Trailing Stop คืออะไร? คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับนักลงทุนไทย
คุณเคยไหม? ที่ซื้อหุ้นแล้วราคาวิ่งขึ้นไปเยอะมาก แต่สุดท้ายก็ขายไม่ทัน ราคากลับลงมาทำให้กำไรที่เคยได้มาหายไปหมด ปัญหานี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายคนต้องเผชิญ Trailing Stop คือเครื่องมือที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับคุณ
การใช้ Trailing Stop สามารถช่วยเหลือคุณในหลายด้าน:
- ล็อคผลกำไรในยามที่ราคาขึ้น
- จำกัดการขาดทุนเมื่อตลาดกลับตัว
- ทำให้การตัดสินใจในการซื้อขายเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
Trailing Stop: เครื่องมือล็อคกำไรที่ไม่ควรมองข้าม
Trailing Stop คือคำสั่งซื้อขายประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณล็อคผลกำไรและจำกัดการขาดทุนไปพร้อมๆ กัน มันทำงานคล้ายกับ Stop Loss และ Take Profit แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า คุณอาจจะสงสัยว่ามันทำงานอย่างไร ใช่ไหม?
โดยปกติแล้ว เมื่อคุณตั้ง Stop Loss คุณจะกำหนดระดับราคาที่คุณต้องการขายหุ้น หากราคาหุ้นตกลงมาถึงระดับนั้น คำสั่งขายของคุณก็จะถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติ ในทางกลับกัน เมื่อคุณตั้ง Take Profit คุณจะกำหนดระดับราคาที่คุณต้องการขายหุ้นเมื่อราคาวิ่งขึ้นไปถึงระดับนั้น
แต่ Trailing Stop จะแตกต่างออกไปเล็กน้อย มันจะปรับระดับ Stop Loss ของคุณโดยอัตโนมัติตามราคาที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ได้กำไร สมมติว่าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท และตั้ง Trailing Stop ที่ 1 บาท หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปที่ 12 บาท Trailing Stop ของคุณก็จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 11 บาทโดยอัตโนมัติ
หากราคาหุ้นยังคงวิ่งขึ้นต่อไปอีก Trailing Stop ของคุณก็จะปรับขึ้นตามไปด้วย แต่หากราคาหุ้นเริ่มตกลงมาและแตะระดับ Trailing Stop ของคุณ คำสั่งขายของคุณก็จะถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถล็อคผลกำไรที่ได้มาได้
Trailing Stop ต่างจาก Stop Loss และ Take Profit อย่างไร?
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Trailing Stop กับ Stop Loss และ Take Profit คือ Trailing Stop จะปรับระดับโดยอัตโนมัติตามราคาที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ได้กำไร ในขณะที่ Stop Loss และ Take Profit จะคงที่อยู่ที่ระดับราคาที่คุณกำหนดไว้
| ประเภทคำสั่ง | ลักษณะ | ประโยชน์ |
|---|---|---|
| Stop Loss | ขายที่ระดับราคาที่กำหนด | จำกัดการขาดทุน |
| Take Profit | ขายที่ระดับราคาที่กำหนดเมื่อราคาขึ้น | ล็อคผลกำไร |
| Trailing Stop | ปรับระดับตามราคาที่ได้กำไร | ล็อคผลกำไรในขณะที่ตามเทรนด์ |
Stop Loss เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คุณต้องการจำกัดการขาดทุนของคุณให้อยู่ในระดับที่แน่นอน Take Profit เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คุณต้องการล็อคผลกำไรของคุณเมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้
แต่ Trailing Stop เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คุณต้องการ “รันเทรนด์” นั่นคือการถือหุ้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คุณสามารถทำกำไรได้มากที่สุดจากแนวโน้มของราคาหุ้น
ข้อดีของ Trailing Stop คือช่วยให้คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา คุณสามารถปล่อยให้ Trailing Stop ทำงานของมันไป และคุณก็จะมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป และคุณจะไม่ขาดทุนมากเกินไป หากราคาหุ้นตกลงมา
อย่างไรก็ตาม Trailing Stop ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ข้อเสียที่สำคัญที่สุดคือ มันอาจจะทำให้คุณขายหุ้นเร็วเกินไป หากราคาหุ้นมีการผันผวนอย่างรุนแรง
