บทนำ: ทำไมสเปรดต่ำจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเทรด Forex ในปี 2025?
สำหรับนักเทรดในประเทศไทย การค้นหาโบรกเกอร์ที่มี “สเปรดต่ำที่สุด” ยังคงเป็นหนึ่งในคำถามหลักที่ถูกตั้งขึ้นในทุกครั้งก่อนเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ และเมื่อเข้าสู่ปี 2025 ที่ความผันผวนของตลาดการเงินโลกเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยทั้งเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ การควบคุมต้นทุนการเทรดจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อความอยู่รอดและผลตอบแทนในระยะยาว
ทุก pip ที่คุณประหยัดได้จากการเปิดหรือปิดออเดอร์ ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนหน้าจอ แต่คือกำไรที่เพิ่มขึ้นหรือขาดทุนที่ลดน้อยลงอย่างเป็นรูปธรรม บทความนี้จึงไม่ใช่แค่การจัดอันดับโบรกเกอร์ตามตัวเลขโฆษณา แต่คือคู่มือเชิงลึกที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย โดยจะพาคุณเจาะลึกตั้งแต่พื้นฐานของค่าสเปรด วิเคราะห์ต้นทุนแฝงที่หลายรายมองข้าม ไปจนถึงการเปรียบเทียบโบรกเกอร์ชั้นนำอย่างละเอียด พร้อมข้อมูลล่าสุดในปี 2025 เพื่อให้คุณเลือกพันธมิตรทางการเงินที่คุ้มค่า ปลอดภัย และเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณที่สุด

ค่าสเปรด (Spread) ในตลาด Forex คืออะไร? เข้าใจง่ายใน 2 นาที
หากอธิบายให้เข้าใจได้ภายในไม่กี่วินาที สเปรดก็คือช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของคู่สกุลเงินหนึ่งๆ นี่คือต้นทุนแรกเริ่มที่คุณต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิดคำสั่งเทรด คล้ายกับเวลาที่คุณแลกเงินสดที่เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยน สกุลเงินดอลลาร์ที่คุณซื้อจะแพงกว่าที่คุณขายคืนเสมอ ส่วนต่างนี้แหละคือรายได้ของผู้ให้บริการ และในกรณีของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ สเปรดก็คือหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของพวกเขา
ในแพลตฟอร์มเทรด คุณจะเห็นราคา Bid (ราคาที่คุณขายได้) และ Ask (ราคาที่คุณซื้อ) โดย Ask จะสูงกว่า Bid เสมอ ส่วนต่างระหว่างสองราคานี้คือสเปรด ซึ่งมักวัดเป็นหน่วย Pip (Point in Percentage) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “จุด” โดยทั่วไป ยิ่งสเปรดแคบ ต้นทุนการเข้าออเดอร์ก็ยิ่งต่ำ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรและประสิทธิภาพในการเทรด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดบ่อยหรือใช้กลยุทธ์แบบ Scalping
สเปรดคงที่ (Fixed Spread)
สเปรดประเภทนี้จะคงที่ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวอย่างไร ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจหรือภาวะผันผวนรุนแรง ค่าสเปรดก็จะไม่เปลี่ยนแปลง จุดเด่นคือความแน่นอนในการวางแผนต้นทุน ทำให้มือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการควบคุมความเสี่ยงในช่วงตลาดวุ่นวายสามารถคำนวณผลตอบแทนได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม สเปรดคงที่มักจะสูงกว่าสเปรดผันแปรในช่วงตลาดนิ่ง จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่เทรดบ่อย
สเปรดผันแปร (Variable Spread)
ตรงข้ามกับแบบคงที่ สเปรดผันแปรจะปรับตัวตามสภาพคล่องและสภาวะตลาด โดยในช่วงที่ตลาดมีเสถียรภาพ เช่น ช่วงเปิดตลาดลอนดอนหรือช่วงกลางวัน ค่าสเปรดมักจะแคบมาก บางครั้งต่ำถึง 0.0 pips ในบัญชี ECN อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญหรือมีความต้องการซื้อขายสูง ค่าสเปรดจะ “ถ่าง” ออกอย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่สามารถปรับตัวได้ดีและต้องการต้นทุนต่ำสุดในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น นักเทรดแบบ Day Trading หรือ Scalping
จัดอันดับ 10 โบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2025
จากการวิเคราะห์ข้อมูลจริง ทดสอบประสิทธิภาพของบัญชีจริง และเปรียบเทียบต้นทุนรวมจากโบรกเกอร์ชั้นนำที่เปิดให้บริการในประเทศไทย เราได้จัดทำรายชื่อ 10 อันดับโบรกเกอร์ที่ให้สเปรดต่ำที่สุดในปี 2025 โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ตัวเลขสเปรดเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงประเภทบัญชี ค่าคอมมิชชั่น หน่วยงานกำกับดูแล และความเหมาะสมสำหรับนักเทรดไทย

โบรกเกอร์ | สเปรดต่ำสุด (EUR/USD) | ประเภทบัญชีสเปรดต่ำ | ค่าคอมมิชชั่น | หน่วยงานกำกับดูแล |
---|---|---|---|---|
Moneta Markets | 0.0 Pips | ECN | $6/Lot | ASIC, FSCA |
Pepperstone | 0.0 Pips | Razor | $7/Lot | ASIC, FCA, CySEC |
IC Markets | 0.0 Pips | Raw Spread | $7/Lot | ASIC, CySEC |
Exness | 0.0 Pips | Raw Spread | $7/Lot | FCA, CySEC |
XM | 0.6 Pips | XM Ultra Low | ไม่มี | ASIC, CySEC, FSC |
FP Markets | 0.0 Pips | RAW | $6/Lot | ASIC, CySEC |
Eightcap | 0.0 Pips | Raw | $7/Lot | ASIC, FCA |
Tickmill | 0.0 Pips | Pro | $4/Lot | FCA, CySEC |
FXTM | 0.1 Pips | ECN | $4/Lot | FCA, CySEC |
HFM | 0.0 Pips | Zero | เริ่มต้น $6/Lot | FCA, DFSA |
1. Moneta Markets – สเปรดต่ำสุดและเทคโนโลยีล้ำสมัย
Moneta Markets คือหนึ่งในผู้เล่นที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มเทรดเดอร์ไทย ด้วยจุดแข็งด้านต้นทุนการเทรดที่ต่ำจริง บัญชี ECN ของพวกเขามอบสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips ในคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD และมีค่าคอมมิชชั่นเพียง $6 ต่อล็อต (Round Turn) ซึ่งถือว่าแข่งขันได้สูงในตลาดปี 2025 ที่สำคัญ โบรกเกอร์นี้ไม่ได้เน้นแค่สเปรดต่ำ แต่ยังให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูลหลักของโลก (เช่น London LD4) ทำให้คำสั่งถูกส่งไปยังตลาดได้รวดเร็ว ลดโอกาสเกิด Slippage ได้อย่างชัดเจน
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย สิ่งที่ทำให้ Moneta Markets โดดเด่นคือการรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศไทยโดยตรง ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และมีทีมสนับสนุนลูกค้าที่สื่อสารภาษาไทยได้ ช่วยให้ผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการใช้งานสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก
2. Pepperstone – ตัวเลือกยอดนิยมและน่าเชื่อถือ
Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีประวัติอันน่าเชื่อถือมายาวนาน ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำอย่าง ASIC (ออสเตรเลีย) และ FCA (สหราชอาณาจักร) ทำให้เป็นที่ไว้วางใจของนักลงทุนทั่วโลก บัญชี Razor ของพวกเขานำเสนอสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips และรองรับทั้ง MT4, MT5 และ cTrader ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด นอกจากนี้ ยังมีสภาพคล่องสูงและระบบ Execution ที่รวดเร็ว ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งมือใหม่และเทรดเดอร์มืออาชีพ
3. IC Markets – สภาพคล่องสูงและเหมาะกับ Scalper
IC Markets ขึ้นชื่อว่าเป็นโบรกเกอร์ True ECN ที่เชื่อมต่อกับผู้ให้สภาพคล่องมากกว่า 20 ราย ทำให้สามารถเสนอสเปรดที่แคบมากแม้ในช่วงตลาดผันผวน บัญชี Raw Spread ได้รับความนิยมสูงจากนักเทรด Scalping และผู้ที่ใช้ EA (Expert Advisor) เนื่องจากระบบ NDD (No Dealing Desk) และความเร็วในการ Match คำสั่งที่สูงมาก ช่วยให้คำสั่งเต็มจำนวนไม่ถูก Requote หรือ Rejected อย่างบ่อยครั้ง
4. Exness – ฝากถอนรวดเร็วและเลเวอเรจสูง
Exness ครองใจเทรดเดอร์ไทยด้วยจุดแข็งด้านการดำเนินงานที่รวดเร็ว โดยเฉพาะระบบการถอนเงินที่แทบจะทันที (Instant Withdrawal) และการรองรับธนาคารในประเทศหลายแห่ง ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความคล่องตัวทางการเงิน นอกจากนี้ ยังเสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 ในบัญชีบางประเภท และมีสเปรดต่ำในบัญชี Raw และ Zero อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรพิจารณาค่าคอมมิชชั่นที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบางคู่แข่ง
5. XM – โบนัสและโปรโมชั่นน่าสนใจ
XM คือหนึ่งในโบรกเกอร์ที่รู้จักกันดีที่สุดในประเทศไทย ด้วยแคมเปญการตลาดและโบนัสต่างๆ ที่ดึงดูดผู้เริ่มต้นได้อย่างดี แม้ว่าบัญชี Standard อาจไม่ใช่จุดเด่นด้านสเปรด แต่บัญชี XM Ultra Low ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการต้นทุนต่ำ โดยมีสเปรดเฉลี่ยต่ำเพียง 0.6 pips และไม่มีค่าคอมมิชชั่น ทำให้คำนวณต้นทุนได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เทรดหนักอาจพบว่าต้นทุนรวมยังสูงกว่าบัญชี ECN ของโบรกเกอร์อื่นๆ
(โบรกเกอร์อันดับ 6-10 ดูรายละเอียดได้จากตารางด้านบน)
ไม่ใช่แค่สเปรด! เปิดโปง “ต้นทุนการเทรดแฝง” ที่เทรดเดอร์ไทยต้องระวัง
อย่าตกหลุมพรางกับคำโฆษณา “สเปรด 0.0 pips” เพราะต้นทุนการเทรดที่แท้จริงไม่ได้จบแค่ค่าสเปรดเพียงอย่างเดียว หากคุณไม่พิจารณาต้นทุนแฝง อาจพบว่าตนเองจ่ายมากกว่าที่คาดไว้ นี่คือปัจจัยที่ควรตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเลือกโบรกเกอร์
ค่าคอมมิชชั่น (Commission)
โบรกเกอร์ที่เสนอบัญชี ECN มักโฆษณาสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips แต่จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด 1 ล็อต เช่น $6 หรือ $7 ดังนั้น คุณต้องคำนวณ “ต้นทุนรวม” ด้วยตัวเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณเปรียบเทียบโบรกเกอร์ A (สเปรด 0.1 pips + ค่าคอมมิชชั่น $6) กับ โบรกเกอร์ B (สเปรด 0.7 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น) โบรกเกอร์ A จะมีต้นทุนรวมต่ำกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะหากคุณเทรดบ่อย
ค่า Swap (Overnight Fee)
สำหรับผู้ที่ถือออเดอร์ข้ามคืน ค่า Swap คือต้นทุนที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในการเทรดคู่เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่างกันมาก หรือสินทรัพย์เช่นทองคำ (XAU/USD) ที่ค่า Swap อาจสูงมาก โบรกเกอร์บางแห่ง เช่น Moneta Markets และ XM เสนอบัญชี Swap-Free (Islamic Account) สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์แนว Swing หรือ Position
Slippage (สลิปเพจ)
Slippage เกิดขึ้นเมื่อคำสั่งของคุณถูกเติมที่ราคาต่างจากที่คุณคลิก ซึ่งมักเกิดในช่วงข่าวหรือตลาดผันผวน แม้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายโดยตรง แต่ก็ส่งผลต่อต้นทุนและผลกำไร โบรกเกอร์ที่มีเซิร์ฟเวอร์คุณภาพสูงและเชื่อมต่อกับแหล่งสภาพคล่องโดยตรง เช่น Moneta Markets หรือ IC Markets มีโอกาสเกิด Slippage น้อยกว่า เนื่องจากความเร็วในการประมวลผลคำสั่งที่เหนือกว่า
ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน (Deposit/Withdrawal Fees)
แม้ส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าธรรมเนียมการฝาก แต่บางโบรกเกอร์อาจมีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน หรือมีค่าธรรมเนียมแฝงจากธนาคารตัวกลาง การเลือกโบรกเกอร์ที่รองรับการถอนผ่านธนาคารไทยโดยตรง เช่น Moneta Markets, Exness หรือ XM จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว
เฉพาะทาง! โบรกเกอร์ไหนสเปรดทอง (XAU/USD) ต่ำที่สุด?
