บทนำ: เหตุใดเทรดเดอร์ไทยจึงให้ความสำคัญกับโบรกเกอร์ Forex แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นในปี 2025?
ในโลกของการเทรด Forex ที่ทุก pip ล้วนมีผลต่อกำไร ต้นทุนการซื้อขายจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดประสิทธิภาพของการลงทุน สำหรับนักเทรดในประเทศไทย การควบคุมต้นทุนไม่ใช่แค่เรื่องความประหยัด แต่คือกลยุทธ์หลักในการเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หนึ่งในต้นทุนที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ “ค่าคอมมิชชั่น” หรือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บต่อการเปิดคำสั่งซื้อขายแต่ละครั้ง ซึ่งหากสะสมบ่อยครั้ง อาจกลายเป็นภาระน้ำหนักที่ส่งผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว
ปี 2025 เทรนด์การเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยเหตุผลหลักคือความเรียบง่ายในการคำนวณต้นทุนและการลดภาระค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ไม่ควรหยุดอยู่แค่คำว่า “ไม่มีค่าคอมมิชชั่น” เพียงเท่านั้น เพราะต้นทุนที่แท้จริงอาจซ่อนอยู่ในรูปแบบอื่น เช่น ค่าสเปรดที่กว้างขึ้น หรือค่าธรรมเนียมแฝงที่อาจไม่ปรากฏในทันที
บทความนี้จะพาคุณสำรวจโบรกเกอร์ Forex ที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นอย่างลึกซึ้ง พร้อมจัดอันดับผู้ให้บริการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเทรดชาวไทยในปี 2025 โดยคำนึงถึงค่าสเปรด ความน่าเชื่อถือ แพลตฟอร์มการเทรด และการรองรับการใช้งานจริงในบริบทของประเทศไทย รวมถึงแนะนำวิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์สไตล์การเทรดของคุณอย่างแท้จริง

โบรกเกอร์ไม่มีค่าคอมมิชชั่นทำงานอย่างไร? ข้อเท็จจริงที่มือใหม่ต้องรู้
คำว่า “ไม่มีค่าคอมมิชชั่น” ฟังดูเหมือนข้อเสนอที่ดีเกินจริง แต่สิ่งที่นักเทรดทุกคนควรเข้าใจคือ โบรกเกอร์ไม่ได้ให้บริการฟรี พวกเขามีโมเดลธุรกิจที่ต้องสร้างรายได้เพื่อคงความมั่นคงในระยะยาว แล้วโบรกเกอร์เหล่านี้ทำกำไรได้อย่างไรถ้าไม่เก็บค่าคอมมิชชั่น?
คำตอบคือ “ค่าสเปรด” ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของโบรกเกอร์ประเภทนี้
ค่าสเปรด หรือ Spread คือความต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และเสนอขาย (Ask) ของคู่เงินหรือสินทรัพย์ใดๆ โบรกเกอร์ที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นจะปรับค่าสเปรดให้กว้างขึ้นเล็กน้อยจากตลาดจริง และส่วนต่างที่เพิ่มเข้ามานี้เองคือรายได้ของพวกเขา โดยไม่ต้องแสดงเป็นค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก
ตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น:
- โบรกเกอร์แบบมีค่าคอมมิชชั่น (บัญชี ECN): อาจเสนอสเปรดต่ำสุดที่ 0.1 pip แต่จะคิดค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม เช่น 7 ดอลลาร์ต่อ 1 lot ต่อการซื้อขาย 2 ทาง (เปิด-ปิด)
- โบรกเกอร์แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น (บัญชี Standard): อาจเสนอสเปรดที่ 1.2 หรือ 2.0 pip ซึ่งต้นทุนถูกรวมไว้ในราคาโดยตรง ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม แต่คุณจ่ายในรูปแบบของสเปรดที่สูงกว่า
ดังนั้น โบรกเกอร์แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นจึงเหมาะกับนักเทรดที่ซื้อขายไม่บ่อย หรือต้องการความสะดวกในการคำนวณต้นทุน ส่วนผู้ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์แบบ Scalping อาจได้ประโยชน์มากกว่ากับบัญชี ECN ที่มีสเปรดต่ำ แม้จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก
5 โบรกเกอร์ Forex ไม่มีค่าคอมมิชชั่นที่ดีที่สุดสำหรับนักเทรดไทย ปี 2025
เราได้คัดเลือกโบรกเกอร์ชั้นนำที่ให้บริการบัญชีเทรดแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยประเมินจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น ค่าสเปรดเฉลี่ย ความน่าเชื่อถือจากรางวัลและหน่วยงานกำกับดูแล ความสามารถของแพลตฟอร์ม และการรองรับภาษาไทย การฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศ รวมถึงความพร้อมของทีมสนับสนุน เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละตัวเลือกเหมาะสมกับความต้องการของเทรดเดอร์ชาวไทยอย่างแท้จริง
1. Moneta Markets: ความลงตัวระหว่างเทคโนโลยีทันสมัยและต้นทุนต่ำ
Moneta Markets ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 ด้วยจุดแข็งด้านเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบครันและการให้บริการที่เข้าใจความต้องการของตลาดไทยเป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเทรดเดอร์ระดับกลาง โบรกเกอร์นี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่น:
- เครื่องมือ Pro Trader Tools ฟรี: มอบเครื่องมือวิเคราะห์ระดับมืออาชีพ เช่น Heatmaps, Correlation Matrix และ Sentiment Indicator ผ่านแพลตฟอร์มหลักโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- สเปรดต่ำในสินทรัพย์หลัก: บัญชี Standard ของ Moneta Markets มีสเปรดเฉลี่ยในคู่เงิน EURUSD ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาด รวมถึงทองคำ (XAUUSD) ที่ให้สเปรดเริ่มต้นที่น่าสนใจ
- แพลตฟอร์มหลากหลาย: รองรับ MT4, MT5 และยังพัฒนา AppTrader ซึ่งเป็นแอปเทรดเฉพาะตัวที่ใช้งานง่ายบนมือถือ พร้อมกราฟที่ลื่นไหลและคำสั่งซื้อขายที่ตอบสนองได้รวดเร็ว
- รองรับการเงินแบบไทย: รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศไทยและระบบ QR Code โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ทำให้ทำธุรกรรมได้ทันทีและสะดวกมาก
ข้อสังเกต:
- แม้จำนวนสินทรัพย์จะไม่มากเท่าโบรกเกอร์ระดับโลก แต่ก็ครอบคลุมคู่เงินหลัก หุ้น ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ที่นักเทรดไทยนิยมใช้เป็นหลัก
2. XTB: ความน่าเชื่อถือระดับสากลกับแพลตฟอร์มรางวัลการันตี
XTB คือโบรกเกอร์ที่มีความโปร่งใสสูง เพราะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ทำให้ข้อมูลทางการเงินเปิดเผยต่อสาธารณะ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความปลอดภัยของเงินทุน
จุดเด่น:
- ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySEC: ถือเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลก
- แพลตฟอร์ม xStation 5: ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหล มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบ รวมถึงกราฟแบบมืออาชีพและระบบแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบัญชี Standard: เหมาะสำหรับการเทรด Forex, ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม
- ทีมสนับสนุนภาษาไทย: มีพนักงานคนไทยให้บริการ สามารถติดต่อได้ง่ายและได้รับคำตอบที่เข้าใจตรงประเด็น
ข้อสังเกต:
- ค่าสเปรดอาจมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงที่ตลาดผันผวน เช่น ช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
3. Pepperstone: ความเร็วในการดำเนินคำสั่งระดับพรีเมียม
Pepperstone ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักเทรดที่เน้นความเร็วและประสิทธิภาพ ด้วยโครงสร้างเซิร์ฟเวอร์ที่ทันสมัยและการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง ทำให้คำสั่งซื้อขายดำเนินการได้ภายในไม่กี่มิลลิวินาที
จุดเด่น:
- Execution รวดเร็วสูง: เหมาะสำหรับกลยุทธ์ Scalping หรือการใช้งาน Expert Advisors ที่ต้องการความแม่นยำและตอบสนองทันที
- แพลตฟอร์มครบครัน: รองรับ MT4, MT5 และ cTrader ซึ่งเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกเครื่องมือ
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC และ FCA: สร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของเงินทุน
ข้อสังเกต:
- บัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่นจะมีสเปรดสูงกว่าบัญชี Razor ที่มีค่าคอมมิชชั่น ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่างความสะดวกและต้นทุนที่แท้จริง
4. IC Markets: ผู้เชี่ยวชาญด้าน ECN และสภาพคล่องระดับสูง
IC Markets ถูกยกย่องให้เป็น “โบรกเกอร์ ECN แท้” เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย ทำให้สามารถเสนอสเปรดที่ต่ำมากได้ แม้ในช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น
จุดเด่น:
- สภาพคล่องลึก: ช่วยลด Slippage และเพิ่มโอกาสในการเติมคำสั่งที่ราคาที่ต้องการ
- สเปรดในบัญชี Standard ยังแข่งขันได้: แม้ไม่ใช่บัญชี ECN แต่ค่าสเปรดยังคงอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพ: เซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลระดับโลกอย่าง Equinix NY4 ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ใช้งาน HFT
ข้อสังเกต:
- เนื้อหาการเรียนรู้และเครื่องมืออาจเน้นไปที่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ทำให้มือใหม่รู้สึกเข้าถึงยากในช่วงแรก
5. Exness: ความยืดหยุ่นสูงทั้งเลเวอเรจและการถอนเงิน
Exness เป็นที่รู้จักในตลาดเอเชียและไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านความรวดเร็วในการทำธุรกรรมและการให้เลเวอเรจที่ยืดหยุ่น ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมการเทรดด้วยตัวเองในระดับสูง
จุดเด่น:
- ถอนเงินได้ทันที: ระบบอัตโนมัติช่วยให้เงินเข้าบัญชีภายในไม่กี่นาทีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
- เลเวอเรจไม่จำกัด: สำหรับผู้ที่มีเงินทุนและประสบการณ์เพียงพอ สามารถใช้เลเวอเรจสูงได้โดยไม่มีขีดจำกัด
- ซัพพอร์ตภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง: พร้อมช่วยเหลือทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีหรือข้อผิดพลาดในการเทรด
ข้อสังเกต:
- ค่าสเปรดอาจมีความผันผวน โดยเฉพาะในช่วงตลาดข่าวร้อน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการความแม่นยำในราคา

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ Forex ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
เพื่อให้คุณเปรียบเทียบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นี่คือตารางสรุปคุณสมบัติหลักของโบรกเกอร์ทั้ง 5 รายที่แนะนำ
โบรกเกอร์ | สเปรดเฉลี่ย (EURUSD) | หน่วยงานกำกับดูแล | แพลตฟอร์ม | ฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย | ซัพพอร์ตภาษาไทย |
---|---|---|---|---|---|
Moneta Markets | ~1.2 pips | ASIC, FSCA | MT4, MT5, AppTrader | ✅ รองรับ (QR Code/Bank) | ✅ มี |
XTB | ~1.3 pips | FCA, CySEC, KNF | xStation 5 | ✅ รองรับ | ✅ มี |
Pepperstone | ~1.3 pips | ASIC, FCA, CySEC | MT4, MT5, cTrader | ✅ รองรับ | ✅ มี |
IC Markets | ~1.2 pips | ASIC, CySEC | MT4, MT5, cTrader | ✅ รองรับ | ✅ มี |
Exness | ~1.4 pips (มีความผันผวน) | FCA, CySEC, FSCA | MT4, MT5 | ✅ รองรับ | ✅ มี (24/7) |
นอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่น: 3 ค่าธรรมเนียมแฝงที่คุณต้องรู้ในปี 2025
การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่นไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีต้นทุนอื่นอีกเลย หลายแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมแฝงที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน แต่ส่งผลต่อผลกำไรในระยะยาว นี่คือ 3 ค่าธรรมเนียมที่ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจ
1. ค่า Swap (Rollover Fee)
ค่า Swap คือค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการถือออเดอร์ข้ามคืน ซึ่งคำนวณจากความต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน สำหรับนักเทรดแบบ Swing หรือ Position Trader ที่ถือสถานะเป็นวันหรือสัปดาห์ ค่า Swap อาจกลายเป็นต้นทุนประจำที่สะสมได้สูง บางโบรกเกอร์เสนอ “บัญชีปลอด Swap” สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่อาจแลกมากับสเปรดที่กว้างขึ้นหรือค่าธรรมเนียมรายเดือน
2. ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน (Inactivity Fee)
หากคุณไม่ได้เข้าใช้งานบัญชีเป็นเวลานาน เช่น 90 วันหรือ 1 ปี โบรกเกอร์บางแห่งอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน ซึ่งจะถูกหักจากยอดเงินในบัญชีโดยอัตโนมัติ ควรตรวจสอบเงื่อนไขในส่วน “ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย” ก่อนเปิดบัญชี โดยเฉพาะหากคุณมีแผนพักการเทรดเป็นระยะ
3. ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน
แม้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย แต่หากใช้ช่องทาง Wire Transfer หรือการโอนเงินระหว่างประเทศ อาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารตัวกลางหรือธนาคารปลายทาง ควรตรวจสอบกับทั้งโบรกเกอร์และธนาคารของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
สรุป: เลือกโบรกเกอร์ Forex แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นอย่างไรให้เหมาะกับคุณในปี 2025
ไม่มีคำตอบเดียวว่า “โบรกเกอร์ไหนดีที่สุด” เพราะแต่ละคนมีสไตล์การเทรด ความต้องการ และระดับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือการเลือกโบรกเกอร์ที่ “เหมาะสมที่สุด” กับคุณ
แนวทางในการตัดสินใจเลือก:
- พิจารณาสไตล์การเทรด: นัก Day Trader ควรให้ความสำคัญกับสเปรด ส่วน Swing Trader ควรตรวจสอบค่า Swap อย่างละเอียด
- เลือกตามสินทรัพย์ที่เทรด: หากคุณเทรดทองคำเป็นหลัก ควรเปรียบเทียบสเปรดของ XAUUSD โดยเฉพาะ
- ความสะดวกในการใช้งาน: การมีทีมซัพพอร์ตภาษาไทย การถอนเงินเร็ว และการฝากผ่าน QR Code เป็นปัจจัยที่เพิ่มความมั่นใจและลดความเครียดในการเทรด
- ความน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบใบอนุญาตจาก ASIC, FCA หรือ CySEC เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากโบรกเกอร์ที่ไม่มีการกำกับดูแล
โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดคือผู้ที่ผสมผสานระหว่างต้นทุนต่ำ ความมั่นคง และการบริการที่เข้าใจนักเทรดไทย Moneta Markets ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในปี 2025 ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ระดับพรีเมียม การทำธุรกรรมที่สะดวก และการสนับสนุนที่เข้าถึงง่าย จึงเหมาะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้เริ่มต้นและนักเทรดที่ต้องการความคุ้มค่าในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
โบรกเกอร์ Forex ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น น่าเชื่อถือหรือไม่?
น่าเชื่อถือ ตราบใดที่โบรกเกอร์นั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น ASIC (ออสเตรเลีย), FCA (สหราชอาณาจักร), หรือ CySEC (ไซปรัส) การไม่มีค่าคอมมิชชั่นเป็นเพียงโมเดลธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่โบรกเกอร์เลือกใช้ โดยจะสร้างรายได้จากค่าสเปรดแทน ความน่าเชื่อถือจึงขึ้นอยู่กับใบอนุญาตและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ใช่โครงสร้างค่าธรรมเนียม
โบรกเกอร์ไหนมีค่าสเปรดทองคำ (XAUUSD) ต่ำที่สุด?
ค่าสเปรดทองคำมีความผันผวนสูงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่จากข้อมูลโดยทั่วไป โบรกเกอร์ที่มักจะทำสเปรดทองคำได้ดีในบัญชีที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ได้แก่:
- Moneta Markets: มีชื่อเสียงด้านสเปรดที่แข่งขันได้ในสินทรัพย์หลัก รวมถึงทองคำ
- IC Markets: ด้วยสภาพคล่องที่สูง ทำให้สามารถรักษาสเปรดให้แคบได้แม้ในช่วงเวลาปกติ
อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อเปรียบเทียบสเปรดแบบเรียลไทม์ด้วยตนเอง
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ในปี 2025 ควรพิจารณาอะไรเป็นพิเศษ?
ในปี 2025 นอกจากปัจจัยพื้นฐานอย่างความน่าเชื่อถือและค่าสเปรดแล้ว ควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้เป็นพิเศษ:
- ความสะดวกในการฝาก-ถอนเงิน: โบรกเกอร์ที่รองรับ QR Code และธนาคารไทยโดยตรง เช่น Moneta Markets จะช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาได้อย่างมาก
- เทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม: มองหาโบรกเกอร์ที่มีแอปพลิเคชันบนมือถือที่เสถียรและใช้งานง่าย รวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณเทรดได้ดีขึ้น
- การสนับสนุนลูกค้า: การมีทีมซัพพอร์ตภาษาไทยที่เข้าถึงง่ายและตอบสนองรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อเกิดปัญหา
XTB ดีไหมสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในไทย?
ดีมากสำหรับมือใหม่ XTB เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในไทยด้วยเหตุผลหลายประการ:
- แพลตฟอร์ม xStation 5: ใช้งานง่ายมาก มีสื่อการเรียนรู้และวิดีโอสอนการใช้งานในตัว
- ความน่าเชื่อถือ: การเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายใหม่
- ทีมซัพพอร์ตไทย: สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือเป็นภาษาไทยได้สะดวก
ปัญหาการถอนเงินจากโบรกเกอร์ Forex เกิดจากอะไรและจะป้องกันได้อย่างไร?
ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้:
- การยืนยันตัวตน (KYC) ไม่สมบูรณ์: ต้องแน่ใจว่าได้อัปโหลดเอกสารและได้รับการอนุมัติบัญชีครบถ้วนแล้ว
- เงื่อนไขโบนัส: หากรับโบนัส อาจมีเงื่อนไขปริมาณการเทรด (Lot) ที่ต้องทำให้ครบก่อนจึงจะถอนกำไรได้
- ถอนเงินผิดช่องทาง: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีนโยบายให้ถอนเงินกลับไปยังช่องทางที่ฝากเข้ามาในตอนแรก
- เลือกโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ: นี่คือสาเหตุที่ร้ายแรงที่สุด
วิธีป้องกัน: เลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด อ่านเงื่อนไขให้ครบถ้วน และทำการยืนยันตัวตนให้เสร็จสิ้นก่อนเริ่มเทรด
โบรกเกอร์ Forex อันดับ 1 ของโลกคือเจ้าไหน? และเหมาะกับคนไทยหรือไม่?
การจัดอันดับ “อันดับ 1 ของโลก” นั้นแตกต่างกันไปตามเกณฑ์ที่ใช้วัด (เช่น ปริมาณการเทรด, จำนวนผู้ใช้งาน) แต่โบรกเกอร์ขนาดใหญ่อย่าง IC Markets หรือ Pepperstone มักถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม “ดีที่สุดในโลก” อาจไม่ใช่ “เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย” เสมอไป โบรกเกอร์ที่เหมาะกับคนไทยควรมีคุณสมบัติเฉพาะทาง เช่น การรองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย และการมีทีมซัพพอร์ตคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่โบรกเกอร์ที่โฟกัสตลาดเอเชียอย่าง Moneta Markets หรือ Exness ทำได้ดี
การเทรดฟอเร็กซ์ในประเทศไทยถูกกฎหมายหรือไม่?
ปัจจุบัน ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการเทรด Forex สำหรับลูกค้ารายย่อยโดยตรง และยังไม่มีโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทยโดยเฉพาะ ก.ล.ต. มักจะออกประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม การที่เทรดเดอร์ไทยเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือยังคงเป็นที่นิยมและเป็นช่องทางที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้กันอยู่
บัญชีเทรดแบบ Standard กับ Raw/ECN แตกต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างหลักอยู่ที่โครงสร้างต้นทุน:
- บัญชี Standard:
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- ต้นทุนทั้งหมดจะถูกรวมไว้ใน ค่าสเปรดที่กว้างกว่า
- เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย
- บัญชี Raw/ECN:
- มีค่าคอมมิชชั่น (คิดแยกต่อการเทรด 1 lot)
- แลกกับ ค่าสเปรดที่แคบมาก หรือเกือบเป็นศูนย์
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์, Scalper, หรือผู้ที่เทรดปริมาณสูง