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท และตั้ง Trailing Stop ที่ 1 บาท หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปที่ 12 บาท Trailing Stop ของคุณก็จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 11 บาท หากราคาหุ้นตกลงมาที่ 11.50 บาท แล้ววิ่งกลับขึ้นไปอีก Trailing Stop ของคุณก็จะยังคงอยู่ที่ 11 บาท ทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรจากราคาที่วิ่งกลับขึ้นไป
วิธีการใช้งาน Trailing Stop Order บนแพลตฟอร์ม Finansia HERO
หากคุณใช้แพลตฟอร์ม Finansia HERO คุณสามารถตั้งค่า Trailing Stop Order ได้อย่างง่ายดาย นี่คือขั้นตอน:
- เปิดโปรแกรม Finansia HERO
- เลือกหุ้นที่คุณต้องการซื้อขาย
- คลิกที่ “Order”
- เลือก “Trailing Stop Order”
- ใส่ราคาที่คุณต้องการซื้อ
- ใส่จำนวนหุ้นที่คุณต้องการซื้อ
- ใส่ “Trailing Amount” (จำนวนเงินที่คุณต้องการให้ Trailing Stop ปรับขึ้นตามราคา)
- คลิก “Buy” หรือ “Sell”
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อหุ้น XYZ ที่ราคา 10 บาท และตั้ง Trailing Stop ที่ 1 บาท คุณจะต้องใส่ข้อมูลดังนี้:
- Symbol: XYZ
- Order Type: Trailing Stop Order
- Price: 10.00
- Volume: 100
- Trailing Amount: 1.00
เมื่อคุณใส่ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ให้คลิก “Buy” หรือ “Sell” ระบบก็จะส่งคำสั่งซื้อขายของคุณออกไป และ Trailing Stop ของคุณก็จะเริ่มทำงานทันที
ข้อดีและข้อเสียของ Trailing Stop
มาสรุปข้อดีและข้อเสียของ Trailing Stop กันอีกครั้ง เพื่อให้คุณเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยงในการใช้งานเครื่องมือนี้
| ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|
| ช่วยล็อคผลกำไรและจำกัดการขาดทุน | อาจจะทำให้คุณขายหุ้นเร็วเกินไป หากราคาหุ้นมีการผันผวนอย่างรุนแรง |
| ช่วยให้คุณสามารถ รันเทรนด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ต้องมีการตั้งค่าที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด |
| ไม่ต้องเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา | |
| ใช้งานง่ายบนแพลตฟอร์ม Finansia HERO |
การเลือกใช้ Trailing Stop หรือเครื่องมืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความเสี่ยงที่คุณรับได้ หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเริ่มเทรด Forex หรือสำรวจผลิตภัณฑ์ CFD เพิ่มเติม Moneta Markets เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจจากออสเตรเลีย ที่มีเครื่องมือการเทรดหลากหลายและได้รับการยอมรับในระดับสากล
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตั้งค่า Trailing Stop
การตั้งค่า Trailing Stop ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นี่คือปัจจัยที่คุณควรพิจารณา:
- ความผันผวนของราคาหุ้น: หากราคาหุ้นมีความผันผวนสูง คุณควรตั้ง Trailing Stop ให้กว้างขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการขายหุ้นเร็วเกินไป
- กรอบเวลาการลงทุน: หากคุณเป็นการลงทุนระยะยาว คุณอาจจะตั้ง Trailing Stop ให้กว้างขึ้น เพื่อให้คุณสามารถถือหุ้นไว้ได้นานขึ้น
- ความเสี่ยงที่คุณรับได้: หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง คุณอาจจะตั้ง Trailing Stop ให้แคบลง เพื่อจำกัดการขาดทุนของคุณ
ไม่มีสูตรสำเร็จในการตั้งค่า Trailing Stop ที่เหมาะสมที่สุด คุณจะต้องทดลองและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าของคุณไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะพบกับการตั้งค่าที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
ตัวอย่างการใช้งาน Trailing Stop ในสถานการณ์จริง
เพื่อให้คุณเข้าใจถึงประโยชน์ของ Trailing Stop มากยิ่งขึ้น ลองมาดูตัวอย่างการใช้งานในสถานการณ์จริงกัน:
สถานการณ์: คุณซื้อหุ้น ABC ที่ราคา 50 บาท และคุณเชื่อว่าหุ้น ABC มีศักยภาพที่จะวิ่งขึ้นไปได้อีกมาก แต่คุณก็กังวลว่าราคาหุ้นอาจจะกลับตัว คุณจึงตัดสินใจที่จะตั้ง Trailing Stop เพื่อล็อคผลกำไรและจำกัดการขาดทุน
การตั้งค่า: คุณตั้ง Trailing Stop ที่ 5 บาท
ผลลัพธ์:
- หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปที่ 60 บาท Trailing Stop ของคุณก็จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 55 บาท
- หากราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปที่ 70 บาท Trailing Stop ของคุณก็จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 65 บาท
- หากราคาหุ้นเริ่มตกลงมาและแตะระดับ Trailing Stop ที่ 65 บาท คำสั่งขายของคุณก็จะถูกส่งออกไปโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถล็อคผลกำไร 15 บาทต่อหุ้น
ในสถานการณ์นี้ Trailing Stop ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้ 15 บาทต่อหุ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าราคาหุ้นจะกลับตัว
Trailing Stop เหมาะสำหรับนักเทรดประเภทใด?
Trailing Stop เหมาะสำหรับนักเทรดที่:
- ต้องการ รันเทรนด์ และทำกำไรจากแนวโน้มของราคาหุ้น
- ไม่ต้องการเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา
- ต้องการล็อคผลกำไรและจำกัดการขาดทุน
หากคุณเป็นนักเทรดประเภทนี้ Trailing Stop อาจจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณ
ข้อควรระวังในการใช้ Trailing Stop
แม้ว่า Trailing Stop จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่คุณควรทราบ:
- อย่าตั้ง Trailing Stop ให้แคบเกินไป: หากคุณตั้ง Trailing Stop ให้แคบเกินไป คุณอาจจะถูก “Stop Out” เร็วเกินไป ทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไรจากราคาที่วิ่งกลับขึ้นไป
- พิจารณาความผันผวนของราคาหุ้น: หากราคาหุ้นมีความผันผวนสูง คุณควรตั้ง Trailing Stop ให้กว้างขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูก “Stop Out” เร็วเกินไป
- อย่าพึ่งพา Trailing Stop เพียงอย่างเดียว: Trailing Stop เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง คุณควรใช้เครื่องมืออื่นๆ ร่วมด้วย เช่น Stop Loss และ Take Profit
การบริหารความเสี่ยงที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด การใช้ Trailing Stop อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
สรุป
Trailing Stop เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดที่ต้องการ รันเทรนด์ และปกป้องกำไรจากการกลับตัวของราคา อย่างไรก็ตาม คุณควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนใช้งานจริง เพื่อให้คุณสามารถตั้งค่า Trailing Stop ได้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Trailing Stop สามารถสอบถามได้เลย
หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและมีเครื่องมือที่ทันสมัยในการเทรด Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรพิจารณา ด้วยการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานทางการเงิน ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยของเงินทุน และยังรองรับ MT4, MT5 และ Pro Trader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในวงการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับtrailing stop คือ
Q：Trailing Stop คืออะไร?
A：Trailing Stop คือคำสั่งซื้อขายที่ช่วยล็อคกำไรและจำกัดการขาดทุน โดยปรับระดับราคาตามการเคลื่อนไหวของตลาด
Q：Trailing Stop มีข้อดีอย่างไร?
A：Trailing Stop ช่วยให้คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา และสามารถล็อคผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q：Trailing Stop เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทไหน?
A：Trailing Stop เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรันเทรนด์และไม่ต้องการเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
