Leverage Forex คืออะไร? 5 สิ่งที่เทรดเดอร์ไทยควรรู้เพื่อทำกำไรอย่างยั่งยืน

สารบัญ

บทนำ: เลเวอเรจ Forex คืออะไร?

ในวงการลงทุนที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ตลาดฟอเร็กซ์หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถือเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยสภาพคล่องและดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องมืออย่างเลเวอเรจ (Leverage) ที่ช่วยเสริมพลังให้เทรดเดอร์เพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เหมือนดาบสองคมที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง บทความนี้จะพาคุณสำรวจความหมาย หลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย และเคล็ดลับการควบคุมความเสี่ยงในการใช้เลเวอเรจกับตลาดฟอเร็กซ์ โดยมุ่งเน้นที่เทรดเดอร์ชาวไทย โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นใหม่ เพื่อให้คุณเข้าใจลึกซึ้งและนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างชาญฉลาด

เลเวอเรจในฟอเร็กซ์คืออะไร? มันคือกลไกที่โบรกเกอร์เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ควบคุมตำแหน่งการเทรดขนาดใหญ่เกินกว่าทุนจริงในบัญชี คล้ายกับการกู้ยืมทุนจากโบรกเกอร์เพื่อขยายขอบเขตการลงทุน ทำให้คุณเข้าถึงโอกาสในตลาดที่ปกติต้องใช้เงินก้อนโต แต่แน่นอนว่าพร้อมกับโอกาสกำไรที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณเช่นกัน

ภาพประกอบการนำเสนอเลเวอเรจฟอเร็กซ์ในฐานะดาบสองคมที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุน

กลไกการทำงานของเลเวอเรจ Forex: คุณควบคุมได้อย่างไร?

การรู้ว่าเลเวอเรจทำงานอย่างไรคือพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเข้าใจ เพราะมันเป็นหัวใจของการเทรดฟอเร็กซ์ที่หลายคนอาจยังงงงวยอยู่

เลเวอเรจทำงานอย่างไรในตลาดฟอเร็กซ์?

เลเวอเรจช่วยให้คุณเปิดตำแหน่งการเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริงในบัญชีมากนัก ตัวอย่างเช่น ถ้าโบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ 1:100 หมายความว่าด้วยทุน 1 ดอลลาร์ คุณควบคุมการเทรดได้ถึง 100 ดอลลาร์ ถ้าคุณมีทุน 1,000 ดอลลาร์ คุณจึงเปิดตำแหน่งมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ได้สบายๆ

ถ้าเลเวอเรจสูงกว่านั้น เช่น 1:500 ด้วยทุนเดียวกัน คุณจะควบคุมตำแหน่งได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ นี่แหละที่ทำให้ฟอเร็กซ์น่าลงทุนสำหรับคนทุนน้อย เพราะช่วยให้เล่นล็อตใหญ่และจับจังหวะผันผวนของราคาได้ แม้การเคลื่อนไหวจะน้อยนิด

ภาพประกอบวิธีการทำงานของเลเวอเรจฟอเร็กซ์ที่เทรดเดอร์ควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยทุนน้อย

ความสัมพันธ์ระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้น (Margin)

เลเวอเรจกับมาร์จิ้นคือคู่หูที่ขาดกันไม่ได้ในฟอเร็กซ์ มาร์จิ้นคือเงินมัดจำที่คุณต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดและถือตำแหน่ง ถ้าใช้เลเวอเรจสูง มาร์จิ้นที่ต้องใช้ก็จะน้อยลงสำหรับตำแหน่งขนาดเดียวกัน

สมมติว่าคุณอยากเปิด 1 Standard Lot (100,000 หน่วยเงินฐาน) ด้วยเลเวอเรจ 1:100 คุณต้องใช้มาร์จิ้น 1,000 ดอลลาร์ (100,000 / 100) แต่ถ้าเลเวอเรจ 1:500 มาร์จิ้นเหลือแค่ 200 ดอลลาร์ (100,000 / 500) การใช้มาร์จิ้นน้อยลงนี้ช่วยให้ทุนในบัญชีเหลือเยอะขึ้นสำหรับเปิดตำแหน่งอื่นหรือรับมือขาดทุน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารพอร์ต

ข้อดีของเลเวอเรจ Forex: โอกาสในการสร้างกำไรที่มากขึ้น

ถ้าใช้เลเวอเรจอย่างมีสติ มันจะกลายเป็นอาวุธลับที่ช่วยยกระดับการเทรด โดยเฉพาะเรื่องโอกาสกำไรและการใช้ทุนให้คุ้มค่า

1. เพิ่มโอกาสในการสร้างกำไร: ข้อดีหลักคือการขยายกำไร ถ้าคุณวิเคราะห์ถูกและตลาดไปตามคาด กำไรจะโตขึ้นตามขนาดตำแหน่ง เช่น ทุน 1,000 ดอลลาร์ กำไร 1% โดยไม่ใช้เลเวอเรจได้แค่ 10 ดอลลาร์ แต่ถ้าใช้ 1:100 กับตำแหน่ง 100,000 ดอลลาร์ กำไร 1% จะพุ่งเป็น 1,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว

ภาพประกอบประโยชน์ของเลเวอเรจฟอเร็กซ์ที่เพิ่มศักยภาพกำไรให้เทรดเดอร์

2. ประสิทธิภาพในการใช้เงินทุน: เลเวอเรจให้คุณควบคุมตำแหน่งใหญ่ด้วยทุนน้อย ทำให้เงินส่วนที่เหลือเอาไปเปิดดีลอื่นหรือเป็นกันชนรับความผันผวนได้ดีกว่า สุดท้ายคือการใช้ทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. เข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย: สำหรับคนทุนจำกัด เลเวอเรจเปิดประตูให้เล่นคู่เงินหลักที่มีมูลค่าสูง โดยไม่ต้องมีเงินเริ่มต้นก้อนโต ทำให้ฟอเร็กซ์กลายเป็นตลาดที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้

ข้อเสียและความเสี่ยงของเลเวอเรจ Forex: ดาบสองคมที่ต้องระวัง

ถึงเลเวอเรจจะมีดี แต่ถ้าจัดการไม่ดี มันก็กลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายตัวเองได้ การรู้จุดอ่อนเหล่านี้จะช่วยคุณป้องกันการเสียหายใหญ่

1. ขยายขนาดการขาดทุน: เหมือนขยายกำไร เลเวอเรจก็ขยายขาดทุนด้วย ถ้าตลาดสวนทาง ขาดทุนจะมาแบบเร็วและหนักหน่วง จนทุนในบัญชีหายวับไปได้

2. ความเสี่ยงต่อการถูก Margin Call และ Stop Out: นี่คือฝันร้ายของเทรดเดอร์เลเวอเรจสูง ถ้าตำแหน่งขาดทุนจนทุนคงเหลือ (Equity) ต่ำกว่ามาร์จิ้นที่ต้องใช้ โบรกเกอร์จะเรียก Margin Call ให้เติมเงินหรือปิดดีล ถ้าไม่ทำและขาดทุนต่อ โบรกเกอร์จะ Stop Out โดยปิดตำแหน่งขาดทุนอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้บัญชีติดลบเกิน ซึ่งมักหมายถึงเสียทุนเกือบหมด

3. ผลกระทบทางจิตวิทยา: เลเวอเรจสูงสร้างความเครียดมหาศาล การขึ้นลงรุนแรงของกำไรขาดทุนอาจจุดประกายความกลัวหรือความโลภ นำไปสู่การตัดสินใจพลาดที่ทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น

การเลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่เหมาะสม: สำหรับเทรดเดอร์ไทย

การเลือกเลเวอเรจที่ใช่คือก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จ ไม่มีสูตรตายตัว เพราะต้องดูจากปัจจัยส่วนตัวหลายอย่าง

1. ประสบการณ์ในการเทรด: มือใหม่ควรเริ่มต่ำๆ เช่น 1:10 ถึง 1:50 เพื่อศึกษาตลาดและฝึกจัดการความเสี่ยง พอชำนาญค่อยเพิ่ม

2. เงินทุนเริ่มต้น: ถ้าทุนน้อย อาจต้องใช้เลเวอเรจสูงหน่อยเพื่อเปิดตำแหน่งพอดี แต่ต้องมีทุนสำรองรับขาดทุนเสมอ

3. กลยุทธ์การเทรด: ถ้าเล่นสั้นอย่าง Scalping ที่จับกำไรเล็กๆ จากผันผวนระยะใกล้ อาจใช้เลเวอเรจสูงเพื่อให้คุ้ม แต่กลยุทธ์ยาวๆ ควรต่ำกว่า

4. ความทนทานต่อความเสี่ยง: ประเมินตัวเองว่าทนขาดทุนได้แค่ไหน ถ้าไม่ชอบเสี่ยงหนัก เลเวอเรจต่ำจะปลอดภัยกว่า

สำหรับเทรดเดอร์ไทย ต้องรู้ว่าฟอเร็กซ์ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับตรงๆ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก.ล.ต. ไทย เคยเตือนเรื่องเทรดกับโบรกเกอร์ไม่ได้รับอนุมัติ ดังนั้นเลือกโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีใบอนุญาตน่าเชื่อถือ เช่น FCA, CySEC, ASIC ซึ่งมักให้เลเวอเรจตั้งแต่ 1:30 (ตามกฎยุโรป) ถึง 1:500 หรือมากกว่า ควรเปรียบเทียบเงื่อนไขมาร์จิ้นแต่ละเจ้าให้ดี

ตารางเปรียบเทียบอัตราส่วนเลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการ (ตัวอย่างสำหรับสถานะ 1 Standard Lot = 100,000 USD)

อัตราส่วนเลเวอเรจ มาร์จิ้นที่ต้องการ (USD) อำนาจในการซื้อขาย (USD)
1:10 10,000 100,000
1:50 2,000 100,000
1:100 1,000 100,000
1:200 500 100,000
1:500 200 100,000

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเมื่อใช้เลเวอเรจ Forex

การจัดการความเสี่ยงคือหัวใจหลักในการใช้เลเวอเรจ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือโปร วินัยและแผนการชัดเจนจะช่วยให้คุณอยู่รอดยาวๆ ในตลาด

1. กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) เสมอ: นี่คือพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ Stop Loss จำกัดขาดทุนสูงสุดต่อดีล ส่วน Take Profit ล็อกกำไรเมื่อถึงเป้า การตั้งแต่แรกช่วยลดอารมณ์รบกวนและป้องกันความผิดพลาด

2. การคำนวณขนาด Position (Position Sizing) อย่างเหมาะสม: อย่าใช้เลเวอเรจเกินตัว คำนวณขนาดตำแหน่งให้พอดีกับทุนและความเสี่ยง โดยปกติไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ต่อเทรด ถ้าทุน 1,000 ดอลลาร์ ขาดทุนสูงสุดต่อครั้งควรไม่เกิน 10-20 ดอลลาร์ วิธีนี้ช่วยป้องกัน Margin Call ได้ดี

3. มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: ก่อนลงสนาม ต้องมีแผนกำหนดจุดเข้า จุดออก Stop Loss และ Take Profit การยึดแผนช่วยสร้างวินัยและหลีกเลี่ยงการเทรดแบบอารมณ์ ซึ่งเป็นบ่ออสูญของเทรดเดอร์หลายคน

4. ทำความเข้าใจกับ Margin Level: จับตาระดับมาร์จิ้นใกล้ชิด ถ้าลดลง ควรลดขนาดตำแหน่งหรือเติมทุนเพื่อหลีกเลี่ยง Stop Out

จากที่เห็นในฟอรัมไทยอย่าง Pantip (Pantip Forex Forum) เทรดเดอร์หลายรายล้างพอร์ตเพราะจัดการความเสี่ยงห่วยและใช้เลเวอเรจเกินตัวโดยไม่มีแผน ดังนั้นอย่าประมาทกลยุทธ์เหล่านี้

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของมือใหม่ในการใช้เลเวอเรจ Forex

มือใหม่มักพลาดท่าเดิมๆ ในการใช้เลเวอเรจ ถ้าเรียนรู้จากตรงนี้ จะช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายไม่จำเป็น

1. ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป (Over-leveraging): พบบ่อยสุดคือใช้เลเวอเรจสูงเกินทุนและความรู้ หวังกำไรไว แต่ส่วนใหญ่ขาดทุนหนักและเร็ว

2. ไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: เทรดแบบมั่วๆ โดยไม่มีจุดเข้า-ออก-ตัดขาดทุน ทำให้ตัดสินใจตามอารมณ์และเสี่ยงสูง

3. ไม่เข้าใจมาร์จิ้นและ Margin Call: หลายคนไม่รู้จริงๆ ว่ามาร์จิ้นคืออะไรและ Margin Call กระทบยังไง จนโดนเรียกเติมหรือ Stop Out แล้วค่อยงง

4. การไล่ตามตลาด (Chasing the Market): เห็นราคาวิ่งแล้วรีบไล่ตามด้วยเลเวอเรจสูง หวังกำไรใหญ่ แต่ส่วนใหญ่เข้าตรงจุดกลับตัว ทำให้ขาดทุนง่าย

5. ไม่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด: ไม่บันทึกหรือทบทวนการเทรด ทำให้พลาดซ้ำๆ และไม่พัฒนา

สรุป: เลเวอเรจ Forex คือโอกาสและความท้าทาย

เลเวอเรจในฟอเร็กซ์คือเครื่องมือสุดแกร่งที่เปิดโอกาสกำไรน่าตื่นเต้น แต่ก็ท้าทายด้วยความเสี่ยงสูง มันเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ฉลาดจะพาคุณทะยาน แต่ถ้าขาดความรู้และการจัดการ อาจพังยับ

กุญแจสู่ความสำเร็จคือความเข้าใจและการควบคุม รู้จักกลไกเลเวอเรจ-มาร์จิ้น เลือกอัตราส่วนที่เหมาะกับตัวเองและความเสี่ยง รวมถึงกลยุทธ์แข็งแกร่งอย่างตั้ง Stop Loss คำนวณ Position Sizing และเทรดด้วยวินัย สิ่งเหล่านี้จะช่วยควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสกำไรยั่งยืน เรียนรู้ไม่หยุด ฝึกฝน และเทรดอย่างมีสติ เพื่อให้เลเวอเรจเป็นพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรู

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเวอเรจ Forex (FAQ)

1. Leverage 1:200 หมายความว่าอะไร และมีผลอย่างไรกับบัญชีเทรด?

Leverage 1:200 หมายความว่า คุณสามารถควบคุมสถานะการซื้อขายที่มีมูลค่าเป็น 200 เท่าของเงินทุนที่คุณมีในบัญชี ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงิน 100 ดอลลาร์ คุณจะสามารถเปิดสถานะที่มีมูลค่าได้ถึง 20,000 ดอลลาร์ ผลคือ คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากเงินทุนจำนวนเท่าเดิม แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้นเช่นกันหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง

2. ควรตั้ง Leverage เท่าไหร่ดีสำหรับมือใหม่ในตลาดฟอเร็กซ์ไทย?

สำหรับมือใหม่ในตลาดฟอเร็กซ์ไทย ควรเริ่มต้นด้วยเลเวอเรจที่ต่ำ (เช่น 1:10 ถึง 1:50) เพื่อลดความเสี่ยงและให้โอกาสในการเรียนรู้กลไกของตลาดและฝึกฝนการบริหารความเสี่ยง การใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไปสำหรับมือใหม่สามารถนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็วได้

3. เลเวอเรจสูงอันตรายไหม และทำไมโบรกเกอร์ถึงเสนอเลเวอเรจที่แตกต่างกัน?

เลเวอเรจสูงอันตรายมากหากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพราะมันจะขยายทั้งกำไรและขาดทุน โบรกเกอร์เสนอเลเวอเรจที่แตกต่างกันเนื่องจากหลายปัจจัย:

  • ข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล: โบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด (เช่น ในยุโรป) มักจะถูกจำกัดเลเวอเรจไว้ที่ 1:30
  • นโยบายของโบรกเกอร์: โบรกเกอร์บางรายมีนโยบายเสนอเลเวอเรจสูงเพื่อดึงดูดลูกค้า
  • ประเภทบัญชี: บัญชีบางประเภทอาจมีข้อเสนอเลเวอเรจที่แตกต่างกัน

4. มาร์จิ้นกับเลเวอเรจต่างกันอย่างไร และมาร์จิ้นคอล (Margin Call) คืออะไร?

เลเวอเรจ (Leverage) คือ อัตราส่วนที่โบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเพิ่มอำนาจในการซื้อขาย

มาร์จิ้น (Margin) คือ เงินหลักประกันที่คุณต้องวางไว้กับโบรกเกอร์เพื่อเปิดและรักษาสถานะการซื้อขาย

มาร์จิ้นคอล (Margin Call) คือ การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์เมื่อเงินทุนในบัญชีของคุณ (Equity) ลดลงต่ำกว่าระดับมาร์จิ้นที่ต้องการ (Margin Requirement) ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังขาดทุนมากและโบรกเกอร์ต้องการให้คุณฝากเงินเพิ่มหรือปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง

5. การเทรด Forex ในประเทศไทยถูกกฎหมายไหม และเลเวอเรจมีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือไม่?

ปัจจุบัน การเทรด Forex กับโบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงาน ก.ล.ต. ของไทย ยังไม่ถือว่าถูกกฎหมายอย่างชัดเจน และไม่มีกฎหมายเฉพาะที่กำกับดูแลการซื้อขาย Forex โดยตรงสำหรับบุคคลทั่วไปในประเทศ ดังนั้นการใช้เลเวอเรจจึงไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ชัดเจนในไทย แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโบรกเกอร์ต่างชาติที่คุณเลือกใช้บริการเป็นหลัก

6. จะคำนวณกำไรขาดทุนเมื่อใช้เลเวอเรจได้อย่างไร?

การคำนวณกำไรขาดทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดของสถานะ (Lot Size) และจำนวน Pip ที่ราคาเคลื่อนไหว โดยไม่ขึ้นกับอัตราส่วนเลเวอเรจโดยตรง แต่เลเวอเรจทำให้คุณสามารถเปิดสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าต่อ Pip สูงขึ้น

สูตรทั่วไป: กำไร/ขาดทุน = (ขนาดสัญญา x การเปลี่ยนแปลงราคาเป็น Pip x มูลค่าต่อ Pip) ซึ่งมูลค่าต่อ Pip จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินและขนาดสัญญา

7. มีกลยุทธ์อะไรบ้างในการบริหารความเสี่ยงเมื่อใช้เลเวอเรจสูง?

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดเมื่อใช้เลเวอเรจสูง:

  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit เสมอ: จำกัดการขาดทุนและล็อกกำไร
  • คำนวณ Position Sizing อย่างรอบคอบ: ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนต่อการเทรด
  • รักษาระดับ Margin Level ให้สูง: มีเงินทุนสำรองเพียงพอ
  • อย่า Over-leverage: อย่าเปิดสถานะใหญ่เกินตัว
  • มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: เข้า-ออกอย่างมีวินัย

8. หากโดน Margin Call บ่อยๆ ควรแก้ไขอย่างไร?

หากโดน Margin Call บ่อยๆ แสดงว่าคุณกำลังบริหารความเสี่ยงได้ไม่ดีพอ ควรแก้ไขโดย:

  • ลดขนาด Position: เปิดสถานะให้เล็กลง
  • ลดอัตราส่วนเลเวอเรจ: ใช้เลเวอเรจที่ต่ำลง
  • เพิ่มเงินทุนในบัญชี: เพื่อให้มี Equity มากขึ้น
  • ทบทวนกลยุทธ์การเทรด: ปรับปรุงจุดเข้า/ออก และการวิเคราะห์
  • ตั้ง Stop Loss ให้เหมาะสม: ป้องกันการขาดทุนมากเกินไป

9. เลเวอเรจมีผลต่อการถอนเงินออกจากโบรกเกอร์หรือไม่?

เลเวอเรจโดยตรงไม่มีผลต่อกระบวนการถอนเงินออกจากโบรกเกอร์ การถอนเงินจะขึ้นอยู่กับยอด Equity ที่เหลืออยู่ในบัญชีของคุณ และข้อกำหนดในการถอนเงินของโบรกเกอร์นั้นๆ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีสถานะที่เปิดอยู่และใช้มาร์จิ้นไปมาก การถอนเงินอาจทำให้ Margin Level ของคุณลดลงจนเสี่ยงต่อการถูก Margin Call หรือ Stop Out ได้

10. โบรกเกอร์ไทยหรือต่างชาติ ควรเลือกใช้เลเวอเรจจากที่ไหนดีกว่ากัน?

เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก ก.ล.ต. การเลือกโบรกเกอร์จึงมักจะเป็นโบรกเกอร์ต่างชาติที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากลที่น่าเชื่อถือ (เช่น FCA, ASIC, CySEC) โบรกเกอร์เหล่านี้มักจะมีข้อเสนอเลเวอเรจที่หลากหลายกว่าและมีข้อกำหนดที่ชัดเจนกว่า การเลือกโบรกเกอร์ควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ใบอนุญาต และเงื่อนไขการเทรดโดยรวม ไม่ใช่แค่เพียงอัตราส่วนเลเวอเรจที่เสนอเท่านั้น

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *