FVG ที่มีประสิทธิภาพ: ทำความเข้าใจช่องว่างของราคาใน Forex

สารบัญ

FVG คืออะไร? เจาะลึกแนวคิดช่องว่างราคาที่เทรดเดอร์ Smart Money ใช้ชี้ทิศทางตลาด

ในโลกของตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงิน การเข้าใจโครงสร้างราคาคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้เทรดสามารถ “อ่านเกม” ของกลุ่มผู้เล่นใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในแนวคิดที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ใช้แนวทาง Smart Money Concepts (SMC) คือ “FVG” หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fair Value Gap ซึ่งไม่ใช่แค่แนวคิดทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ใช้คาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคาได้จริง

หากอธิบายอย่างง่าย FVG คือช่องว่างที่เกิดขึ้นบนกราฟราคาเมื่อแรงซื้อหรือแรงขายนำไปสู่การเคลื่อนตัวของราคาอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนตลาดไม่สามารถซื้อขายกันอย่างต่อเนื่องในระดับราคาบางช่วง ทำให้เกิด “ความไม่สมดุล” หรือที่เรียกว่า Imbalance ขึ้นมา ช่องว่างนี้มักเกิดจากกิจกรรมการซื้อขายของสถาบันการเงิน หรือที่เรียกกันว่า “เจ้ามือ” ซึ่งต้องการดันราคาให้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปิดสถานะขนาดใหญ่ในราคาที่ไม่เหมาะสม

สิ่งที่ทำให้ FVG น่าสนใจคือ ตลาดมีแนวโน้มที่จะย้อนกลับมา “เติมเต็ม” หรืออย่างน้อยก็ “ทดสอบ” ช่องว่างเหล่านี้ในอนาคต เพราะตามหลักการของความสมดุลทางการตลาด ราคามักจะพยายามปิดจุดที่เกิดความไม่สมดุล เพื่อฟื้นฟูประสิทธิภาพของการซื้อขาย จึงไม่แปลกที่เทรดเดอร์ทั่วโลกจะใช้ FVG เป็นพื้นที่ที่น่าจับตาทั้งในการเข้าเทรดและการตั้งเป้าหมายกำไร

illustration of forex trading with FVG

วิธีระบุ FVG บนกราฟ: รูปแบบ 3 แท่งเทียนที่บ่งบอกแรงขับเคลื่อนที่ซ่อนอยู่

การค้นหา FVG ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือซับซ้อน เพียงแค่สังเกตรูปแบบของแท่งเทียน 3 แท่งติดกัน ก็สามารถระบุตำแหน่งของช่องว่างที่มีนัยสำคัญได้แล้ว ซึ่งมักถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Bullish FVG และ Bearish FVG ขึ้นอยู่กับทิศทางของแรงขับเคลื่อน

การเข้าใจรูปแบบเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณสามารถนำ FVG ไปใช้ได้ในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นกราฟรายชั่วโมง (H1) ราย 4 ชั่วโมง (H4) หรือแม้แต่ราย 15 นาที (M15) โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้มจาก Timeframe ใหญ่ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับการตัดสินใจอย่างมาก

Bullish FVG: สัญญาณแรงซื้อที่พุ่งทะยาน

Bullish FVG เกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อมีความเข้มข้นสูงและผลักดันราคาให้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งร่องรอยของ “ช่องว่าง” ไว้ด้านล่าง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านรูปแบบของแท่งเทียน 3 แท่งติดกันดังนี้:

  • แท่งที่ 1: เป็นแท่งเทียนสีแดงหรือแท่งลง แสดงถึงแรงขายที่ยังมีอยู่ในตลาด
  • แท่งที่ 2: เป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ที่แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างรุนแรง
  • แท่งที่ 3: ตามด้วยแท่งเขียวอีกหนึ่งแท่ง ยืนยันว่าแรงซื้อยังคงควบคุมสถานการณ์

ช่วงของช่องว่างจะอยู่ระหว่าง “จุดสูงสุด” ของแท่งที่ 1 และ “จุดต่ำสุด” ของแท่งที่ 3 โซนนี้ถือเป็นบริเวณแนวรับที่น่าสนใจ เพราะมีแนวโน้มว่าราคาจะย้อนกลับลงมาทดสอบก่อนที่จะเดินหน้าต่อในทิศทางขึ้น

concept of fair value gaps in market

Bearish FVG: แรงเทขายที่ท่วมท้นและทิ้งร่องรอยไว้

ในทางกลับกัน Bearish FVG เกิดขึ้นเมื่อแรงขายควบคุมตลาดอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งช่องว่างไว้ด้านบน โดยรูปแบบจะกลับด้านกับ Bullish FVG ดังนี้:

  • แท่งที่ 1: เป็นแท่งเทียนสีเขียวหรือแท่งขึ้น แสดงถึงความพยายามในการดันราคา
  • แท่งที่ 2: เป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ที่แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างหนัก
  • แท่งที่ 3: ตามด้วยแท่งแดงอีกหนึ่งแท่ง ยืนยันการควบคุมของฝั่งขาย

ช่วงของช่องว่างจะอยู่ระหว่าง “จุดต่ำสุด” ของแท่งที่ 1 และ “จุดสูงสุด” ของแท่งที่ 3 โซนนี้มักทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง และเป็นพื้นที่ที่เทรดเดอร์มักจับตาเพื่อหาจังหวะเข้าขาย

ในทางปฏิบัติ นักเทรดมักใช้ Timeframe ใหญ่ เช่น H4 หรือ Daily เพื่อหาแนวโน้มหลักและระบุ FVG ที่มีความน่าเชื่อถือ จากนั้นจึงลงมาใช้กราฟเล็กกว่า เช่น H1 หรือ M15 เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำยิ่งขึ้น

visual representation of bullish and bearish FVG

กลยุทธ์การเทรดด้วย FVG: ใช้ช่องว่างเป็นจุดเข้าและเป้าหมาย

หัวใจของกลยุทธ์ FVG คือการคาดการณ์พฤติกรรมของตลาดที่มีแนวโน้มจะย้อนกลับมาเติมเต็มพื้นที่ที่เกิดความไม่สมดุล การใช้ FVG อย่างมีวินัยจึงช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้ทั้งจุดเข้า จุดตัดขาดทุน และเป้าหมายกำไรอย่างมีเหตุผล

กลยุทธ์การเข้าเทรด: เข้าที่จุดทดสอบ ไม่ใช่จุดทำลาย

การรอให้ราคา “ย้อนกลับมา” ที่โซน FVG คือจุดที่มีความเสี่ยงต่ำและโอกาสสูง ไม่ใช่การตามราคาไปในจังหวะที่พุ่งแรงแล้ว

  • สำหรับ Bullish FVG: คุณสามารถวางคำสั่งซื้อแบบ Buy Limit ที่ขอบบนของโซน หรือรอให้ราคาเข้ามาในโซนแล้วเกิดสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนรีเวิร์ส (Pin Bar, Bullish Engulfing) ก่อนค่อยเข้าเทรด
  • สำหรับ Bearish FVG: ให้พิจารณาขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้นมาถึงโซน และเกิดสัญญาณขายนำ เช่น Bearish Engulfing หรือ Rejection ที่ขอบล่างของช่องว่าง

ในการตั้งจุด Stop Loss ควรวางให้พ้นโซน FVG ออกไปเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนสั้นๆ ตัวอย่างเช่น สำหรับ Bullish FVG ให้วาง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดของแท่งที่ 2 (แท่งที่สร้างแรงขับเคลื่อน) และสำหรับ Bearish FVG ให้วางเหนือจุดสูงสุดของแท่งที่ 2

ใช้ FVG เป็นเป้าหมาย: มองไกลกว่าการเข้าเทรด

ไม่เพียงแค่ใช้ FVG เป็นจุดเข้า เทรดเดอร์มืออาชีพยังใช้ FVG ที่ยังไม่ถูกเติมเต็มเป็นเป้าหมายในการทำกำไรอีกด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังเทรดขาขึ้นจาก Bullish FVG คุณสามารถมองหา Bearish FVG ที่อยู่เหนือขึ้นไปเป็น Take Profit Zone เพราะมีแนวโน้มสูงที่ราคาจะเดินทางไปเติมเต็มช่องว่างนั้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของตลาดที่พยายาม “แก้ไขความผิดปกติ”

FVG ขั้นสูง: เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Fresh FVG และ Mitigated FVG

เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับการหา FVG แล้ว จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเรียนรู้ว่า “ไม่ใช่ทุก FVG ที่ควรใช้”

Mitigated FVG คือช่องว่างที่ราคาได้กลับเข้ามา “เติมเต็ม” หรือผ่านเข้าไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าตลาดได้จัดการกับความไม่สมดุลนั้นไปแล้ว พลังของโซนนี้จึงลดลงอย่างมาก หรือแม้แต่หมดไปโดยสิ้นเชิง

ในทางตรงกันข้าม Fresh FVG หรือที่บางทีเรียกว่า Virgin FVG คือช่องว่างที่ยังไม่เคยถูกราคากลับมาแตะเลย ซึ่งถือว่ามีพลังมากที่สุด เพราะยังไม่มีการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพเกิดขึ้นในบริเวณนั้น และมีโอกาสสูงที่ตลาดจะ “ดึงดูด” ราคาให้กลับมา

ดังนั้น กฎทองของการใช้ FVG คือ: ให้เทรดกับ Fresh FVG เสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้ Mitigated FVG ซ้ำ เพราะความน่าจะเป็นในการกลับตัวจะต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ

เครื่องมือช่วยเทรด: FVG Indicator บน TradingView ที่ควรรู้จัก

สำหรับผู้เริ่มต้น การสแกนหา FVG ด้วยตาอาจใช้เวลาและเสี่ยงต่อการมองข้ามโอกาส โชคดีที่แพลตฟอร์มอย่าง TradingView มีอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยระบุ FVG โดยอัตโนมัติ

หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมและมีความแม่นยำสูงคือ Fair Value Gaps by LuxAlgo ซึ่งเป็นอินดิเคเตอร์ฟรีที่สามารถแสดงโซน Bullish และ Bearish FVG ได้อย่างชัดเจนด้วยกล่องสีที่ต่างกัน ช่วยให้การวิเคราะห์เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น

วิธีเพิ่ม FVG Indicator ลงในกราฟ:

  1. เปิดกราฟใน TradingView
  2. คลิกที่ปุ่ม “Indicators” บนแถบเมนู
  3. พิมพ์ “Fair Value Gaps LuxAlgo” ในช่องค้นหา
  4. เลือกอินดิเคเตอร์จากผลลัพธ์แล้วกดเพิ่ม

เมื่อติดตั้งแล้ว คุณจะเห็นกล่องสีปรากฏขึ้นบนกราฟทันที แต่ควรจำไว้ว่า อินดิเคเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือช่วยยืนยัน ไม่ใช่ตัวตัดสิน คุณยังคงต้องเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของ FVG และบริบทของตลาดโดยรวมเพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดตามสัญญาณเทียม

FVG ในมุมมองกว้าง: เชื่อมโยงกับ CHOCH และโครงสร้างตลาด

การใช้ FVG อย่างมีประสิทธิภาพต้องไม่แยกจากบริบทของตลาด ยิ่งคุณสามารถเชื่อมโยง FVG เข้ากับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เช่น CHOCH (Change of Character) และโครงสร้างตลาด (Market Structure) ได้ ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับกลยุทธ์ของคุณ

CHOCH คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าแนวโน้มเดิมอาจกำลังจะหมดแรง ตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาลง หากราคาสามารถดีดตัวขึ้นและทำ Higher High ได้ หลังจากเคยทำ Lower Low นั่นคือสัญญาณของ CHOCH ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทาง

ตัวอย่างการตั้งค่าเทรดที่มีความน่าจะเป็นสูง:

  1. ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง และเกิด Bearish FVG
  2. จากนั้นราคาเริ่มดีดตัวและเกิด CHOCH (ทำลายโครงสร้างขาลง)
  3. ในจังหวะกลับตัว ราคาสร้าง Bullish FVG ขึ้นมาใหม่
  4. คุณรอให้ราคาถอยกลับมาทดสอบ Bullish FVG นี้ แล้วเข้าเทรด Buy ตามแนวโน้มใหม่

กลยุทธ์นี้ไม่เพียงใช้ FVG เป็นจุดเข้า แต่ยังมี CHOCH เป็นตัวยืนยันทิศทาง ทำให้เกิด “Confluence” หรือปัจจัยสนับสนุนหลายชั้น ซึ่งเป็นหัวใจของการเทรดแบบ Smart Money ที่ใช้ประโยชน์จากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Inefficiency)

traders analyzing price gaps

สำหรับผู้ที่มองหาโบรกเกอร์ที่เข้ากันได้ดีกับการใช้กลยุทธ์ SMC และ FVG อย่างมืออาชีพ Moneta Markets เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามอง ด้วยสเปรดต่ำ เซิร์ฟเวอร์ที่เสถียร และรองรับการใช้งานกับเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง ทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ FVG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการความเร็วในการเข้าออกคำสั่ง

FVG ใช้ได้ กี่ ครั้ง?

โดยหลักการ FVG ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ FVG ที่ยังไม่เคยถูกทดสอบ หรือที่เรียกว่า Fresh หรือ Virgin FVG ซึ่งหมายความว่า FVG ควรถูกใช้เพียงครั้งเดียว เมื่อราคาเข้ามาในโซนและ “เติมเต็ม” ไปแล้ว (Mitigated) พลังของมันจะลดลงอย่างมาก และไม่ควรพิจารณาใช้ซ้ำอีก

FVG กับ Imbalance Forex คือสิ่งเดียวกันหรือไม่?

ใช่ FVG และ Imbalance คือแนวคิดเดียวกัน โดย FVG เป็นรูปแบบเฉพาะของ Imbalance ที่เกิดจากลักษณะการเคลื่อนตัวของแท่งเทียน 3 แท่ง ทั้งสองคำนี้จึงมักถูกใช้สลับกันเพื่ออธิบายช่องว่างของราคาที่เกิดจากแรงซื้อหรือแรงขายที่ไม่สมดุลกัน

Mitigated FVG คืออะไร และทำไมเราต้องสนใจ?

Mitigated FVG คือช่องว่างที่ราคาได้กลับมา “เติมเต็ม” หรือผ่านเข้าไปแล้ว ทำให้ความไม่สมดุลถูกจัดการไปแล้ว โซนนี้จะสูญเสียบทบาทเป็นแนวรับหรือแนวต้านอย่างมีนัยสำคัญ การแยกแยะระหว่าง Fresh และ Mitigated FVG จึงเป็นทักษะสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดในพื้นที่ที่มีโอกาสสำเร็จน้อย

ควรใช้ FVG ใน Timeframe ไหนดีที่สุด?

FVG พบได้ในทุก Timeframe แต่ FVG ที่เกิดใน Timeframe ใหญ่ เช่น H4 หรือ Daily มักมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากกว่า โดยทั่วไปเทรดเดอร์มืออาชีพจะใช้ Timeframe ใหญ่เพื่อหาทิศทางหลักและโซน FVG สำคัญ แล้วลงมาหาจังหวะเข้าเทรดใน Timeframe เล็กกว่า เช่น M15 หรือ H1 เมื่อราคาเข้ามาทดสอบ

มี FVG Indicator ใน TradingView ที่แนะนำหรือไม่?

มีหลายตัวที่น่าสนใจ โดย “Fair Value Gaps by LuxAlgo” เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมเพราะใช้ง่ายและแสดงผลชัดเจน นอกจากนี้ยังมี “FVG – Fair Value Gaps” หรือ “SMC Concepts” ที่รวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในตัวเดียว

ความแตกต่างระหว่าง FVG กับ Order Block คืออะไร?

แม้ทั้งสองจะอยู่ในแนวคิด SMC แต่มีความต่าง:

  • FVG (Fair Value Gap): คือ “ช่องว่าง” ระหว่างแท่งเทียน ที่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพ
  • Order Block (OB): คือ “แท่งเทียน” สุดท้ายก่อนการเคลื่อนไหวรุนแรง เป็นโซนที่เชื่อว่ามีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากจากสถาบัน

บ่อยครั้ง FVG จะเกิดใกล้กับ Order Block ซึ่งทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นโซนที่มีน้ำหนักมาก

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า FVG โซนไหนมีความแข็งแกร่งและน่าเทรด?

FVG ที่แข็งแกร่งมักมีลักษณะเหล่านี้:

  • Fresh FVG: ยังไม่เคยถูกทดสอบ
  • ขนาดใหญ่และชัดเจน: บ่งบอกถึงความไม่สมดุลที่รุนแรง
  • เกิดหลัง BOS หรือ CHOCH: แสดงถึงการเปลี่ยนโครงสร้างตลาด
  • สอดคล้องกับแนวโน้ม Timeframe ใหญ่: ช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นของการชนะ

จำเป็นต้องใช้ FVG ร่วมกับ CHOCH หรือโครงสร้างตลาดอื่นเสมอไปหรือไม่?

ไม่จำเป็น แต่ แนะนำอย่างยิ่ง การใช้เพียง FVG อาจทำให้คุณเทรดสวนเทรนด์หลักได้ การรวม FVG กับ CHOCH หรือ BOS จะช่วยเพิ่ม Confluence และทำให้กลยุทธ์ของคุณมีเหตุผลและมีโอกาสชนะสูงขึ้นอย่างชัดเจน

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *