แชร์ลูกโซ่ หมายถึงอะไร? แกะรอยกลโกงที่แฝงมาในคราบการลงทุน
ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยทั้งโอกาสและอันตราย “แชร์ลูกโซ่” ถือเป็นรูปแบบการหลอกลวงทางการเงินที่ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักหน่วงแก่ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในไทยที่มักมีข่าวการจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง การเข้าใจถึงความหมาย วิธีการทำงาน และลักษณะเฉพาะของแชร์ลูกโซ่จึงจำเป็นมาก เพื่อช่วยปกป้องเงินออมและอนาคตทางการเงินของตัวเราเอง

นิยามและหลักการทำงานของแชร์ลูกโซ่
แชร์ลูกโซ่ หรือที่รู้จักในชื่อ Pyramid Scheme คือกลอุบายหลอกลวงที่รวบรวมเงินจากสมาชิกใหม่เพื่อนำไปจ่ายผลตอบแทนอันน่าดึงดูดให้กับสมาชิกเดิม โดยมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดคนใหม่เข้าสู่เครือข่ายมากกว่าการค้าขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าจริงๆ ระบบนี้พึ่งพาการเติบโตของสมาชิกที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อนเพื่อให้เงินไหลเวียน แต่โครงสร้างรูปแบบพีระมิดที่ขยายตัวไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง สุดท้ายเมื่อไม่มีสมาชิกใหม่เข้ามาเติมเต็ม ระบบก็จะพังทลายลง ส่งผลให้สมาชิกส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนที่เข้าร่วมทีหลัง สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปโดยเปล่าประโยชน์

หัวใจสำคัญของแชร์ลูกโซ่คือการนำเงินจากผู้เข้าร่วมใหม่ไปคืนให้กับผู้เข้าร่วมเก่า โดยปราศจากการสร้างมูลค่าหรือกำไรจากธุรกิจที่แท้จริง ผลตอบแทนที่ใช้ล่อลวงมักสูงผิดปกติและมีการรับประกัน ทำให้คนที่หวังรวยเร็วหลงกลได้ง่าย แต่ในความเป็นจริง กำไรที่เห็นในช่วงแรกๆ คือเงินต้นจากสมาชิกใหม่ที่ถูกนำมาจ่ายคืนเท่านั้นเอง
ความแตกต่างระหว่าง แชร์ลูกโซ่ กับ Ponzi Scheme
แม้แชร์ลูกโซ่และ Ponzi Scheme หรือที่เรียกว่ารูปแบบการฉ้อโกงแบบ龐氏 จะเป็นกลโกงทางการเงินที่ผิดกฎหมายและก่อความเสียหายในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ทั้งคู่มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันในรายละเอียด

- แชร์ลูกโซ่: มุ่งเน้นการดึงสมาชิกใหม่ โดยแต่ละคนต้องจ่ายเงินทุนเริ่มต้นและรับผลตอบแทนจากการชวนคนอื่นเข้าสู่เครือข่ายต่อเนื่อง โครงสร้างชัดเจนเป็นชั้นๆ สมาชิกมักรู้ว่าผลตอบแทนมาจากเงินของสมาชิกใหม่
- Ponzi Scheme: ผู้ก่อตั้งรวบรวมเงินจากนักลงทุนทั้งหมดและนำเงินจากรายใหม่มาจ่ายให้รายเก่า โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูง แต่จริงๆ แล้วไม่มีหรือไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่โฆษณาได้ มักดูเหมือนการลงทุนแบบรวมศูนย์ นักลงทุนไม่รู้ว่าผลตอบแทนมาจากเงินคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรูปแบบนี้ต่างก็ใช้เงินจากผู้เข้าร่วมใหม่จ่ายให้ผู้เก่า และจะล้มเหลวในที่สุดเมื่อหาคนใหม่ไม่ได้อีก
แชร์ลูกโซ่ ผิดกฎหมายไหม? กฎหมายไทยเอาผิดอย่างไร
ในประเทศไทย แชร์ลูกโซ่ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน มีบทลงโทษรุนแรงทั้งต่อผู้ก่อตั้งและผู้มีส่วนร่วม เพื่อคุ้มครองประชาชนจากความสูญเสียทางการเงินและผลกระทบทางสังคม
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีแชร์ลูกโซ่
การจัดการคดีแชร์ลูกโซ่ในไทยอาศัยกฎหมายหลักหลายฉบับ ดังนี้
- พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน): กฎหมายเฉพาะสำหรับการฉ้อโกงประชาชน โดยกำหนดว่าการกู้เงินจากคนจำนวนมาก สัญญาผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยสูงสุดที่ถูกกฎหมาย และไม่มีธุรกิจจริงหรือไม่สามารถทำกำไรตามที่อ้าง ถือเป็นการฉ้อโกง
- ประมวลกฎหมายอาญา: มาตรา 343 ว่าด้วยการฉ้อโกงประชาชน หากแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดความจริงต่อประชาชน ถือเป็นความผิด
- พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 (พ.ร.บ.ขายตรง): ควบคุมธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย แต่ใช้แยกแยะจากแชร์ลูกโซ่ โดยดูแผนจ่ายผลตอบแทน การขายสินค้าจริง และการจดทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
บทลงโทษสำหรับผู้จัดตั้งและผู้ร่วมขบวนการ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ชักชวน หรือผู้สนับสนุน ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
- ผู้จัดตั้งหรือหัวหน้าขบวนการ: จำคุก 5-10 ปี ปรับ 500,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ นอกจากนี้ อาจถูกดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งสอง หากมีผู้เสียหายมาก อาจมีโทษหนักขึ้น
- ผู้ร่วมขบวนการหรือผู้ชักชวน: หากมีส่วนชักชวนโดยรู้หรือควรรู้ อาจถูกถือเป็นผู้สนับสนุนหรือร่วมกระทำผิด โทษเท่าหรือลดลงตามบทบาทและความเสียหาย
หน่วยงานหลักที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบการสืบสวนและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
7 สัญญาณอันตราย: วิธีสังเกตและตรวจสอบแชร์ลูกโซ่ยุคใหม่
การตื่นตัวต่อกลโกงเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่การหลอกลวงซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งขึ้น ที่นี่คือ 7 สัญญาณเตือนภัยที่ควรจับตา
1. ผลตอบแทนสูงเกินจริงและรวดเร็ว
สัญญาณที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเสนอผลตอบแทนสูงลิ่วเกินกว่าดอกเบี้ยธนาคารหรือการลงทุนถูกกฎหมาย เช่น 10-30% ต่อเดือน หรือคืนทุนพร้อมกำไรในวันเดียว การลงทุนจริงทุกอย่างมีความเสี่ยง หากผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงตาม แต่แชร์ลูกโซ่มักอ้างว่ารับประกันกำไรโดยไม่มีความเสี่ยง
2. เน้นการหาสมาชิกใหม่มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการ
หากการชวนเข้าร่วมเน้นแต่การหาคนใหม่เพื่อรับผลตอบแทน โดยสินค้าหรือบริการเป็นแค่เครื่องมือหรือไม่มีมูลค่าจริงในตลาด นั่นคือสัญญาณของแชร์ลูกโซ่ที่ชัดเจน
3. ขาดความโปร่งใสและข้อมูลที่ชัดเจน
โครงการมักไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน วิธีสร้างกำไร ผู้บริหาร หรือสำนักงานจริง เมื่อถามรายละเอียด คำตอบมักคลุมเครือ ไม่สามารถอธิบายธุรกิจได้อย่างมีเหตุผล และขาดเอกสารน่าเชื่อถือ
4. การกดดันให้ลงทุนจำนวนมากและเร่งรัดตัดสินใจ
ผู้ชักชวนใช้แรงกดดัน เช่น “โอกาสจำกัด” หรือ “รีบตัดสินใจก่อนหมดโปร” เพื่อไม่ให้คุณมีเวลาศึกษาหรือปรึกษาคนอื่น การเร่งลงทุนเงินก้อนใหญ่ในเวลาสั้นคือกลยุทธ์ของนักต้มตุ๋น
5. ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง หรือมีแต่ไม่มีมูลค่า
บางครั้งอาจมีสินค้าแฝง เช่น อาหารเสริมราคาแพงเกิน คอร์สสัมมนาห่วยๆ หรือคริปโตที่ไม่ได้รับรอง แต่สินค้าเหล่านี้มักไม่มีตลาดหรือราคาไม่สมเหตุสมผล จุดประสงค์คือเพื่อให้คุณลงทุนและชวนคนอื่น
6. การใช้บุคคลมีชื่อเสียงหรือสร้างภาพลักษณ์หรูหราเกินจริง
กลโกงสมัยใหม่ใช้ influencer ดารา หรือคนดังในโซเชียลสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยภาพชีวิตหรู รถ supercar บ้านใหญ่ หรือทริปต่างประเทศ เพื่อให้เชื่อว่าธุรกิจนี้รวยจริง การใช้คนดังที่อาจไม่รู้เรื่องจริงคือวิธีหลอกลวง
7. แฝงมาในรูปแบบการลงทุนยุคดิจิทัล (Crypto, NFT, แพลตฟอร์มปลอม)
ด้วยกระแสเทคโนโลยี แชร์ลูกโซ่ปรับตัวมาเป็นการลงทุนคริปโต NFT หรือแพลตฟอร์มปลอม โดยอ้างกำไรมหาศาลจากเทรดเหรียญ ปั่นราคา NFT หรือบล็อกเชนใหม่ๆ ที่ซับซ้อนจนตรวจสอบยาก แพลตฟอร์มดูสวยงามแต่ถอนเงินไม่ได้ในท้ายที่สุด
แชร์ลูกโซ่ กับ ธุรกิจขายตรง (MLM) แตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนมักสับสนระหว่างแชร์ลูกโซ่กับธุรกิจขายตรงหรือ MLM ที่ถูกกฎหมาย เพราะทั้งคู่มีโครงสร้างเครือข่ายคล้ายกัน แต่หลักการพื้นฐานต่างกันโดยสิ้นเชิง
ธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมายอยู่ภายใต้การกำกับของ สคบ. โดยเน้นขายสินค้าหรือบริการจริงที่มีมูลค่า สมาชิกได้ค่าตอบแทนจากการขายและค่าคอมจากทีมย่อย
ตารางเปรียบเทียบ: แชร์ลูกโซ่ vs. ธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย
ลักษณะสำคัญ | แชร์ลูกโซ่ (Pyramid Scheme) | ธุรกิจขายตรง (MLM) ที่ถูกกฎหมาย |
---|---|---|
รายได้หลัก | มาจากการระดมเงินลงทุนของสมาชิกใหม่ | มาจากการขายสินค้าหรือบริการที่มีอยู่จริงและมีคุณภาพ |
สินค้า/บริการ | ไม่มีอยู่จริง, ไม่มีมูลค่า, ราคาแพงเกินจริง, หรือเป็นเพียงข้ออ้าง | มีอยู่จริง, มีคุณภาพ, มีมูลค่าที่เหมาะสม, และเป็นที่ต้องการของตลาด |
การลงทุนเริ่มต้น | มักจะสูง และเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วม | อาจมีค่าสมัครสมาชิกเล็กน้อย หรือการซื้อชุดเริ่มต้น แต่ไม่สูงจนเกินไปและมีมูลค่าของสินค้าจริงในชุด |
การเน้นย้ำ | เน้นการชักชวนสมาชิกใหม่เป็นหลัก เพื่อรับผลตอบแทนจากการลงทุนของคนใหม่ | เน้นการขายสินค้า/บริการ และการสร้างทีมขายที่มียอดขายจริงจัง |
แผนการจ่ายผลตอบแทน | ไม่โปร่งใส, อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง, และมักจะยุติลงเมื่อหาสมาชิกใหม่ไม่ได้ | โปร่งใส, เป็นไปได้จริง, อิงกับยอดขายสินค้า/บริการ, และมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน |
กฎหมาย | ผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และประมวลกฎหมายอาญา | ถูกกฎหมาย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สคบ. |
ความยั่งยืน | ไม่ยั่งยืน จะล่มสลายเมื่อไม่มีสมาชิกใหม่เข้ามาระบบ | ยั่งยืนได้ หากสินค้า/บริการมีคุณภาพและมีแผนการตลาดที่ดี |
หากตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ ควรทำอย่างไร? ช่องทางขอความช่วยเหลือในไทย
หากคุณหรือคนใกล้ชิดกลายเป็นเหยื่อ สิ่งสำคัญคือการดำเนินการทันทีและถูกต้อง เพื่อเพิ่มโอกาสคืนเงินและลงโทษผู้กระทำผิด
ขั้นตอนการแจ้งความและรวบรวมหลักฐาน
- รวบรวมหลักฐานทั้งหมด: เก็บข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น
- หลักฐานการโอนเงิน (สลิปโอนเงิน, Statement ธนาคาร)
- หลักฐานการติดต่อสื่อสาร (ข้อความแชท, อีเมล, โพสต์ในโซเชียลมีเดีย, การบันทึกเสียงสนทนา)
- เอกสารการลงทุนหรือสัญญาต่างๆ (ถ้ามี)
- ข้อมูลของบุคคลที่ชักชวนและผู้จัดตั้ง (ชื่อ, นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, บัญชีธนาคาร, ช่องทางโซเชียลมีเดีย)
- หลักฐานการได้รับผลตอบแทน (ถ้ามี)
- แจ้งความ: เข้าแจ้งที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือ DSI หากเป็นคดีใหญ่ แจ้งว่าเป็นฉ้อโกงประชาชน และมอบหลักฐานทั้งหมด
- ให้ข้อมูลอย่างละเอียด: เล่ารายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ฟังอย่างตรงไปตรงมา เพื่อช่วยการสืบสวน
หน่วยงานภาครัฐที่สามารถให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ
นอกจากแจ้งความแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นที่ช่วยได้
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI): สำหรับคดีใหญ่ โทร. 1202 หรือเว็บไซต์ DSI
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.): ตรวจสอบธุรกิจขายตรง สายด่วน 1166
- ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT Police): คดีออนไลน์ สายด่วน 1441 หรือ เว็บไซต์ PCT Police
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): คำปรึกษาการลงทุน สายด่วน 1213
การเยียวยาทางจิตใจและการสนับสนุนสำหรับผู้เสียหาย
การถูกหลอกไม่เพียงเสียเงิน แต่ยังกระทบจิตใจ เช่น ความเครียดหรือซึมเศร้า การขอความช่วยเหลือด้านนี้จึงจำเป็น
- ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา: หากรับมือไม่ได้ ควรพบผู้เชี่ยวชาญ
- กลุ่มสนับสนุนผู้เสียหาย: เข้าร่วมกลุ่มเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และแลกเปลี่ยนข้อมูลคดี
เรียนรู้จากอดีต: ตัวอย่างคดีแชร์ลูกโซ่ดังในประเทศไทย
ไทยมีประวัติคดีแชร์ลูกโซ่ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวง และเป็นบทเรียนให้สังคม
คดีแม่ชม้อย (Mae Chamoy)
คดีแม่ชม้อยเป็นตำนานแชร์ลูกโซ่ที่ดังที่สุดในไทย เกิดในยุค 2520 โดยนางชม้อย ทิพย์โส ชวนลงทุนใน “น้ำมัน” สัญญากำไร 6.5% ต่อเดือน มีผู้เสียหายกว่า 13,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท คดีนี้เป็นจุดกำเนิดของ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
คดี Forex-3D และกรณีศึกษาอื่นๆ ในยุคปัจจุบัน
ในยุคดิจิทัล แชร์ลูกโซ่ซับซ้อนขึ้น คดี Forex-3D เป็นตัวอย่าง โดยอ้างลงทุน Forex กำไร 10-15% ต่อเดือน มีผู้เสียหายมาก รวมคนดัง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท คดี Forex-3D แสดงการใช้เทคโนโลยีและภาพลักษณ์หลอกลวง และยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ ยังมีคดีแฝงในคริปโต เกมออนไลน์ ฟาร์มดิจิทัล หรือธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ที่จริงๆ แล้วเป็นแชร์ลูกโซ่ คดีเหล่านี้เตือนให้ศึกษาข้อมูลดีๆ ไม่เชื่อผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบแหล่งลงทุนก่อน
แชร์ลูกโซ่ คืออะไร และมีลักษณะสำคัญอย่างไรบ้าง?
แชร์ลูกโซ่คือกลโกงทางการเงินที่อาศัยเงินจากสมาชิกใหม่มาจ่ายผลตอบแทนให้สมาชิกเก่า โดยไม่มีการดำเนินธุรกิจที่แท้จริงหรือมีสินค้า/บริการที่มีมูลค่า
- ลักษณะสำคัญ:
- เสนอผลตอบแทนสูงเกินจริงในระยะเวลาอันสั้น
- เน้นการชักชวนสมาชิกใหม่เป็นหลัก
- ขาดความโปร่งใสในโมเดลธุรกิจและแหล่งที่มาของรายได้
- มักไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง หรือมีแต่ไม่มีคุณภาพ/มูลค่า
- กดดันให้ลงทุนจำนวนมากและเร่งรัดการตัดสินใจ
แชร์ลูกโซ่ ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่ และมีบทลงโทษอย่างไร?
แชร์ลูกโซ่ผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยอยู่ภายใต้พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (ฉ้อโกงประชาชน)
บทลงโทษ:
- ผู้จัดตั้ง/หัวหน้าขบวนการ: โทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ผู้ร่วมขบวนการ/ผู้ชักชวน: อาจถูกพิจารณาเป็นผู้สนับสนุนหรือผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งมีโทษเท่ากับผู้จัดตั้งหรือลดหลั่นกันไป
ธุรกิจขายตรง (MLM) กับ แชร์ลูกโซ่ แตกต่างกันอย่างไร?
ธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย (MLM):
- เน้นการขายสินค้าหรือบริการที่มีอยู่จริงและมีคุณภาพ
- รายได้หลักมาจากการขายสินค้าและยอดขายของทีม
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สคบ.
- แผนการจ่ายผลตอบแทนโปร่งใสและเป็นไปได้จริง
แชร์ลูกโซ่:
- เน้นการระดมเงินจากสมาชิกใหม่มาจ่ายให้สมาชิกเก่า
- สินค้า/บริการมักไม่มีมูลค่าหรือเป็นเพียงข้ออ้าง
- ผิดกฎหมายและไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล
- แผนการจ่ายผลตอบแทนสูงเกินจริงและไม่ยั่งยืน
ฉันจะตรวจสอบบริษัทหรือการลงทุนว่าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ได้อย่างไร?
คุณสามารถตรวจสอบได้โดย:
- ตรวจสอบใบอนุญาต: สำหรับธุรกิจขายตรง ให้ตรวจสอบกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่าบริษัทนั้นจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่
- ตรวจสอบโมเดลธุรกิจ: บริษัทมีสินค้าหรือบริการจริงและมีมูลค่าหรือไม่? รายได้หลักมาจากอะไร?
- พิจารณาผลตอบแทน: หากสัญญาผลตอบแทนสูงเกินจริงและรับประกันความเสี่ยงต่ำ ให้ระวังไว้ก่อน
- ค้นหาข้อมูล: ใช้ชื่อบริษัทหรือชื่อโครงการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ตรวจสอบรีวิว หรือข่าวสารเชิงลบ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินหรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
หากฉันถูกชวนให้เข้าร่วมแชร์ลูกโซ่ ควรทำอย่างไร?
- อย่าหลงเชื่อและอย่าลงทุนเด็ดขาด
- ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินใดๆ
- เก็บหลักฐานการชักชวน (ข้อความ, แชท, โพสต์)
- แจ้งเบาะแสให้กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT Police)
แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น คริปโตฯ หรือแพลตฟอร์มปลอม มีลักษณะอย่างไร?
แชร์ลูกโซ่ดิจิทัลมักแฝงมาในรูปแบบที่ทันสมัยและซับซ้อน เช่น:
- การอ้างอิงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency), NFT, หรือบล็อกเชน
- การสร้างแพลตฟอร์มลงทุนออนไลน์ปลอมที่มีหน้าตาน่าเชื่อถือ
- การใช้ AI หรือบอทเทรดที่อ้างว่าทำกำไรสูงโดยอัตโนมัติ
- การใช้บุคคลมีชื่อเสียงหรืออินฟลูเอนเซอร์มาโปรโมท
- เน้นการชักชวนคนให้มาลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากการลงทุนของคนใหม่ๆ
- มักจะถอนเงินออกได้ยากหรือไม่สามารถถอนได้เลยในที่สุด
ถ้าตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่แล้ว ควรแจ้งความที่หน่วยงานใดในประเทศไทย?
- สถานีตำรวจท้องที่: แจ้งความได้ทันที
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI): สำหรับคดีขนาดใหญ่ มีผู้เสียหายจำนวนมาก (สายด่วน 1202)
- ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT Police): สำหรับคดีออนไลน์ (สายด่วน 1441)
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.): สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงและผู้บริโภค (สายด่วน 1166)
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): สำหรับคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุน (สายด่วน 1213)
มีตัวอย่างคดีแชร์ลูกโซ่ดังๆ ในประเทศไทยที่สามารถเรียนรู้ได้หรือไม่?
มีหลายคดีที่โด่งดังและเป็นบทเรียนสำคัญ:
- คดีแม่ชม้อย: เป็นคดีแชร์น้ำมันในทศวรรษ 2520 ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากและนำไปสู่การออก พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ
- คดี Forex-3D: คดีลงทุน Forex ปลอมในยุคปัจจุบัน ที่มีมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาทและมีผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวข้อง
- คดีแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมาในรูปแบบการลงทุนคริปโตฯ/แพลตฟอร์มต่างๆ: มีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัล
ผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่จะได้รับเงินคืนหรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไร?
การได้เงินคืนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การอายัดทรัพย์สินของมิจฉาชีพได้ทันหรือไม่ และกระบวนการยุติธรรม
- โอกาสได้เงินคืน: มี แต่ไม่สามารถรับประกันได้ทั้งหมด
- สิ่งที่ต้องทำ:
- รีบแจ้งความและรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วน
- ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
- อาจต้องรวมกลุ่มกับผู้เสียหายคนอื่นๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการดำเนินคดีและอายัดทรัพย์สิน
การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดถือเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่?
ไม่เสมอไป การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) โดยตัวมันเองไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ สกุลเงินดิจิทัลบางสกุลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกกฎหมายและมีเทคโนโลยีบล็อกเชนรองรับ
แต่ควรระวังหาก:
- โครงการคริปโตฯ นั้นเสนอผลตอบแทนสูงเกินจริงอย่างไม่มีเหตุผล
- เน้นการชักชวนคนใหม่เข้ามาลงทุนมากกว่าการใช้งานเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์จริง
- ขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับทีมงานหรือกลไกการสร้างรายได้
- ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลบนบล็อกเชนได้อย่างสมเหตุสมผล
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและลงทุนกับแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตและเชื่อถือได้เท่านั้น