導言:開啟你的交易旅程 – เทรดคืออะไร?
ในยุคที่โลกการเงินหมุนเวียนไม่หยุดนิ่ง การเทรดหรือการซื้อขายสินทรัพย์กลายเป็นกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจรู้สึกว่าคำว่า “เทรดคืออะไร” ดูน่ากลัวและซับซ้อน แต่จริงๆ แล้ว มันคือช่องทางในการสร้างรายได้จากความผันผวนของราคาในตลาดการเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สกุลเงิน หรือสินค้าอื่นๆ การเทรดเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้รวดเร็ว แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้ให้ละเอียด บทความนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นคู่มือครบถ้วนสำหรับผู้เริ่มต้นในประเทศไทย เราจะพาคุณทำความเข้าใจพื้นฐานของการเทรด สำรวจประเภทต่างๆ วิธีเริ่มต้นอย่างปลอดภัย รวมถึงเคล็ดลับในการจัดการความเสี่ยงและควบคุมจิตใจ เพื่อให้คุณก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่มีวินัยและมั่นใจ

อะไรคือ “เทรด”?จากแนวคิดพื้นฐานสู่หลักการสำคัญ
การเข้าใจ本质ของการเทรดให้ชัดเจนคือจุดเริ่มต้นที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จในวงการนี้ มันไม่ใช่แค่การซื้อขายธรรมดา แต่เป็นกระบวนการที่ผสมผสานความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล และการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดขึ้น เรามาเริ่มจากนิยามพื้นฐานกันก่อน

เทรดคืออะไร? คำจำกัดความที่ชัดเจน
การเทรดหมายถึงการซื้อและขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น สกุลเงินดิจิทัล สกุลเงินต่างประเทศในตลาดฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยจุดมุ่งหมายหลักคือการทำกำไรจากความแตกต่างของราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ไปจนถึงระยะกลาง เทรดเดอร์มักซื้อสินทรัพย์ในราคาถูกแล้วขายในราคาแพง หรือใช้วิธีขายก่อนซื้อคืนในราคาต่ำกว่าหากคาดว่าราคาจะร่วงลง ทุกอย่างนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาดและระดับความผันผวนที่เกิดขึ้น
เทรดต่างจากการลงทุนอย่างไร?
แม้ทั้งสองอย่างจะเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินทรัพย์ แต่การเทรดและการลงทุนนั้นแตกต่างกันอย่างมากในแง่เป้าหมายและกรอบเวลา:
- การเทรด: เน้นกำไรจากความผันผวนราคาในระยะสั้น เช่น วัน สัปดาห์ หรือเดือน เทรดเดอร์เข้าออกตลาดบ่อย โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและข่าวสารเพื่อจับจังหวะที่เหมาะสม
- การลงทุน: มุ่งสร้างความมั่งคั่งระยะยาว เช่น หลายปีหรือนานกว่านั้น นักลงทุนซื้อแล้วถือยาว โดยคาดหวังมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ และไม่ค่อยสนใจความผันผวนชั่วคราว
การแยกแยะจุดนี้ช่วยให้มือใหม่กำหนดแผนการและเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ทั้งสองรูปแบบนี้เข้าถึงได้ง่าย
หลักการพื้นฐานของการเทรด
หลักการสำคัญของการเทรดเชื่อมโยงกับเศรษฐศาสตร์และพฤติกรรมของตลาดอย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล:
- อุปสงค์และอุปทาน: ราคาสินทรัพย์ปรับตัวตามความต้องการซื้อและขาย หากคนอยากซื้อมากกว่าขาย ราคาก็จะขึ้น ในทางตรงกันข้ามก็จะลง
- ความผันผวน: การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ยิ่งผันผวนสูง โอกาสกำไรและขาดทุนก็ยิ่งมากตาม
- สภาพคล่อง: ความสะดวกในการซื้อขายโดยไม่กระทบราคามาก สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดีจะเทรดได้คล่องตัวกว่า
เมื่อเข้าใจหลักการเหล่านี้ คุณจะมองเห็นภาพรวมของตลาดได้ดีขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ในการตัดสินใจจริง
สำรวจประเภทการเทรดที่หลากหลาย: เลือกแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
ตลาดการเงินในปัจจุบันมีตัวเลือกสินทรัพย์ให้เทรดมากมาย แต่ละประเภทล้วนมีเอกลักษณ์ ความเสี่ยง และโอกาสที่แตกต่าง เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายของคุณ การเลือกประเภทที่ใช่จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดความสับสน

การเทรดหุ้น (股票交易)
การเทรดหุ้นคือการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างราคา หุ้นเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมเพราะเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ที่มีสภาพคล่องสูง มือใหม่สามารถเริ่มจากศึกษาข้อมูลบริษัท งบการเงิน และข่าวสาร เพื่อตัดสินใจได้ดีขึ้น การเทรดหุ้นไทยยังได้รับการคุ้มครองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะหากเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้
การเทรด Forex (外匯交易)
ฟอเร็กซ์หรือตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินคือตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เทรดเดอร์ทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงิน เช่น ยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือดอลลาร์สหรัฐต่อเยนญี่ปุ่น ตลาดนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ จึงยืดหยุ่นมาก แต่ความผันผวนและการใช้เลเวอเรจสูงทำให้ต้องระวัง โดยในไทย ผู้เทรดควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลเพื่อความปลอดภัย
การเทรดคริปโตเคอร์เรนซี (加密貨幣交易)
สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์หรืออีเธอเรียมเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปีหลังๆ การเทรดคริปโตมีความผันผวนสูง สร้างทั้งโอกาสกำไรและขาดทุนมหาศาล ในประเทศไทย การเทรดเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาต ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎเกณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลในไทยสามารถดูได้จากเว็บไซต์ ก.ล.ต. ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมักเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การหลอกลวงหรือความไม่แน่นอนทางกฎหมาย
การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ (商品交易)
สินค้าโภคภัณฑ์ครอบคลุมวัตถุดิบพื้นฐานอย่างทองคำ น้ำมัน กาแฟ หรือธัญพืช ราคาเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก การเมืองระหว่างประเทศ และสภาพอากาศ เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกองทุน ETF ที่อ้างอิงสินค้าเหล่านี้ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจปัจจัย宏观เศรษฐกิจ
การเทรด CFD และอนุพันธ์อื่นๆ (CFD 及其他衍生性商品)
CDF หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ช่วยให้เทรดเดอร์เก็งกำไรจากราคาสินทรัพย์โดยไม่ต้องถือครองจริง เช่น เทรดหุ้นหรือน้ำมันผ่าน CFD ข้อดีคือใช้เลเวอเรจสูงเพื่อขยายกำไร แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตาม นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออนุพันธ์อื่นๆ อย่างออปชั่นหรือฟิวเจอร์ส ที่ใช้กับสินทรัพย์หลากหลาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการเทรด
เริ่มต้นเทรดอย่างไร?:จากศูนย์สู่การเปิดบัญชี
สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าวงการ การเริ่มต้นอย่างถูกต้องจะช่วยลดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสสำเร็จ การเตรียมตัวให้พร้อมทำให้คุณก้าวเข้าสู่ตลาดด้วยความมั่นใจ โดยเราจะค่อยๆ ไล่ตามขั้นตอนสำคัญ
ศึกษาหาความรู้
ขั้นแรกที่ขาดไม่ได้คือการศึกษาข้อมูลให้แน่นก่อนลงสนามจริง เริ่มจากแนวคิดพื้นฐาน ประเภทสินทรัพย์ที่สนใจ การวิเคราะห์เทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงวิธีจัดการความเสี่ยง มีแหล่งเรียนรู้มากมาย เช่น หนังสือออนไลน์ คอร์สเรียน สัมมนา หรือเว็บไซต์ทางการเงิน ซึ่งช่วยสร้างฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในไทยที่มีทรัพยากรจาก SET และ ก.ล.ต. ฟรีมากมาย
เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือในไทย
การเลือกโบรกเกอร์คือก้าวที่ละเอียดอ่อน สำหรับเทรดเดอร์ไทย ควรเน้นผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. สำหรับหุ้นและคริปโต หรือธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับฟอเร็กซ์ การเลือกผิดอาจนำไปสู่การถูกหลอกหรือปัญหาถอนเงิน ดังนั้น ตรวจสอบค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์มใช้งาน การสนับสนุนลูกค้า และความปลอดภัยของทุนให้ละเอียด
เปิดบัญชีและยืนยันตัวตน
หลังเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ให้ดำเนินการเปิดบัญชีโดยกรอกข้อมูลส่วนตัวและยืนยันตัวตนตามกระบวนการ KYC ซึ่งอาจต้องส่งเอกสารอย่างบัตรประชาชนหรือหลักฐานที่อยู่ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน ขั้นตอนนี้ช่วยให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎและปลอดภัย
ฝากเงินและเริ่มต้นเทรด
เมื่อบัญชีอนุมัติแล้ว ฝากเงินเข้าไปได้ทันที โบรกเกอร์ส่วนใหญ่รองรับการโอนธนาคารหรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ เริ่มด้วยจำนวนเงินไม่มากเพื่อทดลองและเรียนรู้ โดยไม่เสี่ยงทุนทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้ปรับตัวเข้ากับตลาดได้ดีขึ้น
การใช้บัญชีทดลอง
ก่อนใช้เงินจริง บัญชีทดลองคือเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ มันเลียนแบบตลาดจริงด้วยเงินเสมือน ช่วยให้ฝึกแพลตฟอร์ม ทดสอบกลยุทธ์ และควบคุมอารมณ์โดยไม่เสียเงินจริง แนะนำให้ฝึกนานพอจนมั่นใจ ก่อนก้าวสู่การเทรดจริง
เทรดคือการพนันจริงหรือ? ทำลายความเชื่อผิดๆ สร้างแนวคิดการเทรดที่ถูกต้อง
หนึ่งในคำถามที่ถูกถกเถียงบ่อยเกี่ยวกับการเทรดคือ มันเหมือนการพนันหรือไม่ ความเข้าใจผิดนี้ต้องถูกชี้แจง เพื่อสร้างมุมมองที่ถูกต้องและยั่งยืนในการเข้าสู่ตลาด
ความแตกต่างระหว่างการเทรดกับการพนัน
การเทรดไม่ใช่การพนัน หากทำด้วยความรู้และกลยุทธ์ที่เหมาะสม จุดต่างหลักคือ:
- การพนัน: พึ่งพาโชคเป็นหลัก ไม่มีวิเคราะห์ลึก ผลลัพธ์สุ่ม และมักมีฝ่ายเจ้าบ้านได้เปรียบยาวๆ
- การเทรด: ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค วางแผนชัดเจน จัดการความเสี่ยง และตัดสินใจด้วยเหตุผล เทรดเดอร์มือโปรหา “edge” ผ่านสถิติและกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้ว
แม้มีความเสี่ยงคล้ายกัน แต่การเทรดคือการคำนวณความน่าจะเป็นอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่การเสี่ยงแบบมั่วๆ ซึ่งช่วยให้ยั่งยืนกว่า
เทรด คือ วาด รูป? (Trading is Drawing?)
คำพูดที่ว่า “เทรดคือวาดรูป” มักเกิดจากภาพกราฟราคาและเส้นวิเคราะห์ที่ดูคล้ายการวาดภาพ แต่จริงๆ มันคือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ศึกษาพฤติกรรมราคาอดีตเพื่อทำนายอนาคต ด้วยเครื่องมืออย่างเส้นแนวโน้ม แนวรับแนวต้าน หรือรูปแบบแท่งเทียน ซึ่งทั้งหมดยึดหลักสถิติและจิตวิทยาตลาด ไม่ใช่การวาดเล่นๆ เพื่อความสวย
จิตวิทยาการเทรด: การควบคุมอารมณ์และวินัย
จิตใจมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรด หลายคนล้มเพราะอารมณ์มากกว่าขาดความรู้ อารมณ์ทั่วไปที่ต้องระวังคือ:
- ความโลภ: เปิดตำแหน่งมากเกินหรือถือกำไรนาน จนพลิกเป็นขาดทุน
- ความกลัว: ปิดกำไรเร็วเกินหรือไม่กล้าเข้าเทรดในโอกาสดี
- ความใจร้อน: เข้าเทรดโดยไม่รอสัญญาณหรือฝืนแผน
การยึดมั่นในแผน จัดการอารมณ์ และพักเมื่อจำเป็น คือกุญแจสู่การเทรดที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในตลาดผันผวนอย่างไทย
การบริหารจัดการความเสี่ยงและกลยุทธ์การเทรด: กุญแจสู่ความมั่นคง
ทุกการเทรดมีความเสี่ยง การเข้าใจและจัดการมันอย่างชาญฉลาดคือหัวใจของการรักษาทุนและสร้างกำไรยาวๆ ไม่ใช่แค่โชคช่วย
ทำความเข้าใจความเสี่ยง
ไม่มีเทรดไหนปลอดภัย 100% ตลาดผันผวนและคาดเดายาก คุณต้องยอมรับประเภทความเสี่ยง เช่น ตลาด สภาพคล่อง หรือปฏิบัติการ เพื่อเตรียมรับมือ เช่น ในกรณีข่าวกะทันหันที่กระทบราคา
การบริหารเงินทุน (資金管理)
การจัดการเงินทุนคือการตัดสินใจว่าจะใช้เงินเท่าไรต่อเทรด และจัดสรรอย่างไรเพื่อจำกัดความเสียหาย หลักสำคัญคือ:
- ขนาดตำแหน่ง: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของทุนทั้งหมดต่อครั้ง เพื่อป้องกันล้มละลายจากความผิดพลาด
- อัตราส่วนความเสี่ยง-ผลตอบแทน: เลือกเทรดที่กำไรมีโอกาส 2 เท่าของความเสี่ยง เช่น 1:2 เพื่อให้กำไรสะสมได้แม้ขาดทุนบ้าง
ตัวอย่างเช่น หากทุน 100,000 บาท เสี่ยงสูงสุด 2,000 บาทต่อเทรด จะช่วยให้อยู่รอดในตลาดได้นาน
การตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit
เครื่องมือหลักในการควบคุมความเสี่ยงคือ Stop Loss และ Take Profit:
- Stop Loss: ระดับราคาที่ปิดตำแหน่งเพื่อตัดขาดทุน หากตลาดสวนทาง ช่วยปกป้องทุนจากความเสียหายใหญ่
- Take Profit: ระดับที่ล็อกกำไรเมื่อราคาไปตามคาด ป้องกันไม่ให้กำไรหายไปเพราะความโลภ
เทรดเดอร์โปรทุกคนใช้สองตัวนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเทรดเป็นระบบ
กลยุทธ์การเทรดเบื้องต้น
กลยุทธ์มีหลากหลาย สำหรับมือใหม่ ลองเริ่มจากพื้นฐาน:
- ตามแนวโน้ม: ซื้อในขาขึ้น ขายในขาลง ใช้ Moving Average ช่วยระบุทิศทาง
- แนวรับแนวต้าน: ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน เพื่อจับจุดเด้ง
- เดย์เทรด: เปิดปิดภายในวันเดียว หลีกเลี่ยงความเสี่ยงข้ามคืน แต่ต้องรวดเร็วและมีประสบการณ์
ทดสอบทุกกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อน เพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับสไตล์คุณ โดยในไทย หุ้นและฟอเร็กซ์มักใช้กลยุทธ์เหล่านี้บ่อย
สรุป: โอบรับความท้าทายและโอกาสของการเทรด
บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจ “เทรดคืออะไร” อย่างลึกซึ้ง และมีแผนการเริ่มต้นที่ชัดเจน การเทรดคือทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะที่ต้องการความรู้ การวิเคราะห์ จิตวิทยา และวินัย ความสำเร็จไม่ได้มาจากคืนเดียว แต่จากเรียนรู้ต่อเนื่อง การฝึกฝน และปรับปรุง
จำไว้ว่าการเทรดไม่ใช่พนัน แต่เป็นการลงทุนที่มีระบบจัดการความเสี่ยง ให้優先การศึกษา เลือกโบรกเกอร์ดี สามารถหาข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติมได้จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ฝึกด้วยเดโม และสร้างวินัยในการควบคุมอารมณ์ ขอให้การเดินทางของคุณในโลกเทรดเต็มไปด้วยความรอบคอบและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
常見問題 (FAQ)
เทรดต้องใช้เงินเริ่มต้นเท่าไหร่ และมีขั้นต่ำหรือไม่?
เงินทุนเริ่มต้นสำหรับการเทรดแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์และโบรกเกอร์ที่เลือก การเทรดหุ้นไทยอาจต้องใช้เงินเริ่มต้นที่หลักพันบาท ส่วน Forex หรือคริปโตฯ บางโบรกเกอร์อาจอนุญาตให้เริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนน้อยกว่านั้น (เช่น หลักร้อยบาท) แต่โดยทั่วไปแล้ว การมีเงินทุนที่เพียงพอจะช่วยให้บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นและมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า
การเทรดหุ้นไทยกับเทรดหุ้นต่างประเทศแตกต่างกันอย่างไรสำหรับคนไทย?
สำหรับคนไทย การเทรดหุ้นไทยทำได้โดยตรงผ่านโบรกเกอร์ในประเทศที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ซึ่งมีขั้นตอนง่ายและกฎระเบียบที่คุ้นเคย ส่วนการเทรดหุ้นต่างประเทศอาจต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ หรือใช้บริการผ่านตัวแทนในไทย ซึ่งอาจมีข้อจำกัดด้านกฎหมายและภาษีที่ซับซ้อนกว่า ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
มีแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มเทรดที่แนะนำสำหรับมือใหม่ในไทยไหม?
สำหรับหุ้นไทย แพลตฟอร์มที่นิยมคือ Streaming ของ SETTRADE ที่ใช้ได้ทั้งบน PC และมือถือ ส่วนการเทรดคริปโตฯ ในไทยมีแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เช่น Bitkub, Satang Pro, Zipmex (ควรตรวจสอบสถานะใบอนุญาตปัจจุบัน) สำหรับ Forex มักเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง MetaTrader 4/5 แต่ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลที่ชัดเจนและมีสำนักงานในไทยหรือมีตัวแทนในไทย
การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีในไทยถูกกฎหมายและปลอดภัยแค่ไหน?
การเทรดคริปโตเคอร์เรนซีในประเทศไทยถูกกฎหมาย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับใบอนุญาตและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด จึงถือว่ามีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ ควรเลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดี
ถ้าเทรดแล้วได้กำไรเยอะๆ จะต้องเสียภาษีอย่างไรตามกฎหมายไทย?
ในประเทศไทย กำไรจากการเทรดหุ้นและอนุพันธ์ (เช่น Futures) ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยทั่วไปแล้วไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gains Tax) แต่กำไรจากการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี หรือกำไรจากการเทรด Forex (ซึ่งยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลโดยตรง) อาจถูกพิจารณาเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4) หรือ 40(8) และต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้อง
จะรู้ได้อย่างไรว่าโบรกเกอร์ที่เลือกนั้นน่าเชื่อถือและถูกกฎหมายในประเทศไทย?
สำหรับหุ้นและคริปโตฯ คุณสามารถตรวจสอบรายชื่อโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่นี่ สำหรับ Forex ซึ่งยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในไทย ควรพิจารณาโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีชื่อเสียง มีประวัติที่ดี และได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากลที่เชื่อถือได้ และระมัดระวังโบรกเกอร์ที่ไม่มีข้อมูลการกำกับดูแลที่ชัดเจน
เทรดเดอร์ในไทยส่วนใหญ่นิยมเทรดอะไร และมีกลยุทธ์แบบไหน?
เทรดเดอร์ในไทยนิยมเทรดหุ้นไทยเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยคริปโตเคอร์เรนซี และ Forex กลยุทธ์ที่นิยมใช้มีตั้งแต่ Day Trade, Swing Trade ไปจนถึง Position Trade โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก เช่น การใช้ Indicator ต่างๆ การอ่าน Price Action หรือการใช้รูปแบบกราฟแท่งเทียน นอกจากนี้ยังมีการใช้ข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานประกอบการตัดสินใจด้วย
หากโดนหลอกลวงจากการเทรดในไทย ควรทำอย่างไร?
หากคุณสงสัยว่าถูกหลอกลวงจากการเทรด ควรเก็บหลักฐานทั้งหมด (เช่น บันทึกการสนทนา หลักฐานการโอนเงิน) และรีบแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังสามารถร้องเรียนไปยังหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)
เทรดคือวาดรูปจริงไหม และควรเรียนรู้กราฟเทคนิคอย่างไร?
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว “เทรดคือวาดรูป” เป็นความเข้าใจผิดที่หมายถึงการวิเคราะห์กราฟเทคนิค ซึ่งเป็นการศึกษาพฤติกรรมราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์อนาคต การเรียนรู้กราฟเทคนิคควรรวมถึงการทำความเข้าใจพื้นฐานของแท่งเทียน รูปแบบราคา แนวโน้ม แนวรับแนวต้าน และ Indicator ต่างๆ เริ่มต้นจากการศึกษาทฤษฎีพื้นฐาน ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง และทดสอบกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ
การเทรดแบบเดย์เทรด (Day Trade) เหมาะกับมือใหม่ในไทยหรือไม่?
การเทรดแบบ Day Trade คือการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว ซึ่งมีความท้าทายสูงและต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว ประสบการณ์ และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง จึงไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น นักเทรดมือใหม่ควรเริ่มต้นจากการเทรดในระยะที่ยาวขึ้น เช่น Swing Trade หรือ Position Trade เพื่อให้มีเวลาในการวิเคราะห์และจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น