โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำในประเทศไทย ปี 2025: เปรียบเทียบและเลือกให้เหมาะกับคุณ

สารบัญ

จัดอันดับโบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำและค่าคอมมิชชั่นถูกที่สุดในประเทศไทย (อัปเดต 2025)

การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีต้นทุนต่ำเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ชาวไทย ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์มายาวนาน ค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปสามารถกัดกร่อนผลตอบแทนได้อย่างเงียบเชียบ ยิ่งในปี 2025 ที่ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี โบรกเกอร์ต่างๆ ต่างปรับกลยุทธ์ด้านค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง ทั้งสเปรด เว้นค่าคอมมิชชั่น หรือแม้แต่การเสนอเงื่อนไขพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้การหา “โบรกเกอร์ที่คุ้มค่าที่สุด” กลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้การเปรียบเทียบเชิงลึก ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขเดียว

บทความนี้ไม่ใช่แค่การจัดลำดับชื่อโบรกเกอร์ที่ “สเปรดต่ำ” เพียงเท่านั้น แต่เป็นการวิเคราะห์อย่างรอบด้านเพื่อช่วยให้คุณค้นพบโบรกเกอร์ที่มี “ต้นทุนการเทรดโดยรวมต่ำที่สุด” ซึ่งรวมถึงสเปรดจริง ค่าคอมมิชชั่น ค่าสวอป (Swap) และค่าธรรมเนียมที่อาจมองข้ามได้ เช่น ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน หรือค่าใช้จ่ายเมื่อไม่ได้เทรดเป็นเวลานาน เรานำข้อมูลล่าสุดปี 2025 มาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และรักษาผลกำไรไว้ได้มากที่สุดในระยะยาว

illustration of forex broker comparison

สรุปจัดอันดับ: 5 โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในประเทศไทย ปี 2025

หากคุณต้องการคำตอบทันทีโดยไม่ต้องอ่านยาว เราได้สรุปโบรกเกอร์ 5 อันดับแรกที่มีต้นทุนการเทรดต่ำที่สุดและเหมาะกับเทรดเดอร์ชาวไทยในปี 2025 มาให้แล้วในตารางด้านล่าง

อันดับ โบรกเกอร์ จุดเด่นหลักด้านค่าธรรมเนียม เหมาะสำหรับ
1 IC Markets สเปรด Raw ต่ำที่สุดในตลาด เริ่มต้น 0.0 pips Scalpers และเทรดเดอร์ปริมาณสูง
2 Moneta Markets สมดุลที่สุดระหว่างสเปรด ECN ต่ำและคอมมิชชั่นที่คุ้มค่า เทรดเดอร์ทุกระดับที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
3 Exness ไม่มีค่าสวอป (Swap-Free) ในหลายสินทรัพย์หลัก Swing Traders และผู้ที่ถือออเดอร์ข้ามคืน
4 Pepperstone ค่าคอมมิชชั่นต่ำและมีแพลตฟอร์มให้เลือกหลากหลาย เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์หลากหลายและต้องการความยืดหยุ่น
5 Eightcap สเปรดต่ำในคู่สกุลเงินหลักและคริปโต เทรดเดอร์ที่เน้นเทรดคริปโตและใช้ TradingView

ค่าธรรมเนียม Forex ไม่ได้มีแค่ “สเปรด”: สิ่งที่เทรดเดอร์ไทยต้องรู้ในปี 2025

เทรดเดอร์หลายคน โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น มักจะมุ่งความสนใจเพียงที่ “สเปรดต่ำ” ตามที่โบรกเกอร์โฆษณา แต่แท้จริงแล้ว ต้นทุนในการเทรดประกอบด้วยหลายส่วน และหากมองข้ามปัจจัยอื่น อาจทำให้เลือกโบรกเกอร์ที่ไม่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเองได้ การเข้าใจองค์ประกอบของค่าธรรมเนียมจะช่วยให้คุณวัดต้นทุนที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ค่าสเปรด (Spread)

สเปรดคือความต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของคู่เงินหรือสินทรัพย์ใดๆ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของโบรกเกอร์ในบัญชี Standard โดยทั่วไปแล้วมีสองแบบหลักๆ ได้แก่

  • สเปรดคงที่ (Fixed Spread): ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการคำนวณต้นทุนล่วงหน้าได้ง่าย
  • สเปรดลอยตัว (Variable/Floating Spread): เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของตลาด โดยปกติจะแคบกว่าสเปรดคงที่ในภาวะปกติ แต่อาจถ่างกว้างมากในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือความผันผวนสูง

ค่าคอมมิชชั่น (Commission)

ค่าคอมมิชชั่นเป็นค่าธรรมเนียมที่คิดต่อการเปิด-ปิดตำแหน่งหนึ่งครั้ง มักพบในบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread ซึ่งโบรกเกอร์จะส่งคำสั่งของคุณตรงเข้าสู่ตลาดกลาง (Liquidity Pool) โดยไม่ตั้งสเปรดเอง ทำให้คุณได้รับสเปรดที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด จากนั้นจึงเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นเป็นค่าบริการแยกต่างหาก โมเดลนี้มักให้ต้นทุนรวมต่ำกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อย

ค่าสวอป (Swap) / Rollover

ค่าสวอปคือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถือออเดอร์ข้ามคืน ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่ที่คุณเทรด ซึ่งอาจเป็นบวก (ได้รับ) หรือลบ (ต้องจ่าย) ขึ้นอยู่กับทิศทางการเทรดและคู่สกุลเงิน สำหรับเทรดเดอร์ที่ถือออเดอร์ระยะกลางถึงยาว ค่าสวอปอาจกลายเป็นต้นทุนสำคัญที่สะสมได้มากในระยะเวลานาน โบรกเกอร์บางรายจึงเสนอ “บัญชี Swap-Free” หรือ “Islamic Account” เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้ได้

ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ควรรู้

นอกเหนือจากสามปัจจัยหลักแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมที่อาจไม่ถูกพูดถึงบ่อยแต่ควรใส่ใจ เช่น

  • ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน: แม้โบรกเกอร์ชั้นนำส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าธรรมเนียม แต่บางรายอาจมีข้อกำหนดจากผู้ให้บริการชำระเงินที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝง
  • ค่าธรรมเนียมบัญชีไม่มีการใช้งาน (Inactivity Fee): หากคุณไม่ได้เทรดเป็นเวลา 90 วันขึ้นไป บางโบรกเกอร์อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนเพื่อรักษาบัญชี

จัดอันดับโบรกเกอร์ Forex ค่าธรรมเนียมต่ำอย่างละเอียดสำหรับคนไทย

ต่อไปนี้คือการเจาะลึกแต่ละโบรกเกอร์ที่อยู่ในลิสต์ของเรา โดยเน้นที่โครงสร้างค่าธรรมเนียม จุดแข็ง และความเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์ไทยในปี 2025

1. IC Markets: ที่สุดแห่งสเปรด Raw สำหรับ Scalper

IC Markets ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านบัญชี ECN ระดับโลก ด้วยชื่อเสียงในการให้สเปรดที่ต่ำมาก ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นปริมาณและต้องการต้นทุนต่อไม้ต่ำที่สุด

จุดเด่น:

  • สเปรดเฉลี่ยในบัญชี Raw ต่ำมาก โดยเฉพาะ EUR/USD ที่มักอยู่ที่ 0.0 – 0.1 pips
  • ความเร็วในการดำเนินคำสั่งที่สูงมาก เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นอย่าง Scalping
  • สภาพคล่องจากผู้ให้บริการหลายราย ช่วยให้ราคาเสถียรและ Slippage ต่ำ

ข้อควรพิจารณา:

  • บัญชี Standard มีสเปรดสูงกว่าคู่แข่งบางราย
  • เงินฝากขั้นต่ำ $200 อาจสูงไปสำหรับมือใหม่บางท่าน

โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • Raw Spread: สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips + ค่าคอมมิชชั่น $3.5 ต่อล็อต/ต่อฝั่ง ($7.0 ต่อรอบ)
  • Standard: สเปรดเริ่มต้น 0.6 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

เหมาะสำหรับ: Scalper และ Day Trader ที่ต้องการต้นทุนต่อไม้ต่ำที่สุดและเทรดบ่อยในแต่ละวัน

2. Moneta Markets: ตัวเลือกที่สมดุลที่สุดสำหรับสเปรดและคอมมิชชั่นต่ำ

Moneta Markets กลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ด้วยจุดแข็งด้านต้นทุนการเทรดที่คุ้มค่า แพลตฟอร์มที่เสถียร และการสนับสนุนลูกค้าที่เข้าใจตลาดไทย

จุดเด่น:

  • ต้นทุนรวมต่ำ: บัญชี ECN (Prime) ให้สเปรดเฉลี่ย EUR/USD ที่ 0.1 pips และ XAU/USD ที่ 1.2 pips พร้อมค่าคอมมิชชั่นเพียง $3 ต่อล็อต/ต่อฝั่ง ($6 ต่อรอบ) ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้
  • การดำเนินคำสั่งเร็วและแม่นยำ: ลด Slippage และรองรับการเทรดที่ต้องการความเร็วสูง
  • บริการสำหรับนักเทรดไทย: มีทีมซัพพอร์ตภาษาไทยที่ให้บริการรวดเร็วและเข้าใจปัญหาเฉพาะของนักเทรดท้องถิ่น
  • การทำธุรกรรมง่าย: รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียม

ข้อควรพิจารณา:

  • ยังไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวางเท่ากับโบรกเกอร์ที่มีประวัติยาวนาน

โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • ECN (Prime): สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips + ค่าคอมมิชชั่น $6.0 ต่อรอบ
  • Standard (Direct): สเปรดเริ่มต้น 1.2 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ทุกระดับ ทั้ง Day Trader และ Swing Trader ที่ต้องการต้นทุนต่ำ แพลตฟอร์มเสถียร และบริการที่เข้าใจความต้องการของนักเทรดไทย

3. Exness: ผู้นำด้านบัญชี Swap-Free และความยืดหยุ่น

Exness ครองใจเทรดเดอร์ไทยมานานด้วยความเร็วในการฝาก-ถอน และการสนับสนุนลูกค้าที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะจุดเด่นเรื่องบัญชี Swap-Free ที่ครอบคลุมสินทรัพย์หลักหลายรายการ

จุดเด่น:

  • ไม่มีค่าสวอป: ครอบคลุมทั้งคู่เงินหลัก ทองคำ (XAU/USD) และคริปโต ช่วยให้เทรดเดอร์ระยะยาวไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนสะสม
  • เลเวอเรจสูง: ให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:Unlimited (ตามเงื่อนไขของบัญชี) สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
  • ระบบถอนเงินอัตโนมัติ: รองรับการถอนตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ได้รับเงินเร็วมาก

ข้อควรพิจารณา:

  • สเปรดในบัญชี Standard อาจสูงกว่าโบรกเกอร์ ECN บางรายในช่วงเวลาปกติ

โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • Pro / Raw / Zero: มีหลายตัวเลือกทั้งแบบมีค่าคอมมิชชั่นและไม่มี
  • Standard: สเปรดเริ่มต้น 0.3 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

เหมาะสำหรับ: Swing Trader และ Position Trader ที่ต้องการถือออเดอร์ข้ามคืนโดยไม่ต้องเสียค่าสวอป

4. Pepperstone: ทางเลือกที่หลากหลายและน่าเชื่อถือ

Pepperstone เป็นโบรกเกอร์จากออสเตรเลียที่ได้รับความไว้วางใจสูง ด้วยการกำกับดูแลจาก ASIC และ FCA รวมถึงตัวเลือกแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MT4, MT5, cTrader และ TradingView

จุดเด่น:

  • ค่าคอมมิชชั่นต่ำ: ในบัญชี Razor มีค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้
  • แพลตฟอร์มครบวงจร: เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้เครื่องมือวิเคราะห์และออร์เดอร์ที่หลากหลาย
  • ความน่าเชื่อถือสูง: ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลก

ข้อควรพิจารณา:

  • ไม่มีบัญชี Swap-Free แบบถาวรสำหรับลูกค้าทั่วไป

โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • Razor: สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips + ค่าคอมมิชชั่น ~$7.0 ต่อรอบ
  • Standard: สเปรดเริ่มต้น 1.0 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและต้องการความยืดหยุ่นด้านแพลตฟอร์ม

5. Eightcap: โบรกเกอร์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคริปโตและ TradingView

Eightcap โดดเด่นด้านการให้บริการ CFD คริปโตที่หลากหลาย และการเชื่อมต่อกับ TradingView ได้อย่างราบรื่น ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ใช้กราฟนี้เป็นหลัก

จุดเด่น:

  • คริปโตหลากหลาย: มี CFD ให้เทรดมากกว่า 250 รายการ
  • สเปรดต่ำ: ในบัญชี Raw สำหรับคู่เงินหลัก
  • เชื่อมต่อกับ TradingView: สามารถส่งคำสั่งตรงจากกราฟได้ทันที

ข้อควรพิจารณา:

  • สินทรัพย์อื่นอาจมีไม่ครอบคลุมเท่าโบรกเกอร์รายใหญ่

โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • Raw: สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips + ค่าคอมมิชชั่น $3.5 ต่อล็อต/ต่อฝั่ง ($7.0 ต่อรอบ)
  • Standard: สเปรดเริ่มต้น 1.0 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่เน้นการเทรดคริปโตหรือใช้ TradingView ในการวิเคราะห์

illustration showing low trading fees

ตารางเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำในประเทศไทย

เพื่อช่วยให้คุณเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน เราได้รวบรวมข้อมูลสำคัญด้านค่าธรรมเนียมและบริการของโบรกเกอร์ชั้นนำ (ข้อมูลเป็นค่าเฉลี่ยและอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา)

โบรกเกอร์ สเปรดเฉลี่ย EUR/USD (บัญชี ECN/Raw) ค่าคอมมิชชั่น (ต่อรอบ) บัญชี Swap-Free ฝากขั้นต่ำ ช่องทางฝากถอนในไทย
IC Markets 0.1 pips ~$7.00 มี (ตามเงื่อนไข) $200
Moneta Markets 0.1 pips $6.00 มี (ตามเงื่อนไข) $50
Exness 0.1 pips (Raw) ~$7.00 ✔ (สำหรับสินทรัพย์ส่วนใหญ่) $10
Pepperstone 0.1 pips ~$7.00 มี (ตามเงื่อนไข) $200
Eightcap 0.1 pips ~$7.00 มี (ตามเงื่อนไข) $100

วิธีเลือกโบรกเกอร์ค่าธรรมเนียมต่ำที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดไม่ใช่การตามหาชื่อที่ “ดังที่สุด” หรือ “ถูกที่สุด” เพียงอย่างเดียว แต่คือการหาตัวเลือกที่ “เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณที่สุด” ข้อมูลจาก BabyPips ระบุว่า การเข้าใจกลยุทธ์และการจัดการต้นทุนที่สอดคล้องกันคือกุญแจสำคัญ

สำหรับ Scalper และ Day Trader

กลุ่มนี้เปิดและปิดออเดอร์หลายครั้งต่อวัน ดังนั้นต้นทุนต่อไม้จึงมีความสำคัญสูงสุด

  • สิ่งที่ต้องมองหา: บัญชี ECN หรือ Raw ที่มีสเปรดต่ำที่สุด (ใกล้ 0.0 pips) และค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้
  • ตัวเลือกแนะนำ: IC Markets และ Moneta Markets เหมาะสมที่สุด

สำหรับ Swing Trader

เทรดเดอร์ที่ถือออเดอร์หลายวันถึงหลายสัปดาห์ ต้องคำนึงถึงค่าสวอปเป็นหลัก เพราะมันสามารถกลายเป็นต้นทุนสะสมที่สำคัญ

  • สิ่งที่ต้องมองหา: บัญชี Swap-Free ที่ครอบคลุมสินทรัพย์ที่คุณเทรดเป็นประจำ
  • ตัวเลือกแนะนำ: Exness เป็นตัวเลือกชั้นนำในด้านนี้

สำหรับมือใหม่ (สำหรับผู้เริ่มต้น)

ผู้เริ่มต้นอาจต้องการความเรียบง่ายและไม่ต้องคำนวณหลายขั้นตอน

  • สิ่งที่ต้องมองหา: บัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และสเปรดที่สมเหตุสมผล
  • ตัวเลือกแนะนำ: Exness, Moneta Markets หรือ Pepperstone ในบัญชี Standard

บทสรุป: โบรกเกอร์ค่าธรรมเนียมต่ำที่ดีที่สุดสำหรับคุณในปี 2025

การเลือกโบรกเกอร์ในปี 2025 ต้องอาศัยการพิจารณาที่ลึกซึ้งกว่าแค่ “สเปรดต่ำ” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองหา “ต้นทุนรวมต่ำที่สุด” ที่สอดคล้องกับสไตล์การเทรดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเร็ว หรือการถือออเดอร์ยาว ต่างมีโบรกเกอร์ที่เหมาะสม

จากข้อมูลของเรา IC Markets ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสเปรดต่ำที่สุด ในขณะที่ Exness ยังคงเป็นที่หนึ่งในด้าน Swap-Free

อย่างไรก็ตาม Moneta Markets ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยจำนวนมาก ด้วยความสมดุลของสเปรดต่ำ ค่าคอมมิชชั่นคุ้มค่า แพลตฟอร์มเสถียร และการบริการที่เข้าใจตลาดไทย ทั้งหมดนี้ในเงินฝากขั้นต่ำเพียง $50

ก่อนตัดสินใจ เราแนะนำให้คุณเปิด บัญชีทดลอง (Demo Account) กับโบรกเกอร์ 2-3 แห่งที่สนใจ เพื่อทดสอบการดำเนินคำสั่ง ความเร็ว และสเปรดจริงในสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน ก่อนจะเริ่มต้นด้วยเงินจริง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โบรกเกอร์ Forex ไหนที่สเปรดต่ำที่สุดในปี 2025?

โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์ที่ให้บริการบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread จะมีสเปรดที่ต่ำที่สุด โดยมักจะเริ่มต้นที่ 0.0 pips ในคู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในด้านนี้คือ IC Markets และ Moneta Markets ซึ่งทั้งสองรายสามารถให้สเปรดที่ต่ำมาก ๆ ได้เนื่องจากเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ต้องพิจารณาค่าคอมมิชชั่นควบคู่ไปด้วยเพื่อคำนวณต้นทุนรวม

บัญชี ECN กับ บัญชี Standard แตกต่างกันอย่างไรในเรื่องค่าธรรมเนียม?

ความแตกต่างหลักอยู่ที่โครงสร้างค่าธรรมเนียม:

  • บัญชี Standard: มักจะไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่โบรกเกอร์จะรวมกำไรไว้ในค่าสเปรด ทำให้สเปรดกว้างกว่า เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะคำนวณง่าย
  • บัญชี ECN/Raw: จะให้สเปรดที่แท้จริงจากตลาดซึ่งต่ำมาก (อาจเป็น 0.0 pips) แล้วคิดค่าบริการเป็น “ค่าคอมมิชชั่น” แยกต่างหาก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และเทรดบ่อย เพราะต้นทุนรวมมักจะต่ำกว่า

โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่า Swap (Swap-Free) เหมาะกับใคร?

บัญชี Swap-Free เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Swing Traders และ Position Traders ที่มีกลยุทธ์การถือออเดอร์ข้ามคืนเป็นเวลาหลายวัน, หลายสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งหลายเดือน การไม่มีค่าสวอปช่วยกำจัดต้นทุนที่อาจสะสมจนมีนัยสำคัญออกไป ทำให้สามารถวางแผนการเทรดระยะยาวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ยข้ามคืน โบรกเกอร์อย่าง Exness มีชื่อเสียงในด้านนี้

ค่าสเปรดทอง (XAU/USD) ของแต่ละโบรกเกอร์แตกต่างกันมากไหม?

ใช่ แตกต่างกันพอสมควร ทองคำ (XAU/USD) เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง สเปรดจึงอาจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงมักจะให้สเปรดทองคำที่ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ในบัญชี ECN ของ Moneta Markets อาจมีสเปรดทองเฉลี่ยอยู่ที่ 1.0 – 1.5 pips ในขณะที่โบรกเกอร์อื่นอาจมีสเปรด 2.0 pips ขึ้นไป ดังนั้นหากคุณเทรดทองเป็นหลัก ควรเปรียบเทียบสเปรดของสินทรัพย์นี้โดยเฉพาะ

การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือในไทยต้องดูอะไรบ้างนอกจากค่าธรรมเนียม?

นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ดังนี้:

  1. หน่วยงานกำกับดูแล (Regulation): เลือกโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ASIC (ออสเตรเลีย), FCA (สหราชอาณาจักร)
  2. ช่องทางการฝาก-ถอน: ควรมีช่องทางที่สะดวกสำหรับคนไทย เช่น QR Code หรือ Thai Internet Banking
  3. การสนับสนุนลูกค้า: มีทีมซัพพอร์ตภาษาไทยที่พร้อมให้บริการและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
  4. ความเสถียรของแพลตฟอร์ม: Server ต้องมีความเสถียรและดำเนินการคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว

มีโบรกเกอร์ Forex ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมเลยหรือไม่?

ไม่มีโบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเลย เพราะโบรกเกอร์ก็คือธุรกิจที่ต้องสร้างรายได้ คำว่า “ไม่มีค่าคอมมิชชั่น” ในบัญชี Standard หมายความว่าโบรกเกอร์ได้รวมกำไรของตนเองไว้ในค่าสเปรดแล้ว ดังนั้น แม้จะไม่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก แต่คุณยังคงจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านค่าสเปรดที่กว้างขึ้นอยู่ดี การเลือกโบรกเกอร์จึงเป็นการหา “สมดุล” ของค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุด ไม่ใช่การหาโบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมเลย

วิธีตรวจสอบค่าธรรมเนียมที่แท้จริงของโบรกเกอร์ทำได้อย่างไร?

วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) และสังเกตสเปรดแบบเรียลไทม์ในแพลตฟอร์ม MT4/MT5 โดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญ นอกจากนี้ ควรอ่านเอกสารเงื่อนไขของบัญชีแต่ละประเภทบนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบข้อมูลค่าคอมมิชชั่น ค่าสวอป และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อาจมีการระบุไว้

การฝากถอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไทยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือไม่?

โบรกเกอร์ชั้นนำส่วนใหญ่มักจะ “ไม่คิดค่าธรรมเนียม” สำหรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากฝั่งธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงิน ดังนั้น ควรอ่านรายละเอียดในหน้าฝาก-ถอนเงินของโบรกเกอร์นั้น ๆ ก่อนทำธุรกรรมเสมอ โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets และ Exness มีชื่อเสียงในด้านการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงสำหรับช่องทางธนาคารไทย

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *