bps คือ ธนาคาร ระบบการชำระเงินที่ทุกองค์กรควรรู้จักในปี 2025

“`html

BPS: ระบบการชำระเงินที่ทุกองค์กรควรรู้จัก

สวัสดีครับคุณผู้อ่าน เคยสงสัยกันไหมว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก เขาจัดการจ่ายเงินเดือนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างไร? หนึ่งในระบบที่ได้รับความนิยมคือ Bulk Payment System (BPS) หรือระบบการชำระเงินจำนวนมาก ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน และประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้อย่างมาก

ทีมนักธุรกิจกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการดำเนินการระบบ BPS

BPS คืออะไรกันแน่? พูดง่ายๆ คือระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถโอนเงินจากบัญชีหลักไปยังบัญชีย่อยจำนวนมากได้พร้อมๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน การจ่ายค่าคอมมิชชั่น หรือการจ่ายเงินให้กับคู่ค้าจำนวนมาก แทนที่จะต้องทำรายการทีละรายการ BPS จะช่วยให้คุณสามารถทำรายการทั้งหมดได้ในครั้งเดียว สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพกว่า

  • ลดขั้นตอนการทำงาน: บริการ 지급จะทำนาทีเดียว แทนที่แต่ละขั้นตอน
  • ความสะดวก: สามารถจัดการการจ่ายเงินจำนวนมากในลักษณะเดียว
  • การลดข้อผิดพลาด: ลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดจากการทำรายการซ้ำซ้อน

ทำไมองค์กรขนาดใหญ่ถึงต้องใช้ BPS? ลองนึกภาพบริษัทที่มีพนักงานหลายร้อยหรือหลายพันคน การจ่ายเงินเดือนด้วยวิธีเดิมๆ อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเป็นอย่างมาก แต่ด้วย BPS องค์กรสามารถลดขั้นตอนการทำงาน ลดความผิดพลาด และประหยัดค่าธรรมเนียมได้อย่างเห็นได้ชัด

ประเภทการจ่ายเงิน รายละเอียด
การจ่ายเงินเดือน จ่ายเงินให้พนักงานทุกคนพร้อมกัน
การจ่ายค่าคอมมิชชั่น จ่ายให้กับพนักงานที่ทำผลงานได้ดี
การจ่ายเงินให้กับคู่ค้า จ่ายให้บริษัทคู่ค้าและผู้ให้บริการ

ธนาคารหลายแห่งในประเทศไทยให้บริการ BPS หนึ่งในนั้นคือธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีระบบ BPS ที่รองรับทั้งการโอนเงินล่วงหน้า (Next Day) และการโอนเงินภายในวันเดียวกัน (Same Day) โดยมีค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไปตามจำนวนเงินและระยะเวลาในการโอน หากคุณต้องการวางแผนการจ่ายเงินล่วงหน้า “บริการ BPS Credit Next Day” อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะช่วยให้คุณสามารถกำหนดวันและเวลาในการจ่ายเงินได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงในการจ่ายเงินผิดพลาด

พนักงานกำลังได้รับเงินเดือนผ่านระบบชำระเงินจำนวนมาก

คุณคิดว่า BPS มีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณหรือไม่? หากคุณกำลังมองหาวิธีลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายเงินให้กับพนักงาน คู่ค้า หรือผู้รับเงินจำนวนมาก ลองพิจารณาใช้บริการ BPS ดูนะครับ

บมจ. บีพีเอส เทคโนโลยี (BPS): จาก SMS สู่เทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์

บมจ. บีพีเอส เทคโนโลยี หรือ BPS Technology Public Company Limited เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai (Market for Alternative Investment) หลายคนอาจคุ้นเคยกับ BPS ในฐานะผู้ให้บริการ SMS แต่ปัจจุบัน BPS ได้ขยายธุรกิจไปยังหลากหลายภาคส่วน โดยเน้นที่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

กราฟแสดงประสิทธิภาพของ BPS ในบริษัทต่างๆ

การขยายธุรกิจของ BPS แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภค การเข้าตลาด mai เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนและขยายธุรกิจได้มากขึ้น หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในหุ้นเทคโนโลยี BPS อาจเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คุณควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

การที่ BPS หันมาเน้นนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น น่าสนใจมากทีเดียว พวกเขาจะสามารถสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้าได้อย่างไรบ้าง?

ดอกเบี้ยขาลง: ผลกระทบต่อ BPS และกลุ่มธนาคาร

ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหลายครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนี้มีผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ รวมถึงระบบ BPS และกลุ่มธนาคารพาณิชย์

อินเทอร์เฟซธนาคารที่ทันสมัยสำหรับการจัดการการชำระเงินจำนวนมาก

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของธุรกิจลดลง ซึ่งอาจส่งผลดีต่อ BPS ในแง่ของการขยายธุรกิจและการลงทุน อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อาจส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin – NIM) ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อผลประกอบการของธนาคาร

นักวิเคราะห์จาก InnovestX Research (INVX) คาดการณ์ว่า ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกหลายครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษากำไรและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์

ผลกระทบ รายละเอียด
ลดต้นทุนธุรกิจ ค่าใช้จ่ายทางการเงินอาจลดลง
ผลกระทบต่อ NIM อาจทำให้ธนาคารต้องเผชิญกับความท้าทาย
ผลกระทบต่อรายได้ธนาคาร อาจทำให้รายได้รวมลดลง

คุณคิดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน? การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารและคุณภาพสินทรัพย์ด้วย

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การทำความเข้าใจเครื่องมือและแนวคิดพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการศึกษาข้อมูลในอดีต โดยเฉพาะราคาและปริมาณการซื้อขาย เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต

กราฟราคา (Price Chart): กราฟราคาเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคทุกคนต้องรู้จัก กราฟราคาแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด มีหลายรูปแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่งเทียน และกราฟจุดและรูป

แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance): แนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ราคาไม่น่าจะลดลงต่ำกว่าระดับนั้น ส่วนแนวต้านคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการขายออกมาจำนวนมาก ทำให้ราคาไม่น่าจะสูงขึ้นเกินระดับนั้น

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average): เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเส้นที่คำนวณจากราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยให้เราเห็นแนวโน้มราคาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators): ตัวชี้วัดทางเทคนิคคือสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายเพื่อสร้างสัญญาณซื้อขาย ตัวอย่างเช่น MACD, RSI และ Stochastic Oscillator

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาและฝึกฝน แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว คุณจะสามารถใช้มันเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักลงทุน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการศึกษาข้อมูลทางเศรษฐกิจและข้อมูลของบริษัทเพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงศักยภาพในการเติบโตและความเสี่ยงของบริษัท

การวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Economic Analysis): การวิเคราะห์เศรษฐกิจเป็นการศึกษาภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และนโยบายของรัฐบาล ข้อมูลเหล่านี้มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ

การวิเคราะห์อุตสาหกรรม (Industry Analysis): การวิเคราะห์อุตสาหกรรมเป็นการศึกษาลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ รวมถึงการแข่งขัน โอกาส และความเสี่ยง

การวิเคราะห์บริษัท (Company Analysis): การวิเคราะห์บริษัทเป็นการศึกษาข้อมูลทางการเงินและข้อมูลอื่นๆ ของบริษัท เช่น รายได้ กำไร หนี้สิน กระแสเงินสด และผู้บริหาร

อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratios): อัตราส่วนทางการเงินเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนสภาพคล่อง อัตราส่วนหนี้สิน และอัตราส่วนทำกำไร

ประเภทการวิเคราะห์ รายละเอียด
เศรษฐกิจ การศึกษาภาพรวมเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม การศึกษาความเสี่ยงและโอกาส
บริษัท การศึกษาข้อมูลทางการเงิน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว คุณจะสามารถใช้มันเพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลมากยิ่งขึ้น

ความเสี่ยงในการลงทุน: สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้

การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าคุณจะลงทุนในหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ความเข้าใจในความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบและลดโอกาสในการสูญเสียเงินลงทุน

ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk): ความเสี่ยงด้านตลาดคือความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในสภาวะตลาดโดยรวม เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือความผันผวนทางการเมือง

ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk): ความเสี่ยงด้านเครดิตคือความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารหนี้จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องคือความเสี่ยงที่คุณไม่สามารถขายสินทรัพย์ของคุณได้อย่างรวดเร็วในราคาที่เหมาะสม

ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Risk): ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนคือความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยน

ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยคือความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ย

การจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการลงทุน คุณควรทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ที่คุณลงทุน และใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง เช่น การกระจายความเสี่ยง การป้องกันความเสี่ยง และการใช้คำสั่งหยุดขาดทุน

กลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนควรรู้จัก

กลยุทธ์การลงทุนคือแผนการที่นักลงทุนใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินของตน มีกลยุทธ์การลงทุนมากมายให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาในการลงทุน

การลงทุนระยะยาว (Long-Term Investing): การลงทุนระยะยาวคือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว เช่น หุ้น และถือครองสินทรัพย์เหล่านั้นเป็นเวลานาน

การลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing): การลงทุนเน้นคุณค่าคือการลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

การลงทุนเน้นการเติบโต (Growth Investing): การลงทุนเน้นการเติบโตคือการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว

การลงทุนแบบผสมผสาน (Diversified Investing): การลงทุนแบบผสมผสานคือการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน

การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging): การลงทุนแบบ DCA คือการลงทุนในจำนวนเงินที่เท่ากันเป็นประจำในช่วงเวลาที่กำหนด โดยไม่คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์

การเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คุณควรพิจารณาเป้าหมาย ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาในการลงทุนของคุณ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การลงทุน

เริ่มต้นลงทุนอย่างไร: คู่มือสำหรับนักลงทุนมือใหม่

การเริ่มต้นลงทุนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยาก แต่จริงๆ แล้วมันง่ายกว่าที่คุณคิด หากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจ

  • กำหนดเป้าหมายทางการเงิน (Set Financial Goals): กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
  • ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Assess Risk Tolerance): ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้
  • เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (Open a Brokerage Account): เปิดบัญชีเพื่อเริ่มต้นในการซื้อขาย
  • ศึกษาข้อมูลและเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน (Research and Choose Investments): หาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่คุณสนใจ
  • เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย (Start Small): ลงทุนในจำนวนเงินที่คุณสามารถเสียได้
  • ติดตามผลการลงทุนและปรับพอร์ตการลงทุน (Monitor and Adjust Portfolio): พิจารณาความจำเป็นในการปรับพอร์ตการลงทุน

หากคุณกำลังพิจารณาเริ่มต้นลงทุนในตลาด Forex หรือมองหาเครื่องมือการซื้อขายที่หลากหลาย Moneta Markets อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ พวกเขาเสนอสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า 1000 รายการ และมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสำหรับทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์

เทคนิคการบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินและรักษาความมั่งคั่งของคุณไว้ได้

  • กำหนดงบประมาณการลงทุน (Set Investment Budget): จำกัดงบประมาณในการลงทุน
  • กระจายความเสี่ยง (Diversify): ลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์
  • ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Invest Regularly): ทำการลงทุนในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ทบทวนพอร์ตการลงทุนเป็นประจำ (Review Portfolio Regularly): ตรวจสอบความเหมาะสมของการลงทุน
  • อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ (Don’t Invest in What You Don’t Understand): หลีกเลี่ยงการลงทุนที่ไม่เข้าใจ

สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและเครื่องมือที่ทันสมัย Moneta Markets มีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่หลากหลาย เช่น MT4, MT5 และ Pro Trader ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์การซื้อขายของคุณได้

การลงทุนในยุคดิจิทัล: โอกาสและความท้าทาย

ในยุคดิจิทัล การลงทุนมีความสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูล เครื่องมือ และแพลตฟอร์มการลงทุนต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม การลงทุนในยุคดิจิทัลก็มาพร้อมกับความท้าทายที่นักลงทุนต้องเผชิญ

โอกาส (Opportunities):

  • การเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้น (Easier Access to Information): นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ข่าวสาร และบทวิเคราะห์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านอินเทอร์เน็ต
  • ค่าธรรมเนียมที่ต่ำลง (Lower Fees): แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์มักมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าบริษัทหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม
  • ความสะดวกสบาย (Convenience): นักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้จากทุกที่ทุกเวลา

ความท้าทาย (Challenges):

  • ข้อมูลที่มากเกินไป (Information Overload): ข้อมูลที่มีอยู่มากมายอาจทำให้นักลงทุนสับสนและตัดสินใจผิดพลาด
  • การหลอกลวง (Scams): มีการหลอกลวงทางการเงินมากมายในโลกออนไลน์ นักลงทุนต้องระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ
  • ความผันผวน (Volatility): ตลาดการเงินมีความผันผวนมากขึ้นในยุคดิจิทัล นักลงทุนต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยง

ถ้าคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงาน Moneta Markets ได้รับใบอนุญาตจาก FSCA, ASIC และ FSA ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน

การลงทุนในยุคดิจิทัลเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกระดับ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความระมัดระวัง เพื่อที่จะสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับbps คือ ธนาคาร

Q:BPS คืออะไร?

A:BPS หมายถึงระบบการชำระเงินจำนวนมากที่ช่วยให้การโอนเงินจากบัญชีหลักไปยังบัญชีย่อยได้ในครั้งเดียว.

Q:การใช้ BPS มีข้อดีอะไรบ้าง?

A:BPS ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน, ลดข้อผิดพลาด และประหยัดค่าใช้จ่ายในการชำระเงิน.

Q:ธนาคารไหนที่ให้บริการ BPS?

A:ธนาคารกรุงไทยเป็นหนึ่งในธนาคารที่ให้บริการ BPS ที่รองรับการโอนเงินทั้งล่วงหน้าและภายในวันเดียวกัน.

“`

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *