จับตาสัญญาณเตือน: เศรษฐกิจไทยเสี่ยงถดถอย ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน
ในฐานะนักลงทุน เราทุกคนต่างทราบดีว่าการทำความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจลงทุนที่รอบคอบและชาญฉลาด เพราะมันคือพื้นฐานที่จะบอกเราว่าลมกำลังพัดไปในทิศทางใด วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสัญญาณเตือนที่กำลังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกอาจกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ นั่นคือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recessions ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรเตรียมรับมือ
คุณอาจจะเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่สดใสรอบตัว หรืออาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ใช่ไหมครับ? สัญญาณเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือข้อมูลที่กำลังบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่น่ากังวล เราจะมาถอดรหัสสัญญาณเหล่านั้นไปด้วยกัน เพื่อให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนการลงทุนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประเมินแนวโน้มลงทุน
- การลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเป็นสัญญาณเตือนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
- การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกและนโยบายทางการเงินช่วยปรับกลยุทธ์การลงทุน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค: กระจกสะท้อนภาวะเศรษฐกิจขาลง
หากจะเปรียบเทียบ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก็คงเหมือนกับเครื่องวัดไข้ของเศรษฐกิจ คุณคิดว่าตอนนี้อุณหภูมิของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไรบ้างครับ? ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ชี้ชัดว่าในเดือนพฤษภาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของเราปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แล้ว และที่น่าเป็นห่วงคือ มันลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ด้วยตัวเลขที่ 54.2 จากเดิม 55.4
ตัวเลขที่ลดลงนี้สะท้อนอะไรบ้าง? ลองจินตนาการดูนะครับ เมื่อผู้คนรู้สึกไม่มั่นใจในอนาคตของเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ หรือแม้กระทั่งรายได้ในอนาคตของตัวเอง พวกเขาก็จะลดการใช้จ่ายลง การใช้จ่ายที่ลดลงนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม เพราะเมื่อผู้คนไม่กล้าจับจ่าย ยอดขายของธุรกิจก็ลดลง การลงทุนใหม่ๆ ก็ชะลอตัวลง นี่คือวงจรที่อาจนำไปสู่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้อย่างง่ายดาย
ข้อมูลเฉพาะเจาะจงลงไปอีก เราจะเห็นว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับ เศรษฐกิจไทยโดยรวม (48.1), โอกาสในการหางานทำ (51.9), และรายได้ในอนาคต (62.7) ล้วนลดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน สิ่งนี้ตอกย้ำว่าผู้บริโภคของเรากำลังมองอนาคตด้วยความไม่มั่นใจในทุกมิติ และนี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทย กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจน เราในฐานะนักลงทุนจึงต้องเฝ้าระวังและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

สงครามการค้า “Trump 2.0” และภัยคุกคามจากการตอบโต้ทางภาษี
ปัจจัยภายนอกที่กำลังกลายเป็นเมฆดำปกคลุมเศรษฐกิจโลกและ เศรษฐกิจไทย คือประเด็นเรื่อง สงครามการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนโยบาย “Trump 2.0” ที่พูดถึงการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) หากคุณมองจากมุมมองของภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทย คุณจะเห็นว่านี่คือภัยคุกคามที่ประเมินค่าไม่ได้
ลองคิดดูสิครับ หากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของเรา หรือแม้แต่จีน ซึ่งเป็นคู่ค้าและแหล่งนักท่องเที่ยวหลักของเรา มีนโยบายภาษีที่เข้มข้นขึ้นจนกลายเป็นการตอบโต้ทางการค้าครั้งใหม่ ภาคการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรงแค่ไหน? มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่าความเสียหายต่อการส่งออกและ การท่องเที่ยว ของไทยอาจสูงถึง 1.5-2 แสนล้านบาท นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลยนะครับ
นโยบายภาษีตอบโต้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อเสถียรภาพเชิงนโยบายการค้าทั่วโลก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังประเทศสำคัญอื่น ๆ อย่างสหรัฐฯ เอง ญี่ปุ่น และยูโรโซนด้วย สงครามการค้า คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ย่อมส่งผลกระทบกลับมายัง เศรษฐกิจไทย ซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะนักลงทุน การติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจผลกระทบจากนโยบายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับพอร์ตโฟลิโอของคุณให้ปลอดภัย
เศรษฐกิจโลกชะลอตัว: มุมมองจากธนาคารโลกและผลกระทบต่อภูมิภาค
ไม่ใช่แค่ เศรษฐกิจไทย ที่กำลังส่งสัญญาณเตือน ธนาคารโลก (World Bank) เองก็ได้ออกมาปรับลด คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลก สำหรับปี 2568 ลงเหลือเพียง 2.3% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา (ยกเว้นช่วงที่เกิด ภาวะถดถอย ทั่วโลกอย่างวิกฤตการเงินปี 2008 หรือวิกฤตโควิด-19) นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าสถานการณ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศเรา แต่เป็นภาพรวมระดับโลก
รายงาน Global Economic Prospects ของ ธนาคารโลก ยังระบุอีกว่าได้มีการปรับลด คาดการณ์เศรษฐกิจ ของประเทศสำคัญหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยูโรโซน หรือแม้แต่ เศรษฐกิจไทย เองก็ถูกปรับลดลงเหลือ 1.8% ในปี 2568 สถานการณ์เช่นนี้ย่อมสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินทั่วโลก เพราะความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจลดลง
คุณทราบหรือไม่ว่าบางประเทศได้ก้าวเข้าสู่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทางเทคนิคไปแล้ว นั่นคือการที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวติดต่อกันสองไตรมาส ประเทศอย่างอาร์เจนตินา อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ คือตัวอย่างที่ชัดเจน ในขณะที่สิงคโปร์และนิวซีแลนด์คาดว่าจะหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด การที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือคู่ค้าสำคัญของเราเผชิญภาวะชะลอตัว ย่อมส่งผลกระทบทางอ้อมต่อ การส่งออก และการลงทุนของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาวะเงินเฟ้อติดลบและกำลังซื้อที่แผ่วบาง: สัญญาณเงินฝืดทางเทคนิค?
เมื่อพูดถึงภาวะเศรษฐกิจ นักลงทุนมักจะคุ้นเคยกับคำว่า “เงินเฟ้อ” หรือ Inflation ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้มีอีกคำหนึ่งที่น่าสนใจและน่ากังวลไม่แพ้กัน นั่นคือ “เงินฝืด” หรือ Deflation และที่น่าเป็นห่วงคือ กระทรวงพาณิชย์ของเราคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของไทยในไตรมาส 2 นี้อาจมีโอกาส เงินเฟ้อติดลบ ซึ่งนี่เป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะ เงินฝืดทางเทคนิค
แล้ว เงินเฟ้อติดลบ มันสำคัญอย่างไรกับเราในฐานะนักลงทุน? การที่ราคาสินค้าและบริการโดยรวมลดลงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึง กำลังซื้อที่แผ่วบาง ในระบบเศรษฐกิจ เมื่อผู้บริโภคคาดว่าราคาสินค้าจะลดลงอีกในอนาคต พวกเขาก็จะชะลอการซื้อ ทำให้ยอดขายของธุรกิจลดลง กำไรลดลง และอาจนำไปสู่การลดการผลิตหรือแม้กระทั่งการปลดพนักงานในที่สุด สิ่งเหล่านี้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ เศรษฐกิจชะลอตัว และอาจผลักดันให้เข้าสู่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เรายังเห็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นทั้งจากประชาชนและภาคธุรกิจเกี่ยวกับ การเข้าถึงสินเชื่อ ที่ยากขึ้น แม้ว่าจะมี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการจำนวนมากยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและยังคงเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ลำบาก นี่คืออีกหนึ่งปัจจัยภายในที่กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นและกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจของเราครับ
ความท้าทายจากภายใน: การเข้าถึงสินเชื่อและความไม่แน่นอนทางการเมือง
นอกเหนือจากปัจจัยภายนอกและเรื่องเงินเฟ้อติดลบแล้ว เศรษฐกิจไทย ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในอีกหลายประการ ซึ่งนักลงทุนอย่างเราควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เพื่อที่จะประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างแม่นยำ
ประการแรกคือปัญหา การเข้าถึงสินเชื่อ ผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงประชาชนทั่วไป กำลังประสบปัญหาในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมีการผ่อนปรนบางอย่าง แต่ข้อกำหนดที่เข้มงวดและการประเมินความเสี่ยงที่สูงขึ้นในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ทำให้การกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนหรือเพื่อบริโภคยากขึ้น วงจรนี้ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลง และเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ประการที่สองคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ในช่วงครึ่งปีหลัง การเมืองไทยยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตา ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณา งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 หรือแม้แต่โอกาสในการยุบสภา ความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เมื่อความเชื่อมั่นลดลง การลงทุนใหม่ๆ ก็ชะลอตัวลง และที่สำคัญคือ หากการใช้จ่ายภาครัฐล่าช้า หรืองบประมาณไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผน ก็จะยิ่งซ้ำเติมให้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จำเป็นต้องถูกนำมาใช้เพื่อรับมือกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นั้นไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่ทันการณ์
เราจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทย กำลังเผชิญกับพายุลูกใหญ่ที่มาจากหลายทิศทาง ทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ การเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
แนวทางการรับมือจากภาครัฐ: มาตรการกระตุ้นที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสัญญาณเตือนถึง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เริ่มชัดเจนขึ้น บทบาทของภาครัฐในการออกมาตรการเพื่อประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด คุณคิดว่าภาครัฐควรเร่งดำเนินการอะไรบ้างครับ? จากข้อมูลและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ มีหลายมาตรการที่จำเป็นต้องเร่งผลักดัน
ประการแรก ภาครัฐต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการเบิกจ่าย งบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 1.75 แสนล้านบาท ที่ถูกกันไว้ หากงบประมาณนี้สามารถนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและสร้างงานได้ การผ่อนปรนทางการเงิน เช่น การลด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาเพื่อลดภาระดอกเบี้ยของประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและครัวเรือนสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้
นอกจากนี้ การกระตุ้น การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญของ เศรษฐกิจไทย ให้กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ด้วยมาตรการส่งเสริมการตลาดและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล และการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจและท้องถิ่น ก็จะช่วยสร้างงานและเพิ่มกำลังซื้อในระยะยาว
มาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อพยุง เศรษฐกิจไทย ให้พ้นจากภาวะวิกฤต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุนอีกครั้ง เพราะหากภาครัฐไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ผลกระทบจาก ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็อาจรุนแรงและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
กลยุทธ์การลงทุนในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน: สิ่งที่คุณต้องรู้
ในสถานการณ์ที่ เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้านเช่นนี้ นักลงทุนอย่างเราจะปรับตัวอย่างไร? นี่คือช่วงเวลาที่คุณต้องใช้ความรู้และประสบการณ์อย่างชาญฉลาด เพื่อปกป้องเงินลงทุนและหาโอกาสในวิกฤต
สิ่งแรกที่คุณควรพิจารณาคือ การทบทวนพอร์ตโฟลิโอของคุณอย่างรอบคอบ ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง สินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาลอาจกลายเป็นที่พักพิงที่ดีสำหรับเงินลงทุนของคุณ เราได้เห็น ราคาทอง มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ความไม่แน่นอนทางการเงินและการเมืองโลกสูงขึ้น นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจน
สำหรับนักลงทุนที่สนใจในตลาด การลงทุนต่างประเทศ หรือ การซื้อขายสกุลเงิน การทำความเข้าใจแนวโน้มของธนาคารกลางต่างๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจมีการลด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในอนาคต อาจส่งผลให้สกุลเงินในภูมิภาคเอเชียบางสกุลแข็งค่าขึ้นได้ นี่คือโอกาสในการทำกำไรสำหรับผู้ที่เข้าใจกลไกของตลาด อัตราแลกเปลี่ยน
หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ความต้องการในการ ซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน ที่หลากหลาย และสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี เราขอแนะนำ Moneta Markets ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจากออสเตรเลียที่ได้รับความไว้วางใจ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น คู่สกุลเงิน หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น และนักลงทุนมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือขั้นสูง
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการศึกษาและใช้ เทคนิคการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เพื่อจับสัญญาณการกลับตัวของราคา หรือแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น การเข้าใจรูปแบบราคา อินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น Moving Averages, RSI หรือ MACD จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายได้อย่างมีหลักการมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด และไม่ลงทุนเกินกว่าที่คุณจะรับความเสี่ยงได้
ในภาวะที่เศรษฐกิจ ชะลอตัว และ เงินเฟ้อติดลบ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท และในตลาดที่แตกต่างกันทั่วโลก จะช่วยลดผลกระทบจากความเสี่ยงเฉพาะเจาะจงของประเทศใดประเทศหนึ่งได้ และหากคุณกำลังพิจารณาแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีความยืดหยุ่นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย Moneta Markets ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น ด้วยการรองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4, MT5, และ Pro Trader พร้อมด้วยการดำเนินการคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็วและ สเปรดที่ต่ำ ช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การเทรดที่ดีที่สุดแม้ในสถานการณ์ตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินเพื่อรับมืออนาคต
จากที่เราได้สำรวจสัญญาณและปัจจัยต่างๆ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจไทย และ เศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่ลดลง สงครามการค้า เงินเฟ้อติดลบ หรือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง เราจะเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีความซับซ้อนและท้าทายอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่อาจนำไปสู่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่แท้จริงได้
ในฐานะนักลงทุน เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ แต่เราสามารถควบคุมการตัดสินใจและการเตรียมพร้อมของตัวเองได้ การมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ จะช่วยให้คุณ คาดการณ์เศรษฐกิจ และปรับแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องเงินลงทุนของคุณและหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
สิ่งสำคัญคือการไม่ตื่นตระหนก แต่ใช้ข้อมูลและความรู้เป็นเครื่องนำทาง พิจารณากลยุทธ์การลงทุนแบบระมัดระวัง เน้นการลงทุนที่มีคุณภาพและมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม รวมถึงการเตรียมพร้อมด้านสภาพคล่องทางการเงินให้เพียงพอ เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และหากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ ฟอเร็กซ์ ที่มีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวดและบริการที่ครบวงจร Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรพิจารณา เพราะมีใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับสากลอย่าง FSCA, ASIC, และ FSA พร้อมระบบการดูแลเงินทุนของลูกค้าแบบแยกบัญชี (Segregated Accounts) และบริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
การลงทุนคือการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด และความรู้คือเข็มทิศที่ดีที่สุดของเรา ขอให้คุณโชคดีกับการเดินทางบนเส้นทางสายการลงทุน และสามารถฝ่าฟันทุกความท้าทายไปได้ด้วยสติปัญญาและข้อมูลที่ถูกต้องครับ
ดัชนีความเชื่อมั่น |
เดือนพฤษภาคม |
ระดับที่ผ่านมา |
ระดับปัจจุบัน |
ความเชื่อมั่นผู้บริโภค |
เมษายน |
55.4 |
54.2 |
เศรษฐกิจไทยโดยรวม |
พฤษภาคม |
50.1 |
48.1 |
โอกาสในการหางานทำ |
พฤษภาคม |
55.9 |
51.9 |
รายได้ในอนาคต |
พฤษภาคม |
63.5 |
62.7 |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Q:ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคืออะไร?
A:ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวติดต่อกันเป็นเวลาสองไตรมาสหรือลงมากกว่า 0.5% เป็นเวลาหลายเดือน.
Q:เหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงถดถอย?
A:ความไม่แน่นอนทางการเมือง, การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, และการลดลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงถดถอย.
Q:นักลงทุนควรทำอย่างไรเมื่อเศรษฐกิจมีความเสี่ยง?
A:นักลงทุนควรทบทวนพอร์ตการลงทุน, กระจายความเสี่ยง, และติดตามข่าวสารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อตัดสินใจโดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง.