็นพฤติกรรมที่พบได้ในกลุ่มฉ้อโกง
- ปัญหาการถอนเงิน: หากคุณสามารถฝากเงินได้ง่ายแต่ถอนยาก นั่นคือสัญญาณเตือนชัดเจนว่ามีพิรุธ
- ข้อมูลไม่โปร่งใส: โบรกเกอร์ที่ดีจะระบุค่าธรรมเนียม สเปรด และเงื่อนไขการซื้อขายอย่างชัดเจน หากไม่พบข้อมูลเหล่านี้ ควรตั้งข้อสงสัย
- ให้คนอื่นจัดการบัญชีให้: การส่งรหัสผ่านหรือให้บุคคลอื่นเทรดแทน โดยอ้างว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” หรือ “กูรู” โดยไม่ผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความเสี่ยงสูง และมักเป็นส่วนหนึ่งของกลโกง
- ใช้ชื่อคนดังปลอม: มีหลายกรณีที่เว็บไซต์หลอกลวงใช้รูปภาพของดาราหรือผู้มีชื่อเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- ระบบเงินปันผลที่ไม่ยั่งยืน: หากผลตอบแทนที่คุณได้รับมาจากเงินของนักลงทุนรายใหม่ นั่นคือลักษณะของแชร์ลูกโซ่ที่จะล้มในที่สุด
เทรด Forex อย่างไรให้ถูกกฎหมายและปลอดภัยในประเทศไทย?
แม้การเทรด Forex แบบ Margin ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรงจะยังไม่ได้รับอนุญาตในไทย แต่ก็ยังมีทางเลือกที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับกฎหมาย สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน
- 1. แลกเปลี่ยนเงินตราผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาต: หากคุณต้องการแลกเงินเพื่อการเดินทางหรือโอนเงินต่างประเทศ ควรใช้บริการจากธนาคารพาณิชย์หรือร้านแลกเงินที่ได้รับใบอนุญาตจาก ธปท. เท่านั้น
- 2. ลงทุนในผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ในประเทศ: พิจารณาซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน (Currency Futures) ผ่านตลาด TFEX ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และมีโครงสร้างการซื้อขายที่โปร่งใส
- 3. ลงทุนในต่างประเทศผ่านช่องทางถูกกฎหมาย: หากคุณต้องการลงทุนโดยตรงในตลาดต่างประเทศ ควรทำผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาต และแจ้งวัตถุประสงค์การโอนเงินตามกฎหมาย ธปท. โดยทั่วไปมีขีดจำกัดที่ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีสำหรับบุคคลธรรมดา
- เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด: หากตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศ ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) แม้จะไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายไทย แต่ก็มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
- 4. ศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ก่อนลงทุน ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาที่ปรึกษาการเงินหรือทนายความที่มีความรู้ด้านกฎหมายการเงินเพื่อประเมินความเสี่ยง
- 5. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ส่งเสริมการเทรดผิดกฎหมาย: ไม่ควรเข้าร่วมกลุ่มที่เชิญชวนให้เทรดกับโบรกเกอร์ต่างประเทศหรือจัดสัมมนาที่เน้นผลตอบแทนสูง เพราะอาจทำให้คุณเข้าข่ายเป็นผู้ช่วยเหลือในการกระทำผิด
สรุป: เข้าใจกฎหมาย Forex สร้างความมั่นใจในการลงทุน
การลงทุนในตลาด Forex เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และในประเทศไทยยังคงมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ชัดเจน ความเข้าใจผิดว่า “เทรดกับโบรกเกอร์ต่างประเทศได้รับอนุญาต” หรือ “ถ้าไม่ได้ตั้งบริษัทก็ไม่ผิด” เป็นความเชื่อที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต
สิ่งสำคัญคือต้องแยกแยะให้ชัดว่า การแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อการใช้จ่ายจริง ต่างจากการเก็งกำไรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งหลังนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตในบริบทของไทย การเลือกช่องทางการลงทุนที่ถูกกฎหมายไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องเงินของคุณ แต่ยังป้องกันปัญหาทางกฎหมายในระยะยาว
หากคุณสนใจในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ควรเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับดูแล เช่น Currency Futures หรือกองทุนรวมต่างประเทศที่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนอย่างรอบคอบและเข้าใจกฎหมาย คือกุญแจสำคัญสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
1. เทรด Forex ในไทยถือเป็นอาชีพผิดกฎหมายหรือไม่?
การเทรด Forex ในลักษณะการเก็งกำไรผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ไม่ว่าคุณจะทำเป็นอาชีพหลักหรือเสริมก็ตาม
2. ถ้าเทรด Forex กับโบรกเกอร์ต่างประเทศจะผิดกฎหมายไทยไหม?
ใช่ การเทรด Forex กับโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง ซึ่งไม่ได้มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไทย แม้ว่าโบรกเกอร์นั้นจะถูกกฎหมายในประเทศที่จดทะเบียนก็ตาม กฎหมายไทยมุ่งเน้นที่การควบคุมการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศภายในประเทศ
3. ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) อนุญาตให้คนไทยเทรด Forex ได้อย่างไร?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเทรด Forex แบบ Margin เพื่อการเก็งกำไรผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง แต่ BOT อนุญาตให้สถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาต เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์บางแห่ง ทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศได้ภายใต้การกำกับดูแล สำหรับบุคคลทั่วไป การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศต้องทำผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
4. โบรกเกอร์ Forex ที่ถูกกฎหมายในไทยมีรายชื่อให้ตรวจสอบไหม?
ปัจจุบันยังไม่มีโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจซื้อขาย Forex แบบ Margin โดยตรงสำหรับบุคคลทั่วไปในประเทศไทย หากมีโบรกเกอร์ใดกล่าวอ้างเช่นนั้น ควรระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วน
5. หากโดนหลอกให้ลงทุน Forex ผิดกฎหมาย จะแจ้งความได้อย่างไร?
หากคุณตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง Forex ควรดำเนินการดังนี้:
- รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการติดต่อสื่อสาร
- แจ้งความกับตำรวจทันที โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือสถานีตำรวจในพื้นที่
- แจ้งข้อมูลไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบและเตือนภัยประชาชน
6. การ Copy Trade หรือ Signal Group ใน Forex ผิดกฎหมายไหมในไทย?
การ Copy Trade หรือการใช้ Signal Group ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Forex ผ่านโบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย ก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลโกงหรือแชร์ลูกโซ่ที่แอบอ้างการเทรด Forex
7. ทำไมข่าว Forex ผิดกฎหมายถึงออกมาบ่อยครั้งในไทย?
ข่าว Forex ผิดกฎหมายมักออกมาบ่อยครั้งในไทยเนื่องจาก:
- มีการโฆษณาชวนเชื่อจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ Forex เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง
- นักลงทุนจำนวนมากยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายและข้อจำกัดในการเทรด Forex ในประเทศไทย
- หน่วยงานรัฐมีการปราบปรามและเตือนภัยการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
8. ถ้ามีรายได้จากการเทรด Forex ต้องเสียภาษีในไทยอย่างไร?
หากคุณมีรายได้จากการเทรด Forex ไม่ว่าจะผ่านช่องทางใดก็ตาม กฎหมายไทยกำหนดให้คุณต้องนำรายได้นั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานะทางกฎหมายของการเทรด Forex ในไทยยังไม่ชัดเจนสำหรับบุคคลทั่วไป การเสียภาษีจึงมีความซับซ้อนและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
9. Exness หรือโบรกเกอร์ยอดนิยมอื่นๆ ผิดกฎหมายในไทยหรือไม่?
โบรกเกอร์ต่างประเทศยอดนิยมหลายราย เช่น Exness, XM, FxPro หรือ HotForex แม้จะได้รับการกำกับดูแลและถูกกฎหมายในประเทศที่จดทะเบียน แต่การที่นักลงทุนไทยเปิดบัญชีและเทรดกับโบรกเกอร์เหล่านี้โดยตรง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามกฎหมายไทย เนื่องจากโบรกเกอร์เหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
10. อะไรคือความแตกต่างระหว่างการลงทุน Forex ที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในมุมมองของกฎหมายไทย?
ความแตกต่างหลักอยู่ที่ “ช่องทาง” และ “การได้รับอนุญาต”
- ถูกกฎหมาย: การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านธนาคารหรือร้านแลกเงินที่ได้รับอนุญาตจาก BOT หรือการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าเงิน (เช่น Currency Futures ใน TFEX) ที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล
- ผิดกฎหมาย: การเทรด Forex แบบเก็งกำไรผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ใดก็ตาม รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมการลงทุนลักษณะนี้