ทำความรู้จัก Cup and Handle Pattern: สัญญาณหุ้นขาขึ้นในตำนาน
ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบกราฟราคา (Chart Pattern) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกใช้เพื่อค้นหาจังหวะเข้าซื้อหรือออกหุ้นอย่างแม่นยำ ท่ามกลางรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย มีเพียงไม่กี่รูปแบบที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนระดับมืออาชีพและผ่านการพิสูจน์ในสนามจริงมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นคือ Cup and Handle Pattern — รูปแบบที่ถูกเรียกว่า “ลายที่ดินทอง” ของนักลงทุน เนื่องจากมักปรากฏก่อนที่หุ้นจะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
รูปแบบนี้ถูกเปิดเผยและทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางโดย William J. O’Neil นักลงทุนผู้ก่อตั้ง Investors Business Daily และผู้แต่งหนังสือขายดี “How to Make Money in Stocks” เขาสังเกตว่า หุ้นพันล้านดอลลาร์จำนวนมากที่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ มักจะมีลักษณะกราฟเป็น Cup and Handle ก่อนที่จะทะยานขึ้น ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของระบบการลงทุน CAN SLIM ของเขา
Cup and Handle เป็นรูปแบบการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Continuation Pattern) นั่นหมายความว่า มันมักเกิดขึ้นหลังจากหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาแล้วระยะหนึ่ง แล้วราคาเกิดพักตัวเพื่อสะสมพลังก่อนจะกลับมาวิ่งต่อ ความสำคัญอยู่ที่ “การพักตัวอย่างมีระเบียบ” ซึ่งบ่งบอกว่าแรงซื้อยังคงอยู่ และเพียงแค่รอจังหวะที่เหมาะสมในการดันราคาให้ทะยานขึ้นอีกครั้ง

องค์ประกอบสำคัญของ Cup and Handle Pattern
การระบุรูปแบบนี้อย่างแม่นยำไม่ใช่แค่ดูรูปร่างคล้ายถ้วยกับหูจับ แต่ต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละส่วนอย่างลึกซึ้ง เพราะกราฟที่ดูเหมือนแต่ไม่สมบูรณ์ อาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดได้ องค์ประกอบหลักมีสองส่วน คือ “ตัวถ้วย” และ “หูจับ” ซึ่งทั้งสองต้องเกิดขึ้นตามลำดับและเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนที่ 1: ตัวถ้วย (The Cup)
“ตัวถ้วย” คือช่วงที่ราคาหุ้นเริ่มปรับฐานจากจุดสูงสุดก่อนหน้า จากนั้นค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาจนใกล้เคียงระดับเดิม โดยมีลักษณะเหมือนชามหรือถ้วยกาแฟที่วางอยู่อย่างมั่นคง ไม่ใช่รูปตัว V แหลมคม การมีรูปทรงที่โค้งมนแสดงให้เห็นว่าการขายออกเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเทขายอย่างรุนแรง
- รูปทรงโค้งมนเหมือนตัว ‘U’: ตัวถ้วยที่ดีควรมีก้นกลมมน แสดงถึงการพักฐานที่มั่นคง ถ้าเป็นรูปตัว ‘V’ แปลว่าหุ้นปรับตัวเร็วเกินไป อาจไม่ใช่การสะสมพลังจริง แต่เป็นการเด้งตัวจากแรงซื้อเก็งกำไร
- ความลึกของถ้วยอยู่ในช่วง 15–30%: โดยทั่วไป ความลึกของถ้วย (จากจุดสูงสุดด้านซ้ายถึงจุดต่ำสุด) ควรอยู่ในช่วง 15 ถึง 30% ของจุดสูงก่อนหน้า หากลึกเกิน 50% แสดงว่าแรงขายยังมีอยู่มาก แนวโน้มขาขึ้นอาจถูกทำลายไปแล้ว
- พฤติกรรมของปริมาณการซื้อขาย: ในช่วงที่ราคาลดลง ปริมาณการซื้อขายควรมีแนวโน้มลดลง แสดงว่าแรงขายเริ่มหมดแรง เมื่อราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้น ปริมาณควรมีการเพิ่มขึ้นค่อยๆ อย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าแรงซื้อกลับมาแล้ว
ส่วนที่ 2: หูจับ (The Handle)
หลังจากราคาฟื้นตัวกลับมาใกล้จุดสูงสุดของถ้วยแล้ว หุ้นมักจะมีการย่อตัวลงอีกครั้งในกรอบแคบๆ เป็นช่วงสั้นๆ ซึ่งเรียกว่า “หูจับ” ส่วนนี้เปรียบเสมือนการตรวจสอบความแข็งแกร่งของแนวโน้มก่อนที่จะพุ่งขึ้นจริง
- ระยะเวลาพักตัวสั้น: 1–4 สัปดาห์ หูจับที่ดีควรใช้เวลาไม่นานนัก ปกติอยู่ในช่วง 1 ถึง 4 สัปดาห์ หากเกิน 6 สัปดาห์ อาจแปลว่าแรงซื้อเริ่มหมด หรือตลาดไม่มีความมั่นใจในหุ้นตัวนี้
- ลักษณะการย่อตัวแบบเฉียงลงเล็กน้อย: หูจับมักมีรูปแบบเป็น Downward Channel หรือ Pennant คือราคาค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ โดยไม่ขาดทุนมาก ความลึกของหูจับไม่ควรเกิน 1/3 ของความสูงของตัวถ้วย
- ปริมาณการซื้อขายต้อง “แห้ง”: นี่คือจุดสำคัญที่สุดของหูจับ ปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้ต้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่านักลงทุนไม่ต้องการขายหุ้นที่ระดับราคานี้แล้ว แรงขายหมดไป รอเพียงแค่แรงซื้อเข้ามาเท่านั้น

4 กฎเหล็กในการเทรดด้วย Cup and Handle Pattern
การระบุรูปแบบได้ถูกต้องยังไม่พอ ต้องมีระบบการเทรดที่ชัดเจนเพื่อแปลงสัญญาณให้กลายเป็นผลกำไรอย่างต่อเนื่อง นี่คือ 4 ขั้นตอนสำคัญที่นักลงทุนต้องทำทุกครั้งก่อนเข้าซื้อ
จุดเข้าซื้อ (Entry Point)
จุดเข้าซื้อที่ “ปลอดภัย” และมีความน่าเชื่อถือที่สุด คือช่วงที่ราคาสามารถ “ทะลุแนวต้านของหูจับ” ขึ้นไปได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ Breakout ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน้อย 40–50% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 50 วัน ถือเป็นสัญญาณยืนยันว่าแรงซื้อกลับมาควบคุมตลาดแล้ว นักลงทุนสถาบันอาจเริ่มสะสมหุ้นอีกครั้ง
จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
แม้จะเป็นรูปแบบที่น่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่รับประกันผลลัพธ์ 100% การตั้งจุดตัดขาดทุนคือหลักการพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยง สำหรับรูปแบบนี้ จุด Stop Loss ที่เหมาะสมคือการวางไว้ใต้จุดต่ำสุดของ “หูจับ” เล็กน้อย หรือประมาณ 7–8% ต่ำกว่าจุดเข้าซื้อ เพื่อป้องกันการขาดทุนรุนแรงหากเกิดการ Breakout หลอก (False Breakout)
การคำนวณเป้าหมายราคา (Price Target)
เราสามารถประมาณการเป้าหมายราคาขั้นต่ำได้ด้วยการวัด “ความลึกของถ้วย” (จากจุดสูงสุดด้านซ้ายถึงจุดต่ำสุด) แล้วนำค่าดังกล่าวไปบวกกับจุดที่ราคา Breakout ขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ถ้วยลึก 20 บาท และราคา Breakout ที่ 100 บาท เป้าหมายขั้นต่ำจะอยู่ที่ 120 บาท (100 + 20) อย่างไรก็ตาม นี่คือเป้าหมายขั้นต่ำเท่านั้น ในหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง ราคาอาจพุ่งไปไกลกว่านั้นหลายเท่า
การยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขาย (Volume)
Volume คือ “เครื่องยืนยัน” ที่สำคัญที่สุดในการเทรดรูปแบบนี้ หากการ Breakout เกิดขึ้นโดยไม่มีปริมาณการซื้อขายรองรับ ก็ไม่ต่างจากการเดินทางโดยไม่มีน้ำมันในถัง นักลงทุนรายใหญ่ หรือสถาบันมักจะเข้ามาในช่วงนี้ ดังนั้น การเห็น Volume พุ่งขึ้นอย่างชัดเจนจึงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสิ่งนี้ “มีของ” ไม่ใช่แค่เกมของแรงซื้อรายย่อย
ตัวอย่างจริง: การใช้ Cup and Handle Pattern ในตลาดหุ้นไทย (SET)
เพื่อให้เข้าใจรูปแบบนี้ในบริบทของตลาดจริง มาดูตัวอย่างสมมติของ “หุ้น ABC” ที่เข้าเกณฑ์ Cup and Handle อย่างชัดเจน
- แนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า: หุ้น ABC วิ่งจาก 50 บาท ขึ้นไป 80 บาท ภายใน 4 เดือน แสดงถึงความต้องการซื้อที่เข้มแข็ง
- การสร้างตัวถ้วย: หลังจากถึง 80 บาท หุ้นเริ่มปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 60 บาท (ลดลง 25%) ใช้เวลา 3 เดือนในการฟื้นตัวกลับมาที่ 80 บาท โดยช่วงลงมี Volume ลดลง ช่วงฟื้นตัว Volume เริ่มเพิ่มขึ้น แสดงถึงการสะสมพลัง
- การสร้างหูจับ: ราคาขึ้นมาใกล้ 80 บาท แล้วเริ่มย่อตัวลงมาในกรอบ 75–78 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดย Volume ลดลงอย่างเห็นได้ชัด บ่งชี้ว่าแรงขายหมดแล้ว
- จุด Breakout: ในสัปดาห์ที่ 3 ราคาพุ่งทะลุ 80 บาท ปิดที่ 82 บาท พร้อม Volume เพิ่มขึ้น 2 เท่าของค่าเฉลี่ย ชัดเจนว่าเป็นจังหวะเข้าซื้อ
- ผลลัพธ์: หลัง Breakout ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปแตะ 100 บาท ภายใน 6 สัปดาห์ ซึ่งตรงกับเป้าหมายที่คำนวณไว้พอดี (80 + 20)
รูปแบบที่เกี่ยวข้อง: Inverted Cup and Handle สัญญาณต้องระวัง
ในทางตรงกันข้ามกับรูปแบบปกติ มีรูปแบบที่เรียกว่า Inverted Cup and Handle หรือ “ถ้วยคว่ำ” ซึ่งเป็นสัญญาณขาลง (Bearish Continuation Pattern) รูปแบบนี้มักเกิดในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง
ลักษณะคือราคาพุ่งขึ้นชั่วคราว (เหมือนก้นถ้วยหงาย) แล้วเริ่มย่อตัวลงมา โดยมีการเด้งขึ้นเล็กน้อยเพื่อสร้าง “หูจับ” ก่อนจะทะลุแนวรับลงมาพร้อม Volume สูง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงขายกลับมาควบคุมตลาดแล้ว นักลงทุนสามารถใช้สัญญาณนี้เพื่อขายหุ้นหรือเปิดสถานะ Short Sell ได้
