ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่กำกับดูแลโดย FCA จึงสำคัญสำหรับนักเทรดในประเทศไทยปี 2025?
การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ไม่ต่างจากการเดินทางไกล — คุณต้องมีเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ และสำหรับนักเทรดชาวไทย การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร คือการตัดสินใจที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจอย่างแท้จริง ในยุคที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในปี 2025 การมีโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจากหน่วยงานระดับโลกเช่น FCA ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นมาตรฐานพื้นฐานที่ควรพิจารณา
FCA ถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินที่เข้มงวดที่สุดในโลก ด้วยนโยบายที่เน้นการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก โบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก FCA ต้องผ่านข้อกำหนดที่เข้มข้นหลายด้าน ทั้งในด้านการเงิน การดำเนินงาน และจริยธรรมทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ลงทุนทั่วโลกให้ความไว้วางใจอย่างสูง
สำหรับนักเทรดชาวไทย การเลือกใช้โบรกเกอร์ FCA ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเงินลงทุน แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในการเทรดในระยะยาว โดยเฉพาะใน 3 ด้านหลักต่อไปนี้:

1. การคุ้มครองเงินทุนผ่าน FSCS
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของการเลือกโบรกเกอร์ FCA คือสิทธิ์ในการได้รับการคุ้มครองภายใต้ Financial Services Compensation Scheme (FSCS) ซึ่งเป็นโครงการคุ้มครองเงินฝากสำหรับลูกค้ารายย่อยในกรณีที่โบรกเกอร์ประสบปัญหาหรือล้มละลาย
ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การล้มของบริษัท หรือการทุจริตภายใน FSCS จะชดเชยเงินทุนของคุณได้สูงสุดถึง 85,000 ปอนด์ต่อบุคคลต่อบริษัท หรือประมาณ 3.9 ล้านบาท ซึ่งถือเป็น “ถุงลมนิรภัย” ทางการเงินที่สำคัญ ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินทั้งหมดในบัญชี
ไม่ใช่ทุกประเทศหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่มีระบบนี้ และนี่คือเหตุผลหลักที่ FCA ได้รับการยกย่องว่าเป็นมาตรฐานทองคำของอุตสาหกรรม
2. การแยกบัญชีลูกค้า (Client Money Segregation)
FCA กำหนดให้โบรกเกอร์ต้องเก็บเงินทุนของลูกค้าแยกไว้จากเงินทุนของบริษัท โดยต้องฝากไว้ในบัญชีที่แยกต่างหาก (Segregated Account) ที่ธนาคารชั้นนำจัดการ
ข้อกำหนดนี้ป้องกันไม่ให้โบรกเกอร์นำเงินของคุณไปใช้ในกิจกรรมการดำเนินงาน เช่น จ่ายเงินเดือน หรือชำระหนี้ และในกรณีที่บริษัทล้มละลาย เงินของคุณจะไม่ถูกนำไปหักลบกับหนี้สินของบริษัท แต่จะถูกส่งคืนให้กับลูกค้าตามลำดับ
นี่คือหลักการพื้นฐานที่สะท้อนถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ซึ่งโบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการควบคุมอาจไม่ต้องปฏิบัติตาม
3. ความโปร่งใสและการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม
FCA บังคับให้โบรกเกอร์ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และต้องปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างยุติธรรม (Treating Customers Fairly – TCF) ซึ่งรวมถึงการให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยง การจัดการข้อขัดแย้ง และการเสนอราคาที่ดีที่สุด (Best Execution)
นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังต้องรายงานสถานะการเงินอย่างสม่ำเสมอ และผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก ทำให้ผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าทุกการซื้อขายเกิดขึ้นอย่างซื่อสัตย์ และไม่มีการปรับแต่งราคาหรือการปฏิเสธคำสั่งซื้อโดยไม่มีเหตุผล
จัดอันดับ 7 โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดภายใต้การกำกับดูแลของ FCA สำหรับคนไทย ปี 2025
การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบใบอนุญาต แต่ต้องดูว่าบริการนั้นตอบโจทย์นักเทรดไทยได้ดีแค่ไหน เช่น ความเร็วในการฝากถอน ภาษาที่รองรับ แพลตฟอร์มการเทรด และค่าธรรมเนียมโดยรวม
ในปี 2025 เราได้ประเมินโบรกเกอร์ FCA ชั้นนำ โดยพิจารณาจากทั้งปัจจัยด้านความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้งาน และการสนับสนุนผู้ใช้งานในประเทศไทยอย่างแท้จริง
1. Moneta Markets – ผู้นำด้านนวัตกรรมและบริการท้องถิ่น
Moneta Markets ได้รับความสนใจอย่างมากในปี 2025 ด้วยการผสานความน่าเชื่อถือระดับสากลเข้ากับบริการที่เข้าใจลักษณะเฉพาะของนักเทรดไทยได้อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงได้รับการกำกับดูแลจาก FCA เท่านั้น แต่ยังมีใบอนุญาตจาก ASIC ของออสเตรเลีย ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีการควบคุมหลายแห่ง (Multi-regulated) ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด
จุดเด่นที่ทำให้ Moneta Markets โดดเด่น:
- รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยโดยตรง: สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบ Local Bank Transfer และ QR Code ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพึ่งพาช่องทางกลาง ช่วยลดเวลาและค่าธรรมเนียม
- แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลายและทันสมัย: ให้บริการทั้ง MT4, MT5 และ Pro Trader ที่ขับเคลื่อนโดย TradingView ซึ่งเหมาะกับนักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
- เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง: ให้ผู้ใช้เข้าถึง Trading Central ฟรี พร้อม Pro Trader Tools ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
- สเปรดต่ำและมีความยืดหยุ่น: มีบัญชี ECN สำหรับผู้ที่ต้องการสเปรดต่ำ และบัญชีมาตรฐานสำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่ต้องการค่าคอมมิชชั่น
ข้อควรพิจารณา: แม้จะมีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย แต่หุ้นรายตัวอาจมีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์เฉพาะทาง
เหมาะกับใคร: นักเทรดทุกระดับที่ต้องการความปลอดภัยสูง ความสะดวกในการทำธุรกรรม และแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด
2. Pepperstone – ความเร็วและสินทรัพย์ครบวงจร
Pepperstone คือหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในระดับโลก โดยมีชื่อเสียงในด้านความเร็วในการประมวลผลคำสั่งซื้อขาย และสินทรัพย์ที่หลากหลายมากกว่า 1,200 รายการ ตั้งแต่คู่เงิน ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึงหุ้น CFD
- รองรับแพลตฟอร์มหลักทั้ง MT4, MT5, cTrader และ TradingView
- สเปรดต่ำ เริ่มต้นที่ 0.1 pips สำหรับบัญชี Razor
- การดำเนินคำสั่งเร็ว ด้วยระบบ Execution ที่พัฒนาพิเศษ
ข้อจำกัด: การสนับสนุนภาษาไทยอาจมีจำกัดในบางช่วงเวลา และไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่พัฒนาโดยโบรกเกอร์เองมากนัก
เหมาะกับใคร: นักเทรดที่เน้นความเร็วและต้องการเข้าถึงตลาดต่าง ๆ อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ cTrader หรือ TradingView เป็นหลัก
3. IC Markets – ต้นทุนต่ำสำหรับนักเทรดมืออาชีพ
หากคุณเป็นนักเทรดที่เน้นต้นทุนการเทรดเป็นหลัก IC Markets คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยโมเดล True ECN ที่มีสภาพคล่องจากผู้ให้บริการหลายราย ทำให้สเปรดเฉลี่ยในคู่ EUR/USD เริ่มต้นที่ 0.0 pips
- เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Scalping และการใช้ EA (Expert Advisor)
- รองรับทั้ง MT4, MT5 และ cTrader
- ไม่มีข้อจำกัดในการใช้กลยุทธ์การเทรด
ข้อควรพิจารณา: การฝากถอนผ่านธนาคารท้องถิ่นอาจยังไม่หลากหลายเท่าคู่แข่งบางราย และเนื้อหาสำหรับผู้เริ่มต้นยังค่อนข้างจำกัด
เหมาะกับใคร: นักเทรดที่มีประสบการณ์ นัก Scalper และผู้ใช้ EA ที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ
4. Tickmill – ค่าคอมมิชชั่นต่ำ สำหรับนักเทรดปริมาณมาก
Tickmill เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักเทรดมืออาชีพด้วยค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในบัญชี Pro และ VIP ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ซื้อขายบ่อย
- สเปรดต่ำ เริ่มต้นที่ 0.0 pips
- ไม่มี Requotes และไม่จำกัดกลยุทธ์การเทรด
- มีโบนัสและโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าระยะยาว
ข้อจำกัด: แพลตฟอร์มมีเพียง MT4 และ MT5 และสินทรัพย์อาจไม่หลากหลายเท่าโบรกเกอร์ขนาดใหญ่
เหมาะกับใคร: นักเทรดมืออาชีพและผู้ที่ซื้อขายปริมาณมากที่ต้องการลดต้นทุนการเทรดให้เหลือน้อยที่สุด
5. IG Group – ผู้นำตลาดที่มีประวัติอันยาวนาน
IG ก่อตั้งในปี 1974 และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ CFD ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ทำให้มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือสูงมาก
- มีสินทรัพย์ให้เทรดมากกว่า 17,000 รายการ
- แพลตฟอร์มของตัวเองใช้งานง่าย มีฟีเจอร์วิเคราะห์ครบครัน
- เหมาะกับผู้ที่มองหาความมั่นคงในระยะยาว
ข้อควรพิจารณา: ขั้นตอนการเปิดบัญชีอาจซับซ้อน และค่าธรรมเนียมอาจสูงสำหรับนักเทรดรายย่อย
เหมาะกับใคร: นักเทรดที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของโบรกเกอร์และต้องการเข้าถึงตลาดจำนวนมาก
6. XTB – เรียนรู้ไปพร้อมกับการเทรด
XTB โดดเด่นด้วยแพลตฟอร์ม xStation 5 ที่ได้รับรางวัล และเนื้อหาการเรียนรู้ที่ละเอียด ทั้งบทความ วิดีโอ และสัมมนาออนไลน์
- แพลตฟอร์มใช้งานง่าย วิเคราะห์ได้ลึก
- มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ
- เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาทักษะ
ข้อจำกัด: สเปรดอาจไม่แคบเท่าโบรกเกอร์ ECN โดยเฉพาะในคู่เงินหลัก
เหมาะกับใคร: นักเทรดมือใหม่ถึงระดับกลางที่ต้องการเรียนรู้ไปด้วยขณะเทรด
7. FxPro – ความโปร่งใสในการดำเนินคำสั่ง
FxPro ใช้โมเดล NDD (No Dealing Desk) ซึ่งหมายความว่าคำสั่งของคุณจะถูกส่งตรงไปยังผู้ให้สภาพคล่อง ช่วยลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- รองรับ MT4, MT5, cTrader และ FxPro Edge
- มีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่มีประโยชน์
- โปร่งใสสูง ไม่มีการแทรกแซงจากดีลเลอร์
ข้อควรพิจารณา: ค่าธรรมเนียมโดยรวมอาจสูงกว่า และการสนับสนุนอาจไม่เปิดตลอด 24/7
เหมาะกับใคร: นักเทรดที่ต้องการความโปร่งใสและต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกแพลตฟอร์ม

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ Forex ที่กำกับโดย FCA
โบรกเกอร์ | ปีที่ก่อตั้ง | สเปรดเฉลี่ย EUR/USD | แพลตฟอร์ม | รองรับธนาคารไทย | ซัพพอร์ตภาษาไทย | คะแนนโดยรวม |
---|---|---|---|---|---|---|
Moneta Markets | 2020 | 0.0 pips (ECN) | Pro Trader, MT4, MT5 | ยอดเยี่ยม | มี | 9.5/10 |
Pepperstone | 2010 | 0.1 pips (Razor) | MT4, MT5, cTrader | มี | มี (จำกัด) | 9.2/10 |
IC Markets | 2007 | 0.0 pips (Raw) | MT4, MT5, cTrader | มี | มี | 9.0/10 |
Tickmill | 2014 | 0.0 pips (Pro) | MT4, MT5 | มี | มี | 8.8/10 |
IG Group | 1974 | 0.6 pips (Standard) | Web Platform, MT4 | จำกัด | มี | 8.7/10 |
XTB | 2002 | 0.5 pips (Standard) | xStation 5 | มี | มี | 8.5/10 |
FxPro | 2006 | 0.5 pips (cTrader) | MT4, MT5, cTrader | มี | มี | 8.4/10 |
วิธีตรวจสอบใบอนุญาต FCA ของโบรกเกอร์ด้วยตัวเอง (ฉบับจับมือทำ)
อย่าเชื่อเพียงแค่ข้อความบนเว็บไซต์ แต่ให้ตรวจสอบด้วยตัวเองเพื่อความมั่นใจ 100% โดยใช้เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FCA ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่สุด
ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่ Financial Services Register
ไปที่ https://register.fca.org.uk/ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลหลักของบริษัทที่ได้รับอนุญาตจาก FCA
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหาชื่อหรือ FRN
ป้อนชื่อโบรกเกอร์หรือ Firm Reference Number (FRN) ที่มักแสดงอยู่ที่ด้านล่างของเว็บไซต์โบรกเกอร์
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบข้อมูลสำคัญ
- Firm Status: ต้องเป็น “Authorised” เท่านั้น
- Contact Details: ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ ที่อยู่ และเบอร์โทรตรงกับโบรกเกอร์ที่คุณใช้หรือไม่ เพื่อป้องกันเว็บปลอม
- Scope of Activities: ต้องมีการอนุญาตให้ “Dealing in investments” และ “Arranging deals”
การใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการตรวจสอบสามารถช่วยปกป้องเงินทุนของคุณได้ในระยะยาว
นอกจาก FCA แล้ว มีหน่วยงานกำกับดูแลใดอีกบ้างที่น่าเชื่อถือ?
แม้ FCA จะเป็นมาตรฐานสูงสุด แต่โบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจากหน่วยงานระดับ Tier-1 อื่น ๆ ก็ถือเป็นสัญญาณของความน่าเชื่อถือ:
- ASIC (ออสเตรเลีย): เข้มงวดด้านการคุ้มครองนักลงทุน ตรวจสอบได้ที่ ASIC
- CySEC (ไซปรัส): โบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้ MiFID II ของยุโรป
- FINMA (สวิตเซอร์แลนด์): ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและข้อมูลส่วนตัว
โบรกเกอร์ชั้นนำอย่าง Moneta Markets มักขอใบอนุญาตจากหลายหน่วยงานเพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในระดับโลก
สรุป: การเลือกโบรกเกอร์ FCA ที่ดีที่สุดในประเทศไทยสำหรับปี 2025
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA คือการเริ่มต้นที่มั่นคงสำหรับนักเทรดชาวไทย โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ โบรกเกอร์ที่ดีต้องเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานในท้องถิ่นด้วย
จากทุกปัจจัยที่พิจารณา Moneta Markets คือผู้นำที่โดดเด่น ด้วยการควบคุมจากหลายหน่วยงาน แพลตฟอร์มที่ทันสมัย และการสนับสนุนการฝากถอนผ่านธนาคารไทยอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดคือตัวที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ ขอแนะนำให้ทดลองใช้บัญชีเดโมก่อนเริ่มลงทุนจริง เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มและบริการอย่างละเอียด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
FCA คืออะไร และแตกต่างจากหน่วยงานกำกับดูแลอื่นอย่างไร?
FCA (Financial Conduct Authority) คือหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหราชอาณาจักร มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดสูงสุดในการปกป้องผู้บริโภค จุดแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือการมีโครงการคุ้มครองเงินฝาก FSCS (Financial Services Compensation Scheme) ที่ชดเชยให้ลูกค้าสูงถึง 85,000 ปอนด์ ในกรณีที่โบรกเกอร์ล้มละลาย ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาคอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่มีการคุ้มครองในระดับนี้
โบรกเกอร์ Forex ทุกแห่งในสหราชอาณาจักรต้องได้รับการกำกับดูแลจาก FCA หรือไม่?
ใช่ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ใดๆ ก็ตามที่ต้องการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร (UK) จำเป็นต้องได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดย FCA อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นี่เป็นข้อบังคับที่ไม่มีข้อยกเว้น
ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าโบรกเกอร์ที่ฉันใช้อยู่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA จริง?
วิธีที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดคือการตรวจสอบโดยตรงจากเว็บไซต์ Financial Services Register ของ FCA เอง โดยนำชื่อของโบรกเกอร์หรือหมายเลขอ้างอิง (FRN) ไปค้นหาในฐานข้อมูล คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถานะของบริษัทคือ “Authorised” และข้อมูลติดต่อ เช่น เว็บไซต์ ตรงกับที่คุณใช้งานอยู่
หากมีปัญหากับโบรกเกอร์ FCA ฉันจะได้รับการคุ้มครองอย่างไรในฐานะนักเทรดชาวไทย?
ในฐานะนักเทรดชาวไทยที่เปิดบัญชีกับนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของ FCA คุณจะได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกับนักเทรดชาวอังกฤษ ซึ่งรวมถึง:
- การคุ้มครองเงินทุนภายใต้โครงการ FSCS สูงสุด 85,000 ปอนด์
- สิทธิ์ในการร้องเรียนไปยัง Financial Ombudsman Service (FOS) ของสหราชอาณาจักร หากคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหากับโบรกเกอร์ได้โดยตรง
โบรกเกอร์ FCA ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นในประเทศไทยคือโบรกเกอร์ใด?
สำหรับผู้เริ่มต้น Moneta Markets ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย (Pro Trader) ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่ มีเนื้อหาการเรียนรู้และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยในการตัดสินใจ และที่สำคัญคือระบบฝากถอนผ่านธนาคารไทยที่สะดวก ทำให้ลดความยุ่งยากในขั้นตอนที่ไม่เกี่ยวกับการเทรด ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถโฟกัสกับการเรียนรู้ตลาดได้อย่างเต็มที่
การเทรดกับโบรกเกอร์ FCA มีข้อเสียหรือไม่?
ข้อเสียหลักที่อาจพบคือเรื่องของ “เลเวอเรจ” (Leverage) โดย FCA มีกฎระเบียบที่จำกัดเลเวอเรจสูงสุดสำหรับลูกค้ารายย่อยไว้ที่ 1:30 สำหรับคู่เงินหลัก เพื่อลดความเสี่ยงของนักเทรด ซึ่งอาจจะดูน้อยเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ที่กำกับโดยหน่วยงานนอกชายฝั่ง (Offshore) ที่เสนอเลเวอเรจสูงถึง 1:1000 หรือมากกว่า อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยมากกว่าจะเป็นข้อเสียร้ายแรง
ทำไมค่าเลเวอเรจของโบรกเกอร์ FCA จึงมักจะต่ำกว่าโบรกเกอร์อื่น?
เหตุผลหลักคือ FCA ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมาก การจำกัดเลเวอเรจ (เช่น 1:30 สำหรับคู่เงินหลัก) เป็นมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้นักเทรด โดยเฉพาะมือใหม่ ขาดทุนเกินกว่าที่คาดคิดได้อย่างรวดเร็ว แม้เลเวอเรจสูงจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้นเช่นกัน FCA จึงเลือกที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเทรดที่ยั่งยืนและปลอดภัยกว่า