1 Pip เท่ากับกี่จุด? ทำไมเทรดเดอร์ต้องรู้!
สำหรับผู้เริ่มต้นที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของการซื้อขายฟอเร็กซ์ สิ่งหนึ่งที่มักสร้างความสับสนมากที่สุด คือ คำว่า “Pip” และ “Point” ทั้งสองคำนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกัน แต่กลับมีความหมายและบทบาทต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเข้าใจว่า 1 Pip เท่ากับกี่จุด จึงไม่ใช่แค่การท่องคำนิยามเพื่อเอาไปตอบคำถาม แต่คือรากฐานสำคัญที่ช่วยให้คุณคำนวณกำไรขาดทุนได้แม่นยำ วางกลยุทธ์การซื้อขายได้ชัดเจน และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Pip กับ Point คุณอาจประเมินความเสี่ยงผิด ตั้งจุดหยุดขาดทุนผิดระยะ หรือแม้แต่คำนวณกำไรผิดหลายเท่าตัว ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในไม่กี่นาที บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ Pip และ Point อย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างจริงที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีในบัญชีเทรดของคุณ
Pip และ Point คืออะไร? ทำความเข้าใจความแตกต่างขั้นพื้นฐาน
ก่อนจะไปดูว่า 1 Pip เท่ากับกี่จุด ต้องเริ่มจากพื้นฐานของทั้งสองคำก่อน เพราะนี่คือกุญแจสำคัญในการอ่านกราฟและการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดฟอเร็กซ์

Pip (Percentage in Point) คืออะไร?
Pip เป็นหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ ย่อมาจาก “Percentage in Point” หรือบางทีก็เรียก “Price Interest Point” โดยทั่วไป คู่สกุลเงินส่วนใหญ่ เช่น EUR/USD หรือ GBP/USD จะแสดงราคาในรูปแบบทศนิยม 4 ตำแหน่ง ดังนั้น 1 Pip จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งทศนิยมตัวที่ 4
ตัวอย่างเช่น ถ้าราคา EUR/USD เคลื่อนจาก 1.1200 เป็น 1.1201 ถือว่าขยับขึ้น 1 Pip
แต่สำหรับคู่สกุลเงินที่มีเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นองค์ประกอบ เช่น USD/JPY ราคาจะแสดงเป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง ดังนั้น 1 Pip จึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งทศนิยมตัวที่ 2 ตัวอย่างเช่น เมื่อ USD/JPY เปลี่ยนจาก 109.50 เป็น 109.51 ก็ถือว่าขยับขึ้น 1 Pip เช่นกัน
Pip จึงเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการสื่อสารการเคลื่อนไหวของราคา และเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณมูลค่ากำไรขาดทุน ทั้งนี้ มูลค่าของ 1 Pip ไม่ได้เท่ากันทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงิน ขนาดล็อต และสกุลเงินที่ใช้ในบัญชีเทรดของคุณ
Point (จุด) คืออะไร?
Point หรือที่รู้จักในชื่อ “Pipette” คือหน่วยที่เล็กลงไปอีกของ Pip โดยทั่วไปแล้ว 1 Pip จะเท่ากับ 10 Point หรือพูดอีกอย่างคือ 1 Point = 0.1 Pip
ในยุคที่เทคโนโลยีและระบบการเสนอราคาของโบรกเกอร์มีความละเอียดสูงขึ้น หลายแพลตฟอร์มจึงเริ่มแสดงราคาในรูปแบบทศนิยม 5 ตำแหน่ง (สำหรับคู่เงินทั่วไป) หรือ 3 ตำแหน่ง (สำหรับคู่เงินที่มี JPY) จุดที่เพิ่มเข้ามาในตำแหน่งทศนิยมตัวที่ 5 หรือ 3 นี้ คือ “Point” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ถ้าราคา EUR/USD ขยับจาก 1.12000 เป็น 1.12001 หมายถึงขยับขึ้น 1 Point หรือเพียง 0.1 Pip เท่านั้น
การมี Point เพิ่มเข้ามาทำให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในระดับที่ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับกลยุทธ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การเทรดแบบ Scalping ที่ต้องตัดสินใจในช่วงเวลาไม่กี่วินาที

ความแตกต่างระหว่าง Pip และ Point ที่เทรดเดอร์ต้องระวัง
แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ความสับสนระหว่าง Pip และ Point อาจทำให้คุณขาดทุนหนักโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพูดว่า “ตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ 20 จุด” แต่ความจริงคุณหมายถึง 20 Pip
หากคุณกำลังใช้โบรกเกอร์ที่แสดงราคา 5 ตำแหน่งทศนิยม การตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ 20 “จุด” หมายถึงเพียง 2 Pip เท่านั้น ซึ่งระยะนี้อาจสั้นเกินไป ทำให้คำสั่งถูกกระตุ้นทันทีที่ตลาดมีการปรับตัวเพียงเล็กน้อย
ที่น่าสนใจคือ เทรดเดอร์ในประเทศไทยจำนวนมากมักใช้คำว่า “จุด” แทน “Pip” ในการพูดคุยทั่วไป ซึ่งอาจไม่เป็นปัญหาในวงสนทนา แต่เมื่อมาถึงการคำนวณจริงหรือการตั้งคำสั่งในแพลตฟอร์ม การแยกความแตกต่างให้ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็น
คุณสมบัติ | Pip (ปิ๊ป) | Point (จุด) |
---|---|---|
ความหมาย | หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาหลักที่เล็กที่สุด | หน่วยย่อยที่เล็กกว่า Pip (Fractional Pip) |
อัตราส่วน | 1 Pip | 10 Point (เสมอ) |
ตำแหน่งทศนิยม (คู่เงิน 4 ตำแหน่ง) | ตำแหน่งที่ 4 (เช่น 0.0001) | ตำแหน่งที่ 5 (เช่น 0.00001) |
ตำแหน่งทศนิยม (คู่เงิน 2 ตำแหน่ง) | ตำแหน่งที่ 2 (เช่น 0.01) | ตำแหน่งที่ 3 (เช่น 0.001) |
การใช้งาน | ใช้ในการคำนวณกำไร/ขาดทุน, ตั้ง SL/TP หลัก | ใช้ในการเสนอราคาที่ละเอียดขึ้นโดยโบรกเกอร์ |
วิธีคำนวณ 1 Pip เท่ากับกี่จุด และมูลค่า Pip ใน Forex (พร้อมตัวอย่าง)
เมื่อเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Pip และ Point แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีคำนวณมูลค่าของ Pip อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยงและการวางแผนการเทรด
สูตรพื้นฐานการคำนวณมูลค่า Pip
มูลค่าของ 1 Pip ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยใช้สูตรดังนี้
มูลค่า Pip (ในสกุลเงินอ้างอิง) = (ขนาดล็อต × ขนาดของ 1 Pip) / อัตราแลกเปลี่ยน (ถ้าจำเป็น)
โดย
- ขนาดล็อต: จำนวนหน่วยของสกุลเงินพื้นฐานที่คุณเทรด เช่น Standard Lot = 100,000 หน่วย, Mini Lot = 10,000 หน่วย
- ขนาดของ 1 Pip: ค่าคงที่ เช่น 0.0001 สำหรับคู่เงิน 4 ตำแหน่ง, 0.01 สำหรับคู่เงิน 2 ตำแหน่ง
- สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency): สกุลเงินตัวท้ายในคู่เงิน เช่น USD ใน EUR/USD
ตัวอย่างการคำนวณ Pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก (EUR/USD, USD/JPY)
1. คู่สกุลเงิน EUR/USD (4 ตำแหน่งทศนิยม)
สมมติว่าคุณเทรด 1 Standard Lot (100,000 หน่วย) ของ EUR/USD ที่ราคา 1.1200
- ขนาดล็อต: 100,000
- ขนาด Pip: 0.0001
- สกุลเงินอ้างอิง: USD
มูลค่า 1 Pip = 100,000 × 0.0001 = 10 USD ต่อ Pip
ดังนั้น หากราคาขยับขึ้น 1 Pip คุณจะได้กำไร 10 USD (ไม่รวมสเปรด)
2. คู่สกุลเงิน USD/JPY (2 ตำแหน่งทศนิยม)
สมมติว่าคุณเทรด 1 Standard Lot ของ USD/JPY ที่ราคา 109.50
- ขนาดล็อต: 100,000
- ขนาด Pip: 0.01
- สกุลเงินอ้างอิง: JPY
มูลค่า 1 Pip (ใน JPY) = 100,000 × 0.01 = 1,000 JPY
หากต้องการรู้มูลค่าใน USD: 1,000 / 109.50 ≈ 9.13 USD ต่อ Pip
การคำนวณ Pip สำหรับทองคำ (XAU/USD) และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
ทองคำ (XAU/USD) เป็นสินทรัพย์ที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ไทย แต่มีลักษณะเฉพาะในการคำนวณ Pip
โดยทั่วไป ทองคำแสดงราคาในรูปแบบทศนิยม 2 ตำแหน่ง เช่น 1950.50 ดังนั้น
- 1 Pip = การเปลี่ยนแปลง 0.01 USD (ทศนิยมตำแหน่งที่ 2)
- ขนาดล็อตมาตรฐานของทองคำ = 100 ออนซ์
มูลค่า 1 Pip = 100 × 0.01 = 1 USD ต่อ Pip (สำหรับ 1 Standard Lot)
หากคุณเทรด 1 Standard Lot และราคาทองคำขยับจาก 1950.50 เป็น 1951.50 หมายถึงขยับ 100 Pip หรือกำไร 100 USD
อย่างไรก็ตาม บางโบรกเกอร์อาจใช้คำว่า “จุด” หมายถึงการเปลี่ยนแปลง 1.00 USD ซึ่งเท่ากับ 100 Pip ดังนั้นควรตรวจสอบนิยามของโบรกเกอร์ที่คุณใช้เสมอ
Lot Size (ขนาดล็อต) มีผลอย่างไรต่อมูลค่า Pip และกำไร/ขาดทุน?
ขนาดล็อตที่คุณเลือกใช้มีผลโดยตรงต่อมูลค่าของแต่ละ Pip ยิ่งล็อตใหญ่ คุณก็ยิ่งได้กำไรหรือขาดทุนมากขึ้นต่อ 1 Pip ที่เคลื่อนไหว
- Standard Lot