EUR/USD: จับตาทิศทางราคา! Fed และ ECB จะนำพาคู่เงินนี้ไปสู่จุดใด

ในโลกการซื้อขายฟอเร็กซ์ คู่สกุลเงิน EUR/USD ยังคงเป็นจุดสนใจหลักของนักลงทุนทั่วโลก เพราะมันสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจและสถานการณ์การเงินระหว่างยูโรโซนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ยังคืบคลาน การประชุมครั้งสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กำลังใกล้เข้ามา จึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่นักเทรดทุกคนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคำตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของทั้งสองแห่งนี้ มีพลังพอที่จะก่อให้เกิดความผันผวนรุนแรงในคู่สกุลเงินดังกล่าว

EUR/USD กราฟราคาและแนวโน้ม

ปัจจุบัน คู่สกุลเงิน EUR/USD กำลังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง โดยราคายังคงต่ำกว่าเกณฑ์ 1.0700 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแรงผลักดันขาลงในช่วงสั้นๆ และติดอยู่ในกรอบแคบที่คล้ายกับการรวมตัวก่อน breakout ตามบทวิเคราะห์จาก FXStreet วันที่ 27 ตุลาคม 2025 สถานการณ์แบบนี้แสดงว่านักลงทุนกำลังรอสัญญาณชัดเจนจากผลการประชุมของ Fed และ ECB เพื่อกำหนดทิศทางถัดไป

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซน

สารบัญ

การวิเคราะห์เชิงลึก Fed: แนวโน้มการปรับขึ้น/ลดอัตราดอกเบี้ยและผลกระทบ

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ยังคงครองบทบาทหลักในการกำหนดทิศทางตลาดการเงินทั่วโลก การประกาศเรื่องอัตราดอกเบี้ยจาก Fed ส่งผลกระทบตรงๆ ต่อความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ และแน่นอนว่าสะท้อนออกมาที่คู่ EUR/USD อย่างชัดเจน

การคาดการณ์นโยบาย Fed

ปัจจัยที่ Fed พิจารณา

  • ข้อมูลเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน: Fed ให้ความสำคัญสูงสุดกับตัวเลขเงินเฟ้อ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีพื้นฐาน (Core CPI) เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น วันที่ 14 พฤษภาคม 2024 CPI สหรัฐอยู่ที่ 3.4% YoY และ Core CPI 3.6% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อย ข้อมูลที่อ่อนตัวลงนี้จุดประกายความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ EUR/USD พุ่งขึ้น 0.5% ในวันนั้น นอกจากนี้ ตัวชี้วัดตลาดแรงงานอย่างการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) และอัตราการว่างงาน ก็ช่วย Fed ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจได้ดี
  • แถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ Fed และ Dot Plot: คำพูดจากประธาน Jerome Powell รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการ และแผนภาพ Dot Plot ที่แสดงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยอนาคต ล้วนเป็นข้อมูลที่ตลาดเฝ้าดู เพื่อทำนายทิศทางนโยบายที่แท้จริง

การคาดการณ์นโยบาย Fed

  • โอกาสในการคงอัตราดอกเบี้ย: ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า Fed น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมครั้งหน้า ตามมุมมองจาก FXStreet (27 ต.ค. 2025) และ Scotia Wealth Management ที่คาดว่าจะคงไว้จนถึงไตรมาสแรกของปี 2026 (21 ต.ค. 2025)
  • แนวโน้มและช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย: แม้ในระยะใกล้จะคงอัตรา แต่ตลาดเริ่มมองเห็นการลดดอกเบี้ยในอนาคต โดย Fed Funds Futures ชี้โอกาส 60% สำหรับการลดในเดือนมีนาคม 2026 BNP Paribas Economic Research ยังคาดว่าจะลดรวม 75 Basis Points ในปี 2026 ท่ามกลางการเติบโต GDP สหรัฐที่คาดไว้ 1.8% ในปีนั้น (เทียบกับ 2.5% ใน Q3 ปัจจุบัน) ซึ่งอาจกระตุ้นให้ Fed ลดดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจ
  • ผลกระทบต่อ EUR/USD: ถ้า Fed แสดงท่าทีแข็งกร้าว (Hawkish) หรือคงดอกเบี้ยนานกว่าคาด ดอลลาร์จะแข็งค่า ส่งผลให้ EUR/USD อ่อนลง แต่ถ้าท่าทีผ่อนคลาย (Dovish) และลดดอกเบี้ยเร็วกว่าหรือมากกว่าคาด ดอลลาร์จะอ่อน สนับสนุนให้ EUR/USD แข็งค่าขึ้น

การวิเคราะห์เชิงลึก ECB: ทิศทางนโยบายและผลกระทบต่อยูโร

ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB กำลังเผชิญความท้าทายที่แตกต่างจาก Fed โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในยูโรโซน ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายและความแข็งแกร่งของยูโร

ปัจจัยที่ ECB พิจารณา

  • ข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนและเศรษฐกิจ: ดัชนี HICP เป็นตัววัดเงินเฟ้อหลัก ซึ่งล่าสุดวันที่ 27 ตุลาคม 2025 อยู่ที่ 2.8% YoY การเติบโตเศรษฐกิจในภูมิภาคก็สำคัญไม่แพ้กัน โดย BNP Paribas คาด GDP ยูโรโซนปี 2026 เพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐอย่างเห็นได้ชัด
  • คำกล่าวของประธาน Christine Lagarde และสมาชิก ECB: เจ้าหน้าที่อย่าง Schnabel และ Lane ย้ำว่าเงินเฟ้อยังสูงเกินเป้า แต่ก็ตระหนักถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยจะรอข้อมูลใหม่ๆ ในการตัดสินใจ (Market News International, 27 ม.ค. 2025) สะท้อนท่าทีที่รอบคอบแต่ไม่เร่งรีบ

การคาดการณ์นโยบาย ECB

  • โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย: ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ECB อาจเริ่มลดดอกเบี้ยต้นปี 2026 โดย FXStreet (27 ต.ค. 2025) ชี้ว่าถ้าเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง อาจเร่งได้ Scotia Wealth Management (21 ต.ค. 2025) ยังเสริมว่าถ้าข้อมูลเศรษฐกิจแย่ลง ECB อาจลดเร็วกว่าคาด
  • แนวโน้มและช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย: BNP Paribas Economic Research คาด ECB จะลดรวม 100 Basis Points ในปี 2026 ซึ่งมากกว่า Fed
  • ผลกระทบต่อ EUR/USD: ถ้า ECB ผ่อนคลาย (Dovish) และลดดอกเบี้ยเร็วกว่าหรือมากกว่าคาด ยูโรจะอ่อน ส่งผลให้ EUR/USD ลดลง แต่ถ้าแข็งกร้าว (Hawkish) หรือคงดอกเบี้ยนานกว่าคาด ยูโรจะแข็ง สนับสนุน EUR/USD ให้ขึ้น

การเปรียบเทียบ Fed vs. ECB: ความแตกต่างของนโยบายและผลต่อ EUR/USD

ความเหลื่อมต่างในนโยบายการเงินระหว่าง Fed กับ ECB คือตัวขับเคลื่อนหลักของ EUR/USD การเปรียบเทียบแบบนี้ช่วยให้นักเทรดมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การแยกตัวของนโยบาย (Policy Divergence)

จากคาดการณ์ล่าสุด Fed กับ ECB อาจมีนโยบายที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดย BNP Paribas คาด ECB จะลดดอกเบี้ย 100 Basis Points ในปี 2026 ขณะที่ Fed ลดแค่ 75 Basis Points (BNP Paribas Economic Research, 27 ต.ค. 2025) ความต่างนี้จะขยายช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับยูโรโซน ซึ่งกระทบตรงต่อการเคลื่อนไหวของ EUR/USD โดยปกติ ถ้าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยเอื้อประโยชน์ต่อสกุลเงินใด สกุลนั้นจะดึงดูดนักลงทุนมากกว่า

สถานการณ์จำลองสำหรับ EUR/USD

  • สถานการณ์ที่ Fed Hawkish และ ECB Dovish: กรณีนี้จะกดดัน EUR/USD ลงหนัก ถ้า Fed คงดอกเบี้ยหรือแสดงท่าทีแข็งกร้าว ขณะที่ ECB ลดดอกเบี้ยเร็วเพื่อช่วยเศรษฐกิจยูโรโซนที่อ่อนแอ ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น
  • สถานการณ์ที่ Fed Dovish และ ECB Hawkish: ตรงกันข้าม จะผลัก EUR/USD ขึ้นแรง ถ้า Fed ลดดอกเบี้ยเร็วเพื่อรับมือข้อมูลเศรษฐกิจอ่อน ขณะที่ ECB คงดอกเบี้ยเพื่อสู้เงินเฟ้อ
  • สถานการณ์ที่ทั้งสองธนาคารมีท่าที Hawkish หรือ Dovish พร้อมกัน: ถ้าทั้งคู่แข็งกร้าวหรือผ่อนคลายพร้อมเพรียง การเคลื่อนไหวของ EUR/USD อาจขึ้นกับว่าใครรุนแรงกว่าหรือเริ่มก่อน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค EUR/USD: ระดับสำคัญที่ต้องจับตา

นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐาน การดูกราฟและตัวชี้วัดทางเทคนิคยังช่วยนักเทรดระบุจุดสำคัญและทิศทางที่อาจเกิดขึ้นของ EUR/USD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวรับและแนวต้านสำคัญ

ตอนนี้ EUR/USD อยู่ต่ำกว่า 1.0700 แสดงโมเมนตัมขาลง แนวรับหลักที่ต้องเฝ้าดูคือ 1.0650 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยา และอาจลงไปถึง 1.0600 จุดต่ำสุดหลายสัปดาห์ ถ้าทะลุลง อาจนำไปสู่การร่วงที่หนักหน่วงกว่า

ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 1.0750 ถ้าผ่านได้ อาจทดสอบ 1.0800 ซึ่งเคยเป็นจุดพลิกผันสำคัญ จาก ข้อมูลเรียลไทม์ FXStreet (15 พ.ค. 2024) ที่ EUR/USD อยู่ราว 1.0805 จุดนี้ยังคงน่าสนใจ ถ้ายืนเหนือได้ อาจเห็นการ反弹ที่แข็งแกร่ง

ตัวชี้วัดทางเทคนิค

  • Relative Strength Index (RSI): กับ EUR/USD ต่ำกว่า 1.0700 และ RSI ต่ำกว่า 50 ชี้ขาลง ถ้า RSI ลงสู่ oversold (ต่ำกว่า 30) อาจมี反弹สั้นๆ แต่ถ้าสูงกว่า 70 ใน overbought อาจปรับฐานลง
  • Moving Averages (SMA 20, 50, 100):
    • ถ้าราคาอยู่ต่ำกว่า SMA 20 แสดงขาลงระยะสั้น
    • ต่ำกว่า SMA 50 และ 100 ยืนยันขาลงระยะกลาง-ยาว
    • ถ้าทะลุ SMA 20, 50, 100 ขึ้น จะเป็นสัญญาณบวกสำหรับการกลับตัวขาขึ้น
  • รูปแบบกราฟราคา: ควรสังเกตรูปแบบที่บอกการพลิกผัน เช่น Head and Shoulders สำหรับขาลง Inverse Head and Shoulders สำหรับขาขึ้น หรือ Double Top/Bottom ที่ให้สัญญาณเคลื่อนไหวใหญ่

กลยุทธ์การเทรด EUR/USD ก่อนและหลังการประกาศ

ช่วงก่อนและหลังประกาศนโยบายจาก Fed กับ ECB มักมีความผันผวนสูง นักเทรดจึงต้องวางแผนรอบคอบเพื่อรับมือ

ความระมัดระวัง (Prudence) ก่อนประกาศ

ตามคำแนะนำจาก Eren Sengezer จาก FXStreet การใช้วิจารณญาณก่อนประชุมเป็นกุญแจสำคัญ

  • ลดขนาด Position: ลดปริมาณการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่แกว่งตัวรุนแรง
  • ตั้ง Stop Loss/Take Profit: กำหนดจุดหยุดขาดทุนและล็อกกำไรให้ชัดเจน เพื่อควบคุมความเสียหาย
  • ข้อควรระวังในการเทรดช่วงผันผวนสูง: หลีกเลี่ยงเปิดตำแหน่งใหม่จำนวนมากก่อนประกาศ เพราะตลาดอาจ whipsaw หรือแกว่งตัวแบบไม่คาดเดา

การตอบสนองต่อผลลัพธ์

  • วิธีตีความแถลงการณ์และผลการประชุม:
    • Fed/ECB Hawkish: ถ้าถ้อยแถลงหรือผลบ่งชี้ท่าทีแข็งกร้าว เช่น คงดอกเบี้ยนานกว่าคาดหรือสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย จะหนุนค่าเงินของธนาคารนั้น
    • Fed/ECB Dovish: ถ้าท่าทีผ่อนคลาย เช่น สัญญาณลดดอกเบี้ยหรือกังวลเศรษฐกิจ จะกดดันค่าเงิน
  • แผนการเทรดสำหรับแต่ละสถานการณ์:
    • หาก Fed Hawkish และ ECB Dovish: คาด EUR/USD ลง อาจ short
    • หาก Fed Dovish และ ECB Hawkish: คาด EUR/USD ขึ้น อาจ long
    • หากทั้งคู่ Dovish แต่ ECB Dovish กว่า: EUR/USD อาจลง
    • หากทั้งคู่ Hawkish แต่ Fed Hawkish กว่า: EUR/USD อาจลง

สรุปและแนวโน้มระยะข้างหน้า

EUR/USD กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ผลจาก Fed กับ ECB จะกำหนดทิศทางสั้น-กลาง ความต่างนโยบายการเงินระหว่างสองแห่งนี้ โดยเฉพาะจังหวะลดดอกเบี้ย คือตัวแปรหลัก

โดยรวม คาดการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปี 2025 จาก BNP Paribas ที่ปรับ GDP โลกเหลือ 2.9% และความกังวลจาก Scotia Wealth Management (21 ต.ค. 2025) ชี้ว่าธนาคารกลางอาจหันไป Dovish มากขึ้น

สำหรับ EUR/USD ระยะสั้น-กลาง BNP Paribas Economic Research คาดสิ้นปี 2025 ที่ 1.08 แสดงการฟื้นตัวเล็กน้อยของยูโรท่ามกลางการลดดอกเบี้ย แต่ผู้เทรดต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์

การประชุม Fed และ ECB ครั้งต่อไปจะมีขึ้นเมื่อไหร่ และคาดว่าจะประกาศอะไร?

ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า Fed มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปและอาจพิจารณาลดดอกเบี้ยในปี 2026 ในขณะที่ ECB อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2026 หากเงินเฟ้อยูโรโซนยังคงลดลงต่อเนื่อง วันที่ประชุมที่แน่นอนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่โดยทั่วไปแล้ว Fed และ ECB จะมีการประชุมทุกๆ 6-8 สัปดาห์

ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และยูโรโซนล่าสุดส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?

ข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐฯ (CPI เดือน เม.ย. 2024 อยู่ที่ 3.4% YoY) ได้เพิ่มความคาดหวังว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ในขณะที่เงินเฟ้อยูโรโซน (CPI ที่ 2.8% YoY ณ ต.ค. 2025) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ ECB ใช้พิจารณา ซึ่งหากลดลงต่อเนื่องก็อาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยของ ECB ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญที่ธนาคารกลางใช้ในการประเมินภาวะเศรษฐกิจและกำหนดทิศทางนโยบาย

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ราคา EUR/USD อย่างไรในระยะสั้นถึงกลาง?

ในระยะสั้น EUR/USD อยู่ในระยะรวมฐานและซื้อขายต่ำกว่า 1.0700 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาลงก่อนการประชุม Fed และ ECB ในระยะกลาง BNP Paribas Economic Research คาดการณ์ว่า EUR/USD จะอยู่ที่ 1.08 ณ สิ้นปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวเล็กน้อยของยูโร

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed หรือ ECB จะส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงิน EUR/USD อย่างไร?

หาก Fed ลดอัตราดอกเบี้ย จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และหนุนให้ EUR/USD แข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หาก ECB ลดอัตราดอกเบี้ย จะกดดันค่าเงินยูโรและทำให้ EUR/USD อ่อนค่าลง ความแตกต่างของช่วงเวลาและขนาดการลดดอกเบี้ยระหว่างสองธนาคารกลางจะสร้างความผันผวนต่อ EUR/USD อย่างมีนัยสำคัญ

นักเทรดควรใช้กลยุทธ์ใดในการเทรด EUR/USD ในช่วงที่มีความผันผวนสูงจากการประกาศของธนาคารกลาง?

นักเทรดควรใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง โดยการลดขนาดการลงทุน ตั้ง Stop Loss/Take Profit และหลีกเลี่ยงการเปิด position ใหม่จำนวนมากก่อนการประกาศ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่รุนแรง ควรตีความแถลงการณ์และผลการประชุมอย่างรอบคอบเพื่อวางแผนการเทรดที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์

แนวรับและแนวต้านสำคัญสำหรับ EUR/USD ในสัปดาห์นี้คือระดับใดบ้าง?

ระดับแนวรับสำคัญที่ต้องจับตาคือ 1.0650 และ 1.0600 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาและระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ สำหรับแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1.0750 หากทะลุผ่านได้ก็อาจขึ้นไปทดสอบ 1.0800 ได้ ซึ่งเป็นระดับราคาที่เคยมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญในอดีต

ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์มีผลต่อ EUR/USD และนโยบายของธนาคารกลางอย่างไร?

ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งทางการค้า ความตึงเครียดทางการเมือง หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน สามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงินได้ เมื่อมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นักลงทุนมักจะหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ EUR/USD อ่อนค่าลงได้ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเหล่านี้ยังส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางจะนำมาพิจารณาในการกำหนดนโยบาย

การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยูโรโซนแตกต่างกันอย่างไร และมีผลต่อค่าเงินอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP Q3 2025 ที่ 2.5% และคาดการณ์ 1.8% ในปี 2026) มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งกว่ายูโรโซน (คาดการณ์ GDP 1.2% ในปี 2026) การเติบโตที่แข็งแกร่งกว่ามักจะหนุนค่าเงินของประเทศนั้นๆ เนื่องจากบ่งชี้ถึงความสามารถในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า หรือคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงได้นานกว่า ซึ่งจะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามา

นักลงทุนควรจับตาตัวชี้วัดเศรษฐกิจใดเป็นพิเศษเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของ EUR/USD?

นักลงทุนควรจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI, PCE สำหรับสหรัฐฯ และ HICP สำหรับยูโรโซน), ข้อมูลตลาดแรงงาน (NFP, อัตราการว่างงาน), การเติบโตของ GDP, และยอดค้าปลีก นอกจากนี้ คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางและผลการประชุมนโยบายการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่อาจทำให้การคาดการณ์ EUR/USD คลาดเคลื่อนไปจากเดิม?

ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในข้อมูลเศรษฐกิจ (เช่น เงินเฟ้อสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าคาดมาก), เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่คาดฝัน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางที่เหนือความคาดหมาย, หรือวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ไม่คาดคิด ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แตกต่างจากการคาดการณ์ได้อย่างมาก

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *