Demand Supply Zone: 5 ขั้นตอนระบุโซนทำกำไร พร้อมกลยุทธ์เทรดที่นักเทรดไทยต้องรู้

โซนดีมานด์ซัพพลาย (Demand Supply Zone) คืออะไร และทำไมนักเทรดต้องเข้าใจ

นักเทรดกำลังวิเคราะห์กราฟราคา พร้อมสัญลักษณ์ตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์ โดยมีโซนดีมานด์ซัพพลายปรากฏบนหน้าจอ

ในโลกของการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดฟอเร็กซ์หรือหุ้น สิ่งที่แยกนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จออกจากผู้เล่นทั่วไปคือความสามารถในการอ่านพฤติกรรมของราคา หนึ่งในแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดมืออาชีพคือการใช้ “โซนดีมานด์ซัพพลาย” หรือ Demand Supply Zone ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แนวรับแนวต้านธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจจุดที่ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางอย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นไปที่พฤติกรรมของผู้เล่นรายใหญ่ เช่น สถาบันการเงินและกองทุน

กลไกเบื้องหลังแนวคิดนี้คือ การที่ราคาไม่เคยเคลื่อนไหวแบบสุ่ม แต่สะท้อนถึงอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ที่สะสมอยู่ในระดับราคาหนึ่ง โซนดีมานด์ซัพพลายจึงไม่ใช่เส้นเดี่ยว แต่เป็น “พื้นที่” บนแผนภูมิ ซึ่งบ่งบอกถึงบริเวณที่มีคำสั่งซื้อหรือขายขนาดใหญ่ถูกสะสมไว้ในอดีต เมื่อราคาเคลื่อนที่กลับเข้าสู่พื้นที่เหล่านี้อีกครั้ง มักจะเกิดการตอบสนองอย่างรุนแรง เช่น การเด้งกลับขึ้นหรือพุ่งลง ขึ้นอยู่กับประเภทของโซน

แผนภูมิราคาที่แสดงโซนดีมานด์ซัพพลายที่ถูกเน้นอย่างชัดเจน พร้อมการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง
  • โซนดีมานด์ (Demand Zone): คือบริเวณที่ราคาเคยร่วงลงอย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นกลับพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แสดงถึงจุดที่ผู้ซื้อเข้ามาควบคุมตลาด ดึงราคาขึ้นอย่างหนัก จึงถือเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อในอนาคตหากราคาเคลื่อนที่กลับมาอีกครั้ง
  • โซนซัพพลาย (Supply Zone): ตรงกันข้ามกับโซนดีมานด์ คือบริเวณที่ราคาเคยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นกลับตกลงมาอย่างหนัก แสดงถึงจุดที่ผู้ขายเริ่มครอบงำ จึงเป็นพื้นที่ที่อาจเกิดการกลับตัวลงอีกครั้งเมื่อราคากลับมาทดสอบ

ความสำคัญของโซนเหล่านี้อยู่ที่การเป็นร่องรอยของ “Order Block” หรือกลุ่มคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม เมื่อราคาเคลื่อนที่กลับมาใกล้โซนดังกล่าวอีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่ผู้เล่นรายใหญ่จะเข้าตลาดเพื่อเติมคำสั่งเดิมก็เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางเดิมอีกครั้ง การเข้าใจกลไกนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์จุดกลับตัวที่มีความน่าจะเป็นสูง พร้อมวางแผนการเข้า-ออกอย่างมีเหตุผล การตีความพฤติกรรมราคา จึงกลายเป็นหัวใจหลักของการใช้กลยุทธ์นี้อย่างแท้จริง

วิธีระบุและวาดโซนดีมานด์ซัพพลายอย่างแม่นยำและมีเหตุผล

กราฟราคาที่แสดงรูปแบบ Drop-Base-Rally และ Rally-Base-Drop พร้อมการระบุโซนดีมานด์และซัพพลายอย่างชัดเจน

การใช้โซนดีมานด์ซัพพลายอย่างมีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการวาดและระบุโซนอย่างถูกต้อง ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาอย่างละเอียด โดยเฉพาะลักษณะการกลับตัวที่ชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองรูปแบบหลัก ได้แก่ Drop-Base-Rally สำหรับโซนดีมานด์ และ Rally-Base-Drop สำหรับโซนซัพพลาย

ขั้นตอนการระบุโซนดีมานด์ (Demand Zone)

โซนดีมานด์เกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อเข้ามาอย่างรุนแรงในจุดที่มีการสะสมคำสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า จนสามารถพลิกสถานการณ์จากราคาร่วงลงให้กลับมาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว รูปแบบที่ใช้สังเกตคือ “Drop-Base-Rally” ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน

  1. ค้นหาการร่วงลงอย่างรวดเร็ว (Drop): มองหาแท่งเทียนที่แสดงการลดลงของราคาอย่างต่อเนื่องและมีโมเมนตัมสูง ซึ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่มีอำนาจเหนือตลาดในช่วงเวลานั้น
  2. ระบุแท่งฐาน (Base Candle): หลังจากราคาร่วงลง จะเกิดช่วงพักตัวสั้นๆ ซึ่งอาจมีเพียง 1-3 แท่งเทียนที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ บริเวณนี้ถือเป็น “ฐาน” ที่แรงซื้อเริ่มสะสมตำแหน่ง
  3. ยืนยันด้วยการพุ่งขึ้น (Rally): หลังจากสร้างฐานแล้ว ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงด้วยแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ แสดงถึงการเข้ามาของแรงซื้อขนาดใหญ่ที่พลิกเกมได้สำเร็จ
  4. วาดโซนดีมานด์: ใช้เส้นกรอบลากครอบคลุมพื้นที่ของแท่งฐาน โดยเริ่มจากจุดต่ำสุดของแท่งฐานไปจนถึงจุดสูงสุดของแท่งนั้น หรือจุดที่ราคาเริ่มขยับขึ้นอย่างชัดเจน โซนนี้จะเป็นบริเวณที่นักเทรดติดตามเพื่อหาจังหวะซื้อในอนาคต

การเข้าใจรูปแบบนี้ช่วยให้นักเทรดไม่เพียงแค่เห็น “ที่ไหน” ที่ราคาเด้งกลับ แต่ยังเข้าใจ “ทำไม” มันถึงเด้งกลับ

ขั้นตอนการระบุโซนซัพพลาย (Supply Zone)

ในทางกลับกัน โซนซัพพลายเกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อหมดพลังและแรงขายเข้ามาควบคุมตลาด รูปแบบที่ใช้คือ “Rally-Base-Drop” ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของโซนดีมานด์ในทิศทางตรงกันข้าม

  1. ค้นหาการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rally): มองหาแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ที่แสดงการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ครอบงำ
  2. ระบุแท่งฐาน (Base Candle): หลังจากราคาพุ่งขึ้น จะเกิดการพักตัวในกรอบแคบ มีการแกว่งตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มหมด ขณะที่ผู้ขายเตรียมเข้าตลาด
  3. ยืนยันด้วยการร่วงลง (Drop): หลังจากสร้างฐานแล้ว ราคาจะตกลงมาอย่างหนักด้วยแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่ แสดงถึงการเข้ามาของแรงขายที่มีน้ำหนัก
  4. วาดโซนซัพพลาย: ลากกรอบจากจุดสูงสุดของแท่งฐานไปยังจุดต่ำสุดของแท่งนั้น หรือจุดที่ราคาเริ่มตกลงอย่างชัดเจน โซนนี้จะเป็นเป้าหมายสำหรับการเข้าขายหากราคากลับมาทดสอบอีกครั้ง

ความชัดเจนของรูปแบบเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจเทรด

ปัจจัยที่ช่วยแยกแยะโซนแข็งแกร่ง vs โซนอ่อนแอ

ไม่ใช่ทุกโซนที่ปรากฏบนกราฟจะมีศักยภาพเท่ากัน การรู้จักประเมินคุณภาพของโซนจะช่วยให้นักเทรดเลือกเฉพาะจุดที่มีความน่าจะเป็นสูงในการเกิดการกลับตัว

  • ความเร็วในการออกจากโซน: ยิ่งราคาพุ่งขึ้นหรือตกลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมากเท่าไร โซนนั้นก็ยิ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่มีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้โซนนั้นมีความน่าเชื่อถือสูง
  • การทดสอบครั้งแรก (First Touch): โซนที่ยังไม่เคยถูกราคากลับมาทดสอบเลยมีโอกาสสูงที่จะทำงานได้ดี เพราะคำสั่งซื้อขายที่ค้างอยู่ยังไม่ถูกเติมเต็ม
  • กรอบเวลา (Timeframe): โซนที่เกิดบน Timeframe สูง เช่น H4 หรือ Daily มักมีน้ำหนักมากกว่าโซนที่เกิดในกรอบเวลาเล็ก เช่น M15 หรือ M5 เพราะสะท้อนพฤติกรรมของผู้เล่นรายใหญ่ที่ตัดสินใจในภาพรวม
  • ขนาดของแท่งฐาน: แท่งฐานที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แสดงถึงการสะสมคำสั่งที่มีประสิทธิภาพและมีการควบคุม ต่างจากแท่งฐานที่แกว่งตัวกว้าง ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความไม่มั่นคง

กลยุทธ์การเทรดด้วยโซนดีมานด์ซัพพลายที่ได้ผลจริง

เมื่อสามารถระบุโซนได้อย่างแม่นยำแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นแผนการเทรดที่ชัดเจน ซึ่งมีหลายแนวทางที่นักเทรดสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามสไตล์และกรอบเวลาที่ถนัด

กลยุทธ์การทดสอบครั้งแรก (First Touch Strategy)

นี่คือกลยุทธ์พื้นฐานที่มีอัตราความสำเร็จสูง เพราะอิงจากการที่ราคายังไม่เคยกลับมาที่โซนมาก่อน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่คำสั่งที่ค้างอยู่จะยังไม่ถูกเติมเต็ม

  • สำหรับโซนดีมานด์: เมื่อราคากลับมาแตะโซนดีมานด์เป็นครั้งแรก ให้สังเกตสัญญาณกลับตัวใน Timeframe ที่ต่ำกว่า เช่น รูปแบบแท่งเทียนอย่าง Pin Bar หรือ Bullish Engulfing แล้วจึงพิจารณาเข้าซื้อ
  • สำหรับโซนซัพพลาย: เมื่อราคากลับมาแตะโซนซัพพลายเป็นครั้งแรก ให้ตามหาสัญญาณกลับตัวขาลง เช่น Bearish Engulfing หรือ Shooting Star ก่อนตัดสินใจเข้าขาย
  • การบริหารความเสี่ยง:
    • Stop Loss: ตั้งต่ำกว่าขอบล่างของโซนดีมานด์ หรือสูงกว่าขอบบนของโซนซัพพลาย เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากสัญญาณหลอก
    • Take Profit: ตั้งเป้าหมายที่โซนตรงข้ามถัดไป หรือใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 เพื่อให้มีความคุ้มค่า

กลยุทธ์การทะลุและการกลับมาทดสอบ (Breakout and Retest)

ไม่ใช่ทุกครั้งที่โซนจะทำหน้าที่เดิมเสมอไป บางครั้งโซนอาจถูกทำลาย ซึ่งในทางเทคนิค โซนนั้นจะ “เปลี่ยนบทบาท”

  • โซนซัพพลายที่ถูกทะลุขึ้นไป

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *