บทนำ: เทรดเดอร์ไทยกำลังตามหาโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีเลเวอเรจสูงสุดในปี 2025 ด้วยเหตุผลอะไร?
สำหรับนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ของไทย คำว่า “เลเวอเรจสูง” คือเครื่องมือที่ทั้งดึงดูดและท้าทายในเวลาเดียวกัน มันสามารถเปลี่ยนเงินทุนไม่กี่พันบาทให้มีอำนาจในการซื้อขายระดับหมื่นหรือแสน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่อาจทำให้บัญชีหมดเกลี้ยงได้ในพริบตา ด้วยศักยภาพอันมหาศาลนี้ จึงไม่แปลกที่การค้นหาโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีเลเวอเรจสูงสุดจะกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเทรดเดอร์หลายรายในปี 2025
แต่การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่การตามหาตัวเลขเลเวอเรจที่ดูน่าตื่นเต้นที่สุดในหน้าเว็บ ความจริงแล้ว นี่คือการหาจุดสมดุลระหว่างโอกาสในการทำกำไร กับการป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำลายพอร์ตได้ในเสี้ยววินาที บทความนี้ไม่ใช่แค่การจัดอันดับ แต่เป็นคู่มือเชิงลึกที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ชาวไทยเข้าใจว่าควรใช้เลเวอเรจสูงอย่างไรให้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนในปี 2025 และต่อไปในอนาคต

เลเวอเรจในตลาดฟอเร็กซ์ คืออะไร? ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ดูดี
ก่อนจะไปดูรายชื่อโบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจสูง เราต้องเข้าใจก่อนว่าเลเวอเรจคืออะไร และทำไมมันถึงถูกมองทั้งในฐานะ “ดาบสองคม” และ “กุญแจสู่ผลตอบแทนที่สูง” ความเข้าใจพื้นฐานนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างมีเหตุผล แทนที่จะวิ่งตามตัวเลขที่ดูน่าตื่นเต้นเพียงอย่างเดียว
เลเวอเรจคืออะไร และทำงานอย่างไร?
เลเวอเรจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มาร์จิ้นเทรด” คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขาย ทำให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่มีมูลค่ามากกว่าเงินในบัญชีของคุณหลายเท่า โดยจะแสดงในรูปแบบของอัตราส่วน เช่น 1:100, 1:500 หรือ 1:1000
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีทุน 10,000 บาท และใช้เลเวอเรจ 1:1000 คุณจะสามารถเปิดออเดอร์ที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 10 ล้านบาทได้ นั่นหมายความว่า ถ้าราคาเคลื่อนตัวเพียง 0.1% ในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณอาจทำกำไรได้หลายพันบาท แต่ถ้าตลาดเคลื่อนตัวสวนทาง ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นในอัตราส่วนเดียวกัน
ข้อดีและข้อเสียของเลเวอเรจสูง: ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี
การใช้เลเวอเรจสูงไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องเข้าใจว่ามันเหมือนการขับรถความเร็วสูง — ต้องมีทักษะ ความระมัดระวัง และระบบความปลอดภัยที่ดี
- ข้อดีของการใช้เลเวอเรจสูง:
- เพิ่มอำนาจการซื้อ: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีทุนจำกัด แต่ต้องการเข้าร่วมตลาดในระดับที่มีผลตอบแทนสูง
- ผลตอบแทนต่อหน่วยทุนสูง: แม้กำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาจะน้อย แต่เมื่อคูณด้วยขนาดของตำแหน่ง ก็สามารถให้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น่าประทับใจ
- ใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินทั้งหมดในบัญชีเพื่อเปิดออเดอร์ ทำให้ยังเหลือทุนสำรองไว้กระจายความเสี่ยงหรือใช้ในโอกาสอื่น
- ข้อเสียที่ต้องระวัง:
- ขาดทุนเร็วและหนัก: การขาดทุนเพียงเล็กน้อยก็สามารถกินเงินทุนของคุณได้ทันที โดยเฉพาะหากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี
- เสี่ยงต่อการโดนบังคับปิดโพซิชัน: เมื่อขาดทุนต่อเนื่อง ระบบจะคำนวณมาร์จิ้นเรื่อยๆ หากต่ำกว่าระดับที่กำหนด (Margin Call) หรือ Stop Out Level ตำแหน่งของคุณจะถูกปิดอัตโนมัติ
10 โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีเลเวอเรจสูงสุดในประเทศไทย ปี 2025
การจัดอันดับนี้ไม่ได้ดูแค่ตัวเลขเลเวอเรจเท่านั้น แต่เราพิจารณาทั้งด้านความน่าเชื่อถือ ต้นทุนการเทรด สภาพคล่อง ความเสถียรของแพลตฟอร์ม และการบริการลูกค้าที่เป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศ
1. Moneta Markets: จุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความแรงและความปลอดภัย
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:1000
- จุดเด่น: Moneta Markets เป็นโบรกเกอร์ที่เน้นความปลอดภัยควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการเทรด โดยมีใบอนุญาตจาก ASIC ของออสเตรเลีย และ FSCA ของแอฟริกาใต้ — สองหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียงและเข้มงวด จุดแข็งอีกอย่างคือแพลตฟอร์ม Pro Trader และ AppTrader ที่ออกแบบมาเฉพาะตัว ใช้งานง่าย เหมาะกับมือถือ และมีความเร็วในการประมวลผลสูง เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความคล่องตัว พร้อมทั้งรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยอย่างรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเลเวอเรจสูง แต่ไม่ยอมเสียความปลอดภัยของเงินทุน และให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานโดยรวม
2. Exness: เลเวอเรจไม่จำกัด สำหรับเทรดเดอร์ระดับสูง
- เลเวอเรจสูงสุด: ไม่จำกัด (ภายใต้เงื่อนไข)
- จุดเด่น: Exness ขึ้นชื่อเรื่องการให้เลเวอเรจที่สูงมาก โดยเฉพาะบัญชี Standard ที่เสนอ “เลเวอเรจไม่จำกัด” อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มีข้อจำกัด เช่น ต้องมีทุนไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ หรือต้องมีประวัติการเทรดอย่างน้อย 3 เดือน แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่ความเสี่ยงก็สูงมาก หากขาดวินัยอาจทำให้สูญเสียทั้งหมดได้
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้กลยุทธ์ที่ชัดเจน และมีระบบบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
3. FBS: ขุมพลังเลเวอเรจ 1:3000 ที่เทรดเดอร์ไทยรู้จักดี
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:3000
- จุดเด่น: FBS เป็นโบรกเกอร์ที่เปิดตัวมานานและมีฐานผู้ใช้งานในประเทศไทยค่อนข้างสูง โดยให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:3000 ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมตำแหน่งขนาดใหญ่ด้วยมาร์จิ้นต่ำ นอกจากนี้ยังมีบัญชีหลายประเภท เช่น บัญชี Cent, บัญชี Zero Spread และบัญชี ECN ให้เลือกตามสไตล์การเทรด
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเลเวอเรจสูงมาก และคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม MT4/MT5
4. HFM (เดิม HotForex): ความยืดหยุ่นสูง ควบคู่กับเครื่องมือครบวงจร
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:2000
- จุดเด่น: HFM มีชื่อเสียงในเรื่องความน่าเชื่อถือและมีประเภทบัญชีหลากหลาย ตั้งแต่บัญชี Standard ไปจนถึงบัญชี ECN และ Islamic Account สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการคิดดอกเบี้ย พร้อมทั้งมีทรัพยากรการเรียนรู้ เช่น วิดีโอสอน บทความวิเคราะห์ และเว็บบินาร์ให้บริการฟรี
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกบัญชี และชอบใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
5. XM: โบรกเกอร์ระดับโลก ที่ใส่ใจเทรดเดอร์ไทย
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:1000
- จุดเด่น: XM เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และมีการสนับสนุนภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ การบริการลูกค้า ไปจนถึงการจัดสัมมนาออนไลน์ จุดเด่นคือ Negative Balance Protection ที่ป้องกันไม่ให้คุณติดลบ และการฝาก-ถอนที่รวดเร็วผ่านช่องทางในประเทศไทย
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ทุกระดับ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและดูแลดี

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์เลเวอเรจสูง ปี 2025
โบรกเกอร์ | เลเวอเรจสูงสุด | หน่วยงานกำกับดูแลหลัก | เงินฝากขั้นต่ำ | แพลตฟอร์ม | สนับสนุนภาษาไทย |
---|---|---|---|---|---|
Moneta Markets | 1:1000 | ASIC, FSCA | $50 | Pro Trader, MT4, MT5, AppTrader | ยอดเยี่ยม |
Exness | ไม่จำกัด* | CySEC, FCA | $10 | MT4, MT5 | ยอดเยี่ยม |
FBS | 1:3000 | CySEC, ASIC | $1 | MT4, MT5 | ยอดเยี่ยม |
HFM | 1:2000 | CySEC, FCA, FSCA | $5 | MT4, MT5 | ดี |
XM | 1:1000 | CySEC, ASIC | $5 | MT4, MT5 | ยอดเยี่ยม |
*มีเงื่อนไขตามที่โบรกเกอร์กำหนด
วิธีเลือกโบรกเกอร์เลเวอเรจสูงที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือในไทย
การเลือกโบรกเกอร์ไม่ควรเริ่มต้นด้วยตัวเลขเลเวอเรจ แต่ควรเริ่มจาก “ความปลอดภัยของเงินทุน” เพราะไม่ว่าเลเวอเรจจะสูงแค่ไหน หากโบรกเกอร์ไม่น่าเชื่อถือ ก็เสี่ยงต่อการสูญเสียทั้งหมดได้
ตรวจสอบใบอนุญาตกำกับดูแล: คุณควรดูอะไรบ้าง?
แม้ ก.ล.ต. ของไทยจะยังไม่อนุญาตให้โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์รับลูกค้ารายย่อยโดยตรง แต่เทรดเดอร์ไทยส่วนใหญ่เลือกใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น:
- ASIC (ออสเตรเลีย): มีข้อกำหนดที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านการคุ้มครองนักลงทุน และต้องแยกเงินลูกค้าออกจากเงินบริษัท
- CySEC (ไซปรัส): เป็นที่ตั้งของโบรกเกอร์ระดับโลกหลายแห่ง มีมาตรฐานการกำกับดูแลที่ชัดเจน
- FCA (สหราชอาณาจักร): หนึ่งในหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก มีระบบชดเชยการสูญเสีย (FSCS) สูงถึง 85,000 ปอนด์
การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านี้ เช่น Moneta Markets ที่ได้รับอนุญาตจาก ASIC จะช่วยเพิ่มระดับความมั่นใจให้กับคุณอย่างมาก
นโยบายป้องกันยอดเงินติดลบ: สำคัญมากเมื่อใช้เลเวอเรจสูง
ฟีเจอร์นี้คือ “ถุงลมนิรภัย” สำหรับการเทรดด้วยเลเวอเรจสูง โดย Negative Balance Protection จะรับประกันว่าคุณจะไม่ต้องเป็นหนี้โบรกเกอร์ แม้ตลาดจะผันผวนรุนแรงจนทำให้ขาดทุนเกินเงินทุนในบัญชี โบรกเกอร์ชั้นนำหลายแห่ง เช่น XM และ Moneta Markets ให้บริการนี้เป็นมาตรฐาน
อ่านเงื่อนไขการใช้เลเวอเรจให้ละเอียด
อย่ารีบร้อนตามตัวเลขที่โฆษณา ควรศึกษาให้ดีว่า:
- เลเวอเรจสูงสุดใช้ได้กับบัญชีประเภทไหนบ้าง
- มีข้อจำกัดด้านเงินทุนหรือระดับประสบการณ์หรือไม่
- เลเวอเรจจะลดลงในช่วงข่าวสำคัญหรือคู่สกุลเงินบางคู่หรือไม่
- สินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ หรือ CFDs มีเลเวอเรจต่ำกว่าหรือไม่
การอ่านเอกสาร Terms & Conditions อย่างละเอียดจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและป้องกันปัญหาในอนาคต
กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง: อยู่รอดในโลกของเลเวอเรจสูง
เลเวอเรจคือเครื่องมือ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับวิธีใช้ นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาด
ตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง
นี่คือกฎทองของการเทรดด้วยเลเวอเรจสูง การตั้งจุดตัดขาดทุนคือการจำกัดความเสียหาย ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันการขาดทุน แต่เพื่อรักษาวินัยในการเทรด
ควบคุมขนาดการเทรดให้เหมาะสม
อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ของทุนต่อครั้ง หากคุณมีทุน 50,000 บาท อย่าเสี่ยงเกิน 500-1,000 บาทต่อออเดอร์ การคำนวณ Lot Size ให้สอดคล้องกับระดับ Stop Loss และความเสี่ยงที่ยอมรับได้คือหัวใจสำคัญ
อย่าใช้เลเวอเรจสูงสุดเสมอไป
การมีเลเวอเรจ 1:1000 ไม่ได้แปลว่าคุณต้องใช้ 1:1000 ทุกครั้ง จงใช้เลเวอเรจจริง (Effective Leverage) ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น ใช้ต่ำในช่วงข่าว หรือใช้สูงในช่วงแนวโน้มชัดเจน
เข้าใจ Margin Call และ Stop Out Level
ศึกษาว่าโบรกเกอร์ของคุณคำนวณ Margin Level อย่างไร และระดับที่จะโดนแจ้งเตือน (Margin Call) หรือปิดอัตโนมัติ (Stop Out) อยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้บริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป: โบรกเกอร์เลเวอเรจสูงที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือใคร?
คำตอบไม่เหมือนกันสำหรับทุกคน โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดคือโบรกเกอร์ที่เข้ากับสไตล์การเทรด ระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ และให้ความปลอดภัยสูงสุดกับเงินทุนของคุณ
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่มองหารายชื่อโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีเลเวอเรจสูงสุดที่มาพร้อมกับความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับโลก Moneta Markets คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 เพราะไม่ได้เน้นแค่เลเวอเรจ แต่ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัย แพลตฟอร์มที่ทันสมัย และการบริการที่เหมาะกับผู้ใช้ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
โบรกเกอร์ Forex ที่มีเลเวอเรจสูงสุดในประเทศไทยปลอดภัยหรือไม่?
ความปลอดภัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับเลเวอเรจเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “หน่วยงานกำกับดูแล” ของโบรกเกอร์เป็นสำคัญ โบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจสูงแต่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น ASIC, CySEC หรือ FCA จะมีความปลอดภัยสูงกว่าโบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจสูงแต่จดทะเบียนในพื้นที่ที่ไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด (Offshore) ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับใบอนุญาตเป็นอันดับแรกเสมอ
เลเวอเรจ 1:1000 หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่า ทุกๆ 1 ดอลลาร์ของเงินทุน (มาร์จิ้น) ที่คุณใช้ คุณจะสามารถควบคุมสถานะการซื้อขายที่มีมูลค่าได้ถึง 1,000 ดอลลาร์ หรือพูดอีกอย่างคือ โบรกเกอร์ให้กำลังซื้อแก่คุณ 1,000 เท่าของเงินมาร์จิ้นที่คุณวางไว้
โบรกเกอร์ Forex ใดที่ กลต. ไทยให้การรับรอง?
ณ ปัจจุบัน (ปี 2024-2025) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของประเทศไทย ยังไม่มีการออกใบอนุญาตโดยตรงให้กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Forex แก่ลูกค้ารายย่อย เทรดเดอร์ชาวไทยส่วนใหญ่จึงเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือในระดับสากล
ฉันควรเลือกเลเวอเรจเท่าไหร่ดีสำหรับมือใหม่?
สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจที่ไม่สูงจนเกินไป เช่น 1:50 หรือ 1:100 เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดและการจัดการความเสี่ยงก่อน การเริ่มต้นด้วยเลเวอเรจต่ำจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นจึงค่อยพิจารณาปรับระดับเลเวอเรจตามความเหมาะสม
การใช้เลเวอเรจสูงมีข้อเสียอะไรบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ?
ข้อเสียที่อันตรายที่สุดคือการ “ขยายผลขาดทุน” (Magnified Losses) การขาดทุนเพียงเล็กน้อยในแง่ของ Pips สามารถทำให้เงินทุนของคุณเสียหายอย่างหนักได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะโดน Margin Call และ Stop Out ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
โบรกเกอร์ไหนดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยในปี 2025? (Pantip มีความเห็นอย่างไร?)
ในเว็บบอร์ดอย่าง Pantip มักมีการพูดคุยถึงโบรกเกอร์หลายเจ้า แต่ “ดีที่สุด” ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน หากคุณต้องการความสมดุลระหว่างเลเวอเรจสูง (1:1000) ความปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC และแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายพร้อมการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยที่สะดวก Moneta Markets ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเทรดเดอร์ไทยในปี 2025
Moneta Markets มีข้อดีอะไรบ้างเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น?
Moneta Markets สร้างความแตกต่างด้วยปัจจัยหลักๆ ดังนี้:
- การกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง: การมีใบอนุญาตจาก ASIC และ FSCA ให้ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเงินทุนที่สูงมาก
- แพลตฟอร์มที่หลากหลายและทันสมัย: นอกจาก MT4/MT5 มาตรฐานแล้ว ยังมี Pro Trader และ AppTrader ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ซึ่งใช้งานง่ายและตอบสนองเร็ว
- การบริการที่เหมาะกับคนไทย: รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย, มีเว็บไซต์และทีมซัพพอร์ตภาษาไทย
- ความสมดุล: ไม่ได้เน้นแค่เลเวอเรจสูงเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์โดยรวมของลูกค้า ตั้งแต่ความปลอดภัยไปจนถึงความสะดวกในการใช้งาน
การฝากถอนเงินกับโบรกเกอร์ต่างประเทศสำหรับคนไทยมีขั้นตอนอย่างไร?
ปัจจุบันโบรกเกอร์ต่างประเทศชั้นนำส่วนใหญ่ได้พัฒนาระบบให้รองรับลูกค้าชาวไทยได้อย่างสะดวกสบาย โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:
- ล็อกอินเข้าสู่พื้นที่สมาชิก (Client Portal) ของโบรกเกอร์
- เลือกเมนู “ฝากเงิน” (Deposit) หรือ “ถอนเงิน” (Withdrawal)
- เลือกช่องทาง Thai QR Payment หรือ Internet Banking ของธนาคารไทย ซึ่งเป็นช่องทางที่นิยมและรวดเร็วที่สุด
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการ ระบบจะแปลงเป็นสกุลเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลานั้น
- ทำตามขั้นตอนของระบบ เช่น สแกน QR Code หรือล็อกอินเข้าระบบธนาคารเพื่อยืนยันการทำรายการ
โดยส่วนใหญ่การฝากเงินจะเข้าบัญชีเทรดแทบจะทันที ส่วนการถอนเงินอาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึง 1-2 วันทำการ