บทนำ: ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีจึงสำคัญต่อความสำเร็จของคุณ?
เมื่อคุณเริ่มต้นเดินทางในโลกของการเทรด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การศึกษาวิธีอ่านกราฟหรือวางแผนกลยุทธ์เท่านั้น แต่การคัดเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือและเหมาะสมนั้นคือพื้นฐานที่มั่นคงซึ่งจะกำหนดทั้งความสำเร็จและความปลอดภัยของเงินทุนที่คุณลงทุน โบรกเกอร์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างคุณกับตลาดโลก หากเลือกผิดพลาด คุณอาจเผชิญกับอุปสรรคไม่คาดคิด เช่น ความล่าช้าในการฝากถอน การถูกโกง หรือเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการเทรด บทความนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแนวทางครบถ้วนสำหรับนักเทรดชาวไทย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่กำลังหัดหรือผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการอัปเกรด ก็สามารถตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่ตรงใจและปลอดภัยได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

โบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง? (เกณฑ์การเลือกที่สำคัญ)
การหาโบรกเกอร์ที่ใช่เปรียบได้กับการเลือกเพื่อนร่วมทางในเส้นทางสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน คุณควรพิจารณาคุณสมบัติหลักเหล่านี้ให้รอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกย่างก้าวของคุณจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

1. การกำกับดูแลและความปลอดภัยของเงินทุน
หัวใจสำคัญที่สุดในการคัดเลือกโบรกเกอร์คือการตรวจสอบว่าพวกเขาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลกที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ หน่วยงานเหล่านี้คอยตรวจสอบและบังคับใช้มาตรฐานเพื่อคุ้มครองนักลงทุน เช่น Financial Conduct Authority (FCA) จากสหราชอาณาจักร Australian Securities and Investments Commission (ASIC) จากออสเตรเลีย Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) จากไซปรัส หรือ National Futures Association (NFA) จากสหรัฐอเมริกา การได้รับการกำกับดูแลเหล่านี้หมายความว่าโบรกเกอร์ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด เช่น การแยกบัญชีเงินทุนของลูกค้าออกจากกองทุนของบริษัทเองเพื่อป้องกันความเสี่ยงสูงสุด และส่วนใหญ่ยังมีนโยบายคุ้มครองยอดคงเหลือไม่ให้ติดลบ ซึ่งช่วยลดโอกาสที่นักเทรดจะขาดทุนเกินตัว โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน
2. ประเภทของบัญชีและค่าธรรมเนียม (สเปรดและคอมมิชชั่น)
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เสนอตัวเลือกบัญชีที่หลากหลาย เช่น Standard Raw Spread หรือ ECN ซึ่งแต่ละแบบมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจคือสเปรด ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขาย หากสเปรดต่ำ ต้นทุนในการเทรดของคุณก็จะลดลง โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ชอบทำกำไรจากความผันผวนระยะสั้น นอกจากนี้ บางบัญชีอาจเรียกเก็บคอมมิชชั่นต่อการเทรดหนึ่งล็อต และอย่าลืมตรวจสอบค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมสำหรับการถือออเดอร์ข้ามคืนด้วย การเลือกบัญชีที่เข้ากับรูปแบบการเทรดและงบประมาณของคุณจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว เช่น นักเทรดรายวันอาจเลือกบัญชี Raw Spread เพื่อลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด
3. แพลตฟอร์มการซื้อขาย (MetaTrader 4/5 และอื่นๆ)
แพลตฟอร์มคือเครื่องมือหลักที่คุณจะใช้ในการเข้าถึงตลาดและจัดการการเทรด แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อินดิเคเตอร์หลากหลาย และรองรับการใช้ Expert Advisors หรือระบบเทรดอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ อย่าง cTrader หรือแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์พัฒนาขึ้นเอง การเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย มีความเสถียร และฟีเจอร์ที่ตรงกับสไตล์ของคุณจะทำให้กระบวนการเทรดราบรื่นยิ่งขึ้น เช่น หากคุณชอบเทรดหลายสินทรัพย์ MT5 อาจเหมาะสมกว่าเพราะรองรับสินค้าที่กว้างขวาง
4. การฝากและถอนเงิน (ความรวดเร็วและช่องทางสำหรับคนไทย)
ความรวดเร็วและความสะดวกในการฝากถอนเงินเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรละเลย ตรวจสอบว่ามีช่องทางการชำระเงินที่รองรับ เช่น บัตรเครดิตเดบิต Skrill Neteller หรือการโอนเงินผ่านธนาคารไทย สำหรับนักเทรดชาวไทย การมีตัวเลือกโอนตรงจากธนาคารในประเทศหรือแม้แต่ PromptPay จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายดายและลดค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินได้มาก อย่าลืมเช็คค่าธรรมเนียมและเวลาดำเนินการของแต่ละวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่อาจกระทบแผนการเทรดของคุณ
5. ฝ่ายบริการลูกค้า (ภาษาไทยและช่องทางการติดต่อ)
ระหว่างการเทรด ปัญหาหรือคำถามอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นบริการลูกค้าที่ตอบสนองรวดเร็วและเป็นมืออาชีพจึงจำเป็นมาก สำหรับชาวไทย การมีทีมสนับสนุนภาษาไทยที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน Live Chat อีเมลหรือโทรศัพท์ จะทำให้คุณแก้ไขเรื่องได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา เช่น หากเกิดปัญหาในการถอนเงิน บริการที่เข้าใจภาษาไทยจะช่วยอธิบายและแก้ไขได้ชัดเจน
6. เลเวอเรจและเครื่องมือการซื้อขายอื่นๆ
เลเวอเรจคือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเทรดด้วยขนาดใหญ่กว่าทุนจริง ซึ่งสามารถขยายผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน คุณควรศึกษาการใช้งานให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนหนัก นอกจากนี้ โบรกเกอร์ชั้นนำยังมอบเครื่องมือเพิ่มเติมอย่าง CFD สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหรือคริปโต เพื่อขยายโอกาสลงทุน และมีแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาทักษะสำหรับทุกレベル เช่น วิดีโอสอนหรือเว็บเซมินาร์ที่ทำให้คุณเข้าใจตลาดลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เจาะลึกความเข้าใจผิด: โบรกเกอร์ Forex ที่ กลต. รับรองในประเทศไทยมีจริงหรือไม่?
คำถามที่นักเทรดชาวไทยมักสงสัยและเข้าใจผิดบ่อยครั้งคือ มีโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับการรับรองจาก กลต. ในไทยจริงหรือไม่ คำตอบตรงๆ คือ ในขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ยังไม่มีกฎหมายหรือใบอนุญาตที่ออกให้โบรกเกอร์ Forex สำหรับบุคคลทั่วไปโดยตรง ดังนั้นโบรกเกอร์ต่างชาติจึงไม่มีใบรับรองอย่างเป็นทางการจาก กลต. ไทย

ความสับสนนี้มักเกิดจากความแตกต่างระหว่างการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่ กลต. ดูแล กับการเทรด Forex ซึ่งเป็นตลาดสากลที่มีกฎระเบียบแยกต่างหาก บางโบรกเกอร์อาจใช้คำว่าได้รับการรับรองจาก กลต. เพื่อหลอกลวงหรือสร้างภาพลวงตาให้ดูน่าเชื่อถือ แม้ กลต. จะไม่กำกับดูแลโดยตรง แต่การเทรด Forex ในไทยไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่ยังขาดกรอบกฎหมายเฉพาะเจาะจง นักเทรดไทยจึงควรเลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้หน่วยงานสากลชั้นนำตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้า เพื่อรักษาความปลอดภัย หากต้องการยืนยัน คุณสามารถเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์ กลต. โดยตรงที่ www.sec.or.th เพื่อดูผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างถูกต้อง
ระวังภัย! วิธีหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ Forex ที่เป็นแชร์ลูกโซ่หรือปิดหนี
ตลาด Forex นำเสนอโอกาสทำกำไรที่น่าตื่นเต้น แต่ก็แฝงความเสี่ยงจากโบรกเกอร์ไม่สุจริตที่อาจเป็นรูปแบบแชร์ลูกโซ่หรือปิดหนีทิ้งลูกค้า สร้างความเสียหายรุนแรง เพื่อป้องกันตัวเอง คุณควรจับตาสัญญาณเตือนเหล่านี้ให้ดี
- สัญญาผลตอบแทนเกินจริง: หากโบรกเกอร์สัญญากำไรสูงลิ่วในเวลาสั้นหรืออ้างว่าไร้ความเสี่ยง นั่นคือสัญญาณอันตราย เพราะการลงทุนทุกอย่าง โดยเฉพาะ Forex ล้วนมีความเสี่ยง
- ขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน: โบรกเกอร์ที่ไม่เปิดเผยใบอนุญาตหรืออ้างหน่วยงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก รวมถึงการอ้าง กลต. ไทยซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ ควรหลีกเลี่ยงทันที