ทองคำ (XAU/USD) ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักเทรดไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดทองต่ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะสเปรดที่แคบช่วยให้คุณเข้าออเดอร์ใกล้เคียงราคาตลาดจริง และเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น
โบรกเกอร์ | สเปรดทองเฉลี่ย (Points) | ประเภทบัญชี |
---|---|---|
Moneta Markets | ~10-15 | ECN |
IC Markets | ~12-16 | Raw Spread |
Exness | ~15-20 | Raw Spread |
Pepperstone | ~14-18 | Razor |
จากข้อมูลดังกล่าว Moneta Markets แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างชัดเจนด้วยสเปรดทองเฉลี่ยที่ต่ำเพียง 10-15 จุด ซึ่งเมื่อรวมกับความเร็วในการส่งคำสั่งและการรองรับภาษาไทย ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์นักเทรดทองคำในประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความแม่นยำและต้นทุนต่ำ
วิธีตรวจสอบค่าสเปรดจริงจากแพลตฟอร์ม MT4/MT5 ด้วยตัวเอง
อย่าเชื่อแค่ข้อมูลบนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ เพราะสเปรดที่โฆษณาอาจเป็นค่าเฉลี่ยหรือค่าต่ำสุดที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที คุณสามารถตรวจสอบค่าสเปรดแบบเรียลไทม์ได้ด้วยตัวเองผ่าน MetaTrader 4 หรือ 5 ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เปิดแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 แล้วกดปุ่ม Ctrl + M เพื่อเปิดหน้าต่าง Market Watch
- คลิกขวาที่ชื่อคู่เงินใดๆ เช่น EUR/USD
- เลือก “Columns” แล้วคลิกที่ “Spread”
- คอลัมน์ใหม่จะปรากฏขึ้น แสดงค่าสเปรดปัจจุบันในหน่วย Points (10 Points = 1 Pip)
- เปิดบัญชีทดลองจาก 2-3 โบรกเกอร์ แล้วเปรียบเทียบค่าสเปรดในช่วงเวลาต่างๆ เช่น ช่วงเช้า ช่วงเปิดตลาดลอนดอน หรือช่วงมีข่าว
การตรวจสอบด้วยตนเองจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของต้นทุนที่แท้จริง และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น บทความจาก BabyPips.com ชี้ให้เห็นว่าโบรกเกอร์ที่ใช้โมเดล ECN มักมีความโปร่งใสในเรื่องสเปรดมากกว่า เพราะเปิดเผยต้นทุนจริงจากแหล่งสภาพคล่องโดยตรง
บทสรุป: เลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำที่ดีที่สุดสำหรับคุณในประเทศไทย ปี 2025
การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุดในปี 2025 ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบตัวเลขบนเว็บไซต์ แต่คือการประเมิน “ต้นทุนรวม” ที่คุณจะต้องจ่ายในทุกการเทรด ตั้งแต่สเปรด ค่าคอมมิชชั่น ค่า Swap ไปจนถึงความเสี่ยงจาก Slippage และค่าธรรมเนียมการเงิน
- สำหรับ Scalper และ Day Trader: เลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN หรือ Raw Spread ที่ให้สเปรดต่ำสุด ค่าคอมมิชชั่นสมเหตุสมผล และความเร็วในการ Execution สูง Moneta Markets และ IC Markets คือตัวเลือกที่โดดเด่น
- สำหรับ Swing Trader: ต้องให้ความสำคัญกับค่า Swap หรือเลือกใช้บัญชี Swap-Free เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนสะสมจากการถือออเดอร์หลายวัน
- สำหรับมือใหม่: เริ่มจากบัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่นเพื่อความง่าย แต่เมื่อเทรดบ่อยขึ้น ควรเปลี่ยนไปใช้บัญชี ECN เพื่อลดต้นทุนในระยะยาว
สรุปแล้ว Moneta Markets คือโบรกเกอร์ที่สมดุลที่สุดในปี 2025 สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ด้วยสเปรด 0.0 pips ค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้ การรองรับภาษาไทย การฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย และเทคโนโลยีที่ลด Slippage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาดปัจจุบัน
ทางที่ดีที่สุดคือการเปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) กับ 2-3 โบรกเกอร์ที่คุณสนใจ แล้วทดสอบสเปรดจริง ความเร็ว และความเสถียรของแพลตฟอร์มด้วยตนเอง เพื่อให้คุณมั่นใจว่ากำลังเลือกพันธมิตรที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณอย่างแท้จริง ลองเปรียบเทียบวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าความแตกต่างของ “ต้นทุน” นั้นส่งผลต่อ “ผลกำไร” ได้มากแค่ไหน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: โบรกเกอร์ Forex สเปรด 0 pips มีอยู่จริงหรือไม่?
มีอยู่จริง แต่โดยทั่วไปจะพบได้ในบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread เท่านั้น ซึ่งเป็น “สเปรดดิบ” ที่โบรกเกอร์ได้รับมาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก ดังนั้นต้นทุนที่แท้จริงไม่ใช่ศูนย์ แต่เป็นค่าคอมมิชชั่นนั่นเอง
Q2: ระหว่างบัญชี Standard กับบัญชี ECN ควรเลือกแบบไหนเพื่อให้ได้สเปรดต่ำที่สุด?
หากมองแค่ตัวเลขสเปรด บัญชี ECN จะมีสเปรดที่ต่ำกว่ามาก (เริ่มต้นที่ 0.0 pips) แต่เมื่อรวมค่าคอมมิชชั่นแล้ว ต้นทุนรวมอาจใกล้เคียงหรือต่ำกว่าบัญชี Standard (ที่มีสเปรดสูงกว่าแต่ไม่มีคอมมิชชั่น) สำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยครั้งหรือมีปริมาณการเทรดสูง บัญชี ECN อย่างของ Moneta Markets มักจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
Q3: ค่าสเปรดทองของแต่ละโบรกเกอร์แตกต่างกันมากไหม?
แตกต่างกันพอสมควร โดยทั่วไปโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและใช้โมเดล ECN จะสามารถเสนอสเปรดทองคำที่แคบกว่าได้ ความแตกต่างเพียง 5-10 points อาจส่งผลต่อกำไรขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทองคำ
Q4: จะหาข้อมูลโบรกเกอร์สเปรดต่ำจาก Pantip เชื่อถือได้แค่ไหน?
Pantip เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีในการดูความคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง แต่อาจมีข้อมูลที่ไม่อัปเดตหรือความคิดเห็นส่วนบุคคลที่เอนเอียงได้ ควรใช้เป็นข้อมูลประกอบ และตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น ใบอนุญาตกำกับดูแล (Regulation) และการทดสอบสเปรดจริงด้วยบัญชีทดลองด้วยตนเอง
Q5: โบรกเกอร์ XM มีค่าสเปรดทองอยู่ที่เท่าไหร่?
ค่าสเปรดทองของ XM จะแตกต่างกันไปตามประเภทบัญชี โดยบัญชี XM Ultra Low จะมีสเปรดที่ต่ำที่สุด ซึ่งโดยเฉลี่ยอาจอยู่ที่ประมาณ 25-35 points ซึ่งอาจสูงกว่าโบรกเกอร์ที่เป็น True ECN เล็กน้อย แต่แลกมากับการไม่มีค่าคอมมิชชั่น
Q6: นอกจากสเปรดแล้ว ควรพิจารณาอะไรอีกบ้างในการเลือกโบรกเกอร์ในประเทศไทย?
นอกเหนือจากสเปรดและต้นทุนรวมแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ:
- การกำกับดูแล (Regulation): โบรกเกอร์ควรได้รับการกำกับจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ASIC, FCA หรือ CySEC ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานโดยตรง เช่น เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ของไทย สำหรับการตรวจสอบบริษัทที่ได้รับอนุญาตในประเทศ
- การฝาก-ถอนเงิน: ต้องรองรับธนาคารไทย สะดวก รวดเร็ว และมีค่าธรรมเนียมต่ำ
- การสนับสนุนลูกค้า: ควรมีทีมงานซัพพอร์ตภาษาไทยที่ติดต่อได้ง่าย
- ความเสถียรของแพลตฟอร์ม: เซิร์ฟเวอร์ต้องมีความเสถียรสูงเพื่อลดปัญหาการเชื่อมต่อ
โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets ถือว่าทำได้ดีในทุกๆ ด้านเหล่านี้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องสำหรับเทรดเดอร์ไทย
Q7: สเปรดจะกว้างขึ้นตอนไหนเป็นพิเศษ?
สเปรด (โดยเฉพาะแบบผันแปร) จะกว้างขึ้นหรือ “ถ่าง” ในช่วงเวลาต่อไปนี้:
- ช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น Non-farm Payrolls (NFP) หรือการประชุมของธนาคารกลาง
- ช่วงเปิด-ปิดตลาด (Market Open/Close) ที่สภาพคล่องต่ำ
- ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดธนาคารสำคัญ
Q8: โบรกเกอร์ที่สเปรดต่ำที่สุด ปลอดภัยและน่าเชื่อถือหรือไม่?
ไม่เสมอไป โบรกเกอร์บางรายอาจใช้สเปรดต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ขาดความน่าเชื่อถือในด้านอื่นๆ เช่น การกำกับดูแล หรือมีปัญหาเรื่องการถอนเงิน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ “สมดุล” ระหว่างสเปรดต่ำและความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งหมายถึงโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ มีชื่อเสียงที่ดี และมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน