จัดอันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ STP ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2025
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกหรือโปรโมชั่นดึงดูดเท่านั้น แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการเทรด โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส ความเร็วในการดำเนินคำสั่ง และสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ใกล้เคียงกับตลาดจริงมากที่สุด บัญชี STP (Straight Through Processing) จึงกลายเป็นทางเลือกที่นักลงทุนระดับกลางถึงมืออาชีพให้ความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
บทความนี้คัดสรรและวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ชาวไทยเลือกโบรกเกอร์ STP ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเองมากที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยหลักหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการกำกับดูแล ค่าใช้จ่ายในการเทรด ความเร็วของระบบ ความสามารถของแพลตฟอร์ม และความสะดวกในการทำธุรกรรมในประเทศ พร้อมเปิดเผยข้อแตกต่างที่หลายคนยังสับสนอยู่ระหว่าง STP, ECN และบัญชี Cent เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

สรุปด่วน: โบรกเกอร์ STP ที่โดดเด่นที่สุด 3 อันดับแรกในปี 2025
โบรกเกอร์ | จุดเด่นที่สุด | เงินฝากขั้นต่ำ | หน่วยงานกำกับดูแล |
---|---|---|---|
Moneta Markets | สเปรดต่ำและแพลตฟอร์มหลากหลาย (MT4, MT5, Pro Trader) | $50 | ASIC, FSCA |
Pepperstone | ความเร็วในการดำเนินการสูงและเครื่องมือวิเคราะห์ชั้นยอด | $200 | ASIC, FCA, CySEC |
IC Markets | สภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับ Scalping และเทรดเดอร์ปริมาณสูง | $200 | ASIC, CySEC |
1. Moneta Markets – เลือกที่ตอบโจทย์ทั้งต้นทุนและความยืดหยุ่น
Moneta Markets คือหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มาแรงที่สุดในกลุ่มผู้ใช้งานชาวไทย ด้วยจุดแข็งที่เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการเข้าถึงที่ง่ายดาย โดยเฉพาะในบัญชี STP Pro ที่ออกแบบมาเพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงสภาพแวดล้อม No Dealing Desk (NDD) อย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่า คำสั่งซื้อขายของคุณจะไม่ถูกขัดขวางหรือเปลี่ยนแปลงโดยโบรกเกอร์ แต่จะถูกส่งตรงไปยังผู้ให้สภาพคล่องโดยอัตโนมัติ
- หน่วยงานกำกับดูแล: มีใบอนุญาตจาก ASIC ประเทศออสเตรเลีย และ FSCA จากแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานสูงและตรวจสอบได้
- เงินฝากขั้นต่ำ: เพียง $50 ทำให้เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้แม้สำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ STP อย่างแท้จริง
- สเปรดและค่าคอมมิชชั่น: บัญชี Pro ให้สเปรดดิบเริ่มต้นที่ 0.0 pips พร้อมค่าคอมมิชชั่นที่แข่งขันได้สูง เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นปริมาณการเทรด หรือใช้กลยุทธ์ที่ต้องการต้นทุนต่ำ
- แพลตฟอร์มการเทรด: สนับสนุนทั้ง MT4, MT5 และ Pro Trader ซึ่งเป็นเว็บเทรดเดอร์ที่พัฒนาขึ้นเอง มีฟีเจอร์ครบครันและใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด
- เลเวอเรจสูงสุด: สูงถึง 1:1000 รองรับทั้งกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาว
- การบริการสำหรับคนไทย: รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารในประเทศไทยและระบบ QR Code ที่รวดเร็ว มีทีมสนับสนุนที่พร้อมตอบคำถามในภาษาไทย
ทำไมควรพิจารณา Moneta Markets? หากคุณมองหาโบรกเกอร์ที่ไม่เพียงแค่มีบัญชี STP คุณภาพสูง แต่ยังเข้าใจบริบทของผู้ใช้งานไทย ทั้งในเรื่องการชำระเงินและการสนับสนุน ที่นี่คือคำตอบที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้
2. Pepperstone – ความเร็วระดับแชมป์กับเครื่องมือวิเคราะห์อันทรงพลัง
Pepperstone ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า โดยเฉพาะในบัญชี Razor ที่ทำงานบนระบบ STP/ECN ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายสภาพคล่องขนาดใหญ่จากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก ทำให้คำสั่งของคุณถูกประมวลผลได้ในไม่กี่มิลลิวินาที
- หน่วยงานกำกับดูแล: มีใบอนุญาตจาก ASIC (ออสเตรเลีย), FCA (สหราชอาณาจักร) และ CySEC (ไซปรัส) ซึ่งถือเป็น “Tier-1” ที่มีความเข้มงวดสูงสุดในอุตสาหกรรม
- เงินฝากขั้นต่ำ: $200 ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐานสำหรับโบรกเกอร์คุณภาพสูง
- สเปรดและค่าคอมมิชชั่น: สเปรดเฉลี่ยของ EUR/USD ต่ำมาก เริ่มต้นที่ 0.0 pips พร้อมค่าคอมมิชชั่นตามปริมาณการเทรด
- แพลตฟอร์ม: รองรับ MT4, MT5, cTrader และ TradingView ที่ให้เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นการใช้กราฟและอินดิเคเตอร์ลึก
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:500 ซึ่งเพียงพอสำหรับการบริหารพอร์ตในทุกสไตล์
- การบริการสำหรับคนไทย: รองรับการชำระเงินผ่านธนาคารไทย และมีเว็บไซต์ภาษาไทยที่เข้าใจง่าย
ใครเหมาะกับ Pepperstone? เทรดเดอร์ที่ต้องการความเร็วเหนือชั้น พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่แม่นยำ และไม่ต้องการความเสี่ยงจากดีลลิ่งเดสก์ ควรให้โบรกเกอร์นี้อยู่ในลิสต์ต้น ๆ
3. IC Markets – สวรรค์ของนักเทรดความถี่สูง
ถ้าคำว่า “สภาพคล่อง” คือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ IC Markets คือหนึ่งในผู้นำตลาดที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือเทรดผ่าน Expert Advisors (EAs) เพราะระบบของที่นี่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับคำสั่งจำนวนมากโดยไม่เกิดดีเลย์หรือ Re-quote
- หน่วยงานกำกับดูแล: ได้รับใบอนุญาตจาก ASIC และ CySEC ซึ่งยืนยันถึงความโปร่งใสและมาตรฐานการดำเนินงาน
- เงินฝากขั้นต่ำ: $200 ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของโบรกเกอร์ประเภทนี้
- สเปรดและค่าคอมมิชชั่น: บัญชี Raw Spread ให้สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips และคิดค่าคอมมิชชั่นตามจริง โปร่งใส ไม่มี hidden fee
- แพลตฟอร์ม: ใช้ MT4, MT5 และ cTrader ที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการใช้งานอัตโนมัติ
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:1000 ให้ความยืดหยุ่นสูงสุด
- การบริการสำหรับคนไทย: รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารในประเทศอย่างเต็มที่ สะดวกและรวดเร็ว
สรุป: สำหรับใครก็ตามที่เทรดบ่อย ต้องการความเสถียร และต้องการสภาพแวดล้อมที่ไม่บิดเบือนราคา IC Markets คือตัวเลือกชั้นยอด
บัญชี STP คืออะไร? ทำงานอย่างไรในโลกการเทรด?
คำว่า STP หรือ Straight Through Processing หมายถึงระบบการส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติทั้งกระบวนการ โดยไม่มีการแทรกแซงจากดีลเลอร์หรือดีลลิ่งเดสก์ (No Dealing Desk) ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาตรงข้ามกับลูกค้า
ในระบบ STP โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ที่เชื่อมต่อคำสั่งของคุณไปยังกลุ่มผู้ให้สภาพคล่อง (Liquidity Providers) เช่น ธนาคารใหญ่ หรือสถาบันการเงินระดับโลก จากนั้นระบบจะเลือกราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้นและดำเนินการคำสั่งของคุณทันที
- คุณกดสั่งซื้อหรือขาย ผ่านแพลตฟอร์มเทรด
- โบรกเกอร์รับคำสั่ง และส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์กลาง
- ส่งต่อไปยังผู้ให้สภาพคล่อง ผ่านระบบอัตโนมัติ
- จับคู่กับราคาที่ดีที่สุด และดำเนินการในทันที
ข้อดีที่สำคัญคือ โบรกเกอร์ไม่ได้ “ได้กำไร” จากการขาดทุนของคุณ แต่ได้ค่าคอมมิชชั่นหรือสเปรดเพิ่มเติม ทำให้ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมและโปร่งใสมากกว่า

ข้อดีและข้อเสียของบัญชี STP ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
แม้บัญชี STP จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การเข้าใจข้อดี-ข้อเสียจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
---|---|
การดำเนินคำสั่งเร็วมาก: ระบบอัตโนมัติช่วยให้คำสั่งถูกส่งไปยังตลาดได้ภายในไม่กี่มิลลิวินาที | สเปรดผันผวน: สเปรดอาจขยายกว้างในช่วงข่าวสำคัญหรือความผันผวนสูง |
ไม่มี Re-quote: คุณไม่ต้องเจอข้อความ “ราคาเปลี่ยน กรุณาส่งใหม่” เพราะคำสั่งจะดำเนินการที่ราคาตลาดจริง | อาจเกิด Slippage: ราคาที่ได้อาจดีหรือแย่กว่าราคาที่คุณคลิก ขึ้นอยู่กับความเร็วและสภาพตลาด |
โปร่งใส: คุณเห็นราคาจากผู้ให้สภาพคล่องโดยตรง ไม่ถูกดัดแปลง | เงินฝากขั้นต่ำสูงกว่าบางโบรกเกอร์: โดยเฉพาะโบรกเกอร์ชั้นนำที่ตั้งไว้ที่ $200 ขึ้นไป |
ลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์: โบรกเกอร์ต้องการให้คุณเทรดมากและเทรดนาน เพราะจะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม | มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม: บัญชี STP แบบสเปรดดิบมักคิดค่าคอมมิชชั่นต่อล็อต |
STP กับ ECN ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดี?
แม้ทั้งสองจะจัดอยู่ในกลุ่ม No Dealing Desk แต่กลไกการทำงานมีความแตกต่างกันในเชิงเทคนิค
STP: คำสั่งของคุณจะถูกส่งไปยังกลุ่มผู้ให้สภาพคล่องที่โบรกเกอร์เลือกไว้ จากนั้นระบบจะดึงราคาที่ดีที่สุดมาให้คุณ ซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์ทั่วไปหรือ Day Trader
ECN: คำสั่งจะถูกส่งเข้าสู่เครือข่ายกลาง (Electronic Communication Network) ที่รวมคำสั่งจากทุกฝ่าย ทั้งธนาคาร สถาบัน และเทรดเดอร์รายย่อย ทำให้การจับคู่คำสั่งเกิดขึ้นโดยตรง ไม่เปิดเผยตัวตน และมีสเปรดที่แคบที่สุด แต่มักมีค่าคอมมิชชั่นสูงกว่า
ตารางเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น:
คุณสมบัติ | บัญชี STP | บัญชี ECN |
---|---|---|
การดำเนินการคำสั่ง | ส่งไปยัง LPs ที่โบรกเกอร์เลือก | ส่งเข้าเครือข่ายกลางเพื่อจับคู่โดยตรง |
สเปรด | สเปรดดิบ + mark-up หรือ + ค่าคอมมิชชั่น | สเปรดดิบที่สุด + ค่าคอมมิชชั่นเสมอ |
ความโปร่งใส | สูง | สูงสุด (มี Depth of Market) |
เหมาะกับ | Day Trader, Swing Trader | Scalper, ผู้ใช้ EA, เทรดเดอร์ปริมาณสูง |
ในความเป็นจริง โบรกเกอร์ชั้นนำหลายรายใช้ระบบผสม (Hybrid Model) ที่รวมเอาข้อดีของทั้ง STP และ ECN เข้าด้วยกัน ทำให้ขอบเขตระหว่างสองระบบเริ่มเบลอ แต่หลักการพื้นฐานยังคงใช้ได้
STP ต่างจากบัญชี Cent อย่างไร? ทำไมคนถึงสับสน?
นี่คือจุดที่เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนเข้าใจผิด เพราะสับสนระหว่าง “รูปแบบการดำเนินการ” กับ “หน่วยบัญชี”
บัญชี STP คือวิธีที่โบรกเกอร์จัดการคำสั่งของคุณ เป็นเรื่องของระบบภายใน เช่น การส่งคำสั่งไปยังตลาดจริงโดยไม่มีการแทรกแซง
บัญชี Cent คือหน่วยนับเงินในบัญชี เช่น ถ้าคุณฝาก $10 จะเห็นเป็น 1,000 เซ็นต์ และล็อต 1.0 ในบัญชี Cent จะเทียบเท่า 0.01 ล็อตมาตรฐาน ทำให้เหมาะกับการฝึกฝนด้วยเงินจริงในขนาดเล็ก
ทำไมคนถึงค้นหาทั้งสองอย่างพร้อมกัน? เพราะผู้เริ่มต้นต้องการ:
- ทดลองเทรดด้วยเงินจริง แต่ในระดับความเสี่ยงต่ำ (บัญชี Cent)
- สัมผัสตลาดจริง ที่มีการดำเนินคำสั่งเร็วและโปร่งใส (STP/ECN)
แต่ในความเป็นจริง โบรกเกอร์ STP คุณภาพสูงมักไม่มีบัญชี Cent เพราะเป้าหมายคือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ดังนั้นทางออกที่ดีคือ:
- เริ่มต้นด้วยบัญชี