- เงื่อนไขการฝากถอนที่ผิดปกติ: ฝากง่ายแต่ถอนยาก ล่าช้าหรือมีข้อแก้ตัวมากมาย มักบ่งบอกถึงปัญหาใหญ่
- การเร่งรัดให้ลงทุนเพิ่ม: หากถูกกดดันให้ฝากเงินเพิ่ม โดยเฉพาะหลังจากมีปัญหาถอนเงิน นั่นคือลักษณะของการหลอกลวง
- ไม่มีข้อมูลบริษัทที่ชัดเจน: เว็บไซต์ดูไม่มืออาชีพ ขาดข้อมูลติดต่อ ประวัติบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
- ใช้ช่องทางสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ: ติดต่อหลักผ่านแอปส่วนตัวโดยไม่มีสำนักงานหรือช่องทางอย่างเป็นทางการ
ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ คุณสามารถใช้แหล่งข้อมูลจากบุคคลที่สามที่น่าเชื่อถือ เช่น WikiFX ซึ่งรวบรวมข้อมูลใบอนุญาต ประวัติการทำงานและรีวิวจากผู้ใช้จริงทั่วโลก การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมและประเมินความเสี่ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หากคุณโชคร้ายตกเป็นเหยื่อ สิ่งแรกคือรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เช่น ใบเสร็จฝากเงิน การสนทนากับโบรกเกอร์และบันทึกการเทรด จากนั้นรีบแจ้งความกับตำรวจและปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ โดยเฉพาะในตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้
แนะนำโบรกเกอร์ Forex ยอดนิยมและน่าเชื่อถือสำหรับคนไทย (พร้อมจุดเด่น)
จากเกณฑ์ที่กล่าวมา เราได้คัดสรรโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือในหมู่นักเทรดไทย พร้อมจุดเด่นเฉพาะตัว เพื่อให้คุณเปรียบเทียบและเลือกได้ง่าย (โปรดทราบว่านี่เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน)
- Exness:
- จุดเด่น: โดดเด่นด้วยสเปรดต่ำสุดๆ โดยเฉพาะบัญชี Raw Spread และ Zero ที่มีเลเวอเรจไม่จำกัดภายใต้เงื่อนไข ระบบฝากถอนรวดเร็วและรองรับธนาคารไทยหลายแห่ง บริการลูกค้าภาษาไทย 24/7 เหมาะสำหรับนักเทรดทุกระดับที่ต้องการต้นทุนต่ำและสภาพคล่องสูง เช่น ผู้ที่เทรดบ่อยๆ จะประหยัดได้มาก
- การกำกับดูแล: CySEC, FCA, FSCA, FSA (Seychelles) และอื่นๆ
- XM:
- จุดเด่น: โบรกเกอร์เก่าแก่ที่น่าเชื่อถือ มีโบนัสและโปรโมชั่นดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และเก่า แพลตฟอร์ม MT4/MT5 เสถียร พร้อมสื่อการเรียนรู้และสัมมนาภาษาไทย บริการลูกค้าภาษาไทยยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการการสนับสนุนเต็มรูปแบบ
- การกำกับดูแล: CySEC, ASIC, IFSC, DFSA
- IC Markets:
- จุดเด่น: ผู้นำด้าน ECN/Raw Spread ด้วยสเปรดแคบและคอมมิชชั่นแข่งขัน ความเร็วในการประมวลผลสูง เหมาะสำหรับ scalping และ EA รองรับ cTrader และเครื่องมือวิเคราะห์หลากหลาย
- การกำกับดูแล: ASIC, CySEC, FSA (Seychelles)
- Pepperstone:
- จุดเด่น: ECN ชั้นนำที่มีสเปรดต่ำและการดำเนินการรวดเร็ว รองรับ MT4, MT5 และ cTrader พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง การกำกับดูแลแข็งแกร่ง เหมาะสำหรับมือโปรที่ต้องการความแม่นยำ
- การกำกับดูแล: ASIC, FCA, DFSA, CySEC, SCB
- FBS:
- จุดเด่น: ยอดนิยมในเอเชียด้วยโบนัสและโปรโมชั่นน่าสนใจ บัญชี Cent และ Micro สำหรับทุนน้อย บริการภาษาไทยและช่องทางฝากถอนหลากหลายสำหรับคนไทย
- การกำกับดูแล: CySEC, IFSC, FSCA, ASIC
แต่ละรายมีจุดแข็งที่แตกต่าง คุณควรเข้าเว็บไซต์โบรกเกอร์เพื่อศึกษาละเอียดและลองใช้บัญชีทดลองเพื่อทดสอบก่อนลงทุนจริง ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าอันไหนเหมาะกับตัวเอง
สรุป: เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่โบนัสสูงหรือสเปรดต่ำเพียงอย่างเดียว แต่คือตัวที่ตรงกับสไตล์การเทรด ความต้องการและระดับความรู้ของคุณมากที่สุด สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดคือความปลอดภัยของเงินทุน ดังนั้นให้ลำดับความสำคัญกับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำเสมอ
อย่าลืกว่า Forex คือการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงและไม่มีคำรับประรองกำไร การเลือกโบรกเกอร์คือก้าวแรกที่สำคัญในเส้นทางของคุณ หวังว่าคู่มือนี้จะให้ข้อมูลและเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและมั่นใจในทุกการลงทุน
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
โบรกเกอร์ Forex ที่ กลต. รับรองในประเทศไทยมีจริงหรือไม่?
ไม่จริงครับ ในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของประเทศไทยยังไม่ได้มีกฎหมายกำกับดูแล หรือออกใบอนุญาตให้กับโบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการกับบุคคลทั่วไปโดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีโบรกเกอร์ Forex ต่างประเทศรายใดที่ได้รับการรับรองจาก กลต. ไทยอย่างเป็นทางการ
ฉันจะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ Forex ได้อย่างไร?
คุณสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้โดย:
- ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานสากลที่มีชื่อเสียงหรือไม่ (เช่น FCA, ASIC, CySEC)
- ค้นหารีวิวและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานจริง
- ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบโบรกเกอร์บุคคลที่สาม เช่น WikiFX เพื่อดูข้อมูลใบอนุญาตและประวัติ
- ทดลองใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มและบริการ
โบรกเกอร์ Forex เจ้าไหนมีสเปรดต่ำที่สุดและเหมาะกับนักเทรดไทย?
โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำมักจะเป็นโบรกเกอร์ประเภท ECN หรือที่เสนอ “Raw Spread” เช่น Exness, IC Markets และ Pepperstone โบรกเกอร์เหล่านี้มักจะมีค่าคอมมิชชั่นต่อล็อตแทนสเปรดที่สูงขึ้น สำหรับนักเทรดไทย โบรกเกอร์เหล่านี้มักจะรองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยและมีบริการลูกค้าภาษาไทยด้วย
ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 ดีกว่ากัน?
ทั้ง MT4 และ MT5 เป็นแพลตฟอร์มที่ดีเยี่ยม MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมมายาวนาน ใช้งานง่าย และมี EA หรืออินดิเคเตอร์ให้เลือกใช้มากมาย MT5 เป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่า มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่มากขึ้น รองรับการเทรดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า (เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส) และมีฟังก์ชันการเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนกว่า การเลือกขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยและประเภทของเครื่องมือที่คุณต้องการใช้
ถ้าเจอโบรกเกอร์ Forex ที่เป็นแชร์ลูกโซ่หรือปิดหนี ควรทำอย่างไร?
สิ่งแรกคือ รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการสื่อสารกับโบรกเกอร์ จากนั้นให้รีบ แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเร็วที่สุด และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
การฝากและถอนเงินกับโบรกเกอร์ Forex มีช่องทางไหนที่สะดวกสำหรับคนไทยบ้าง?
ช่องทางที่สะดวกสำหรับคนไทยส่วนใหญ่คือ การโอนเงินผ่านธนาคารไทยโดยตรง ซึ่งหลายโบรกเกอร์ยอดนิยมรองรับ นอกจากนี้ยังมี E-wallets เช่น Skrill, Neteller ที่เป็นที่นิยม หรือบางโบรกเกอร์อาจรองรับ PromptPay ด้วย โปรดตรวจสอบช่องทางที่โบรกเกอร์ของคุณมีให้
โบรกเกอร์ Forex ให้บริการลูกค้าภาษาไทยหรือไม่?
โบรกเกอร์ Forex ยอดนิยมหลายแห่งที่ให้บริการในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย มักจะมี บริการลูกค้าภาษาไทย ผ่านช่องทาง Live Chat, อีเมล หรือโทรศัพท์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเทรดชาวไทย คุณควรตรวจสอบข้อมูลนี้บนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์โดยตรง
โบรกเกอร์ Forex เจ้าไหนมีโบนัสหรือโปรโมชั่นต้อนรับที่ดีที่สุด?
โบรกเกอร์อย่าง XM และ FBS เป็นที่รู้จักว่ามี โบนัสและโปรโมชั่นต้อนรับที่น่าสนใจ รวมถึงโบนัสเงินฝาก หรือโบนัสไม่ต้องฝาก (No Deposit Bonus) อย่างไรก็ตาม คุณควรอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขของโบนัสอย่างละเอียดก่อนรับ เพราะมักจะมีข้อกำหนดในการถอนกำไรหรือโบนัส
การเทรด Forex ถูกกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่?
ในประเทศไทย ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่กำกับดูแลการเทรด Forex โดยตรง สำหรับบุคคลทั่วไป ทำให้ยังอยู่ในพื้นที่สีเทา อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex โดยใช้โบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากล ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่คุณควรระมัดระวังและศึกษาข้อกำหนดทางภาษีที่เกี่ยวข้อง
การเลือกเลเวอเรจสูงๆ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?
ข้อดี: เลเวอเรจสูงช่วยให้คุณสามารถเปิดตำแหน่งการเทรดขนาดใหญ่ขึ้นได้ด้วยเงินทุนที่น้อยลง ทำให้มีโอกาสสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น
ข้อเสีย: เลเวอเรจสูงยังเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับการคาดการณ์ของคุณ ดังนั้นควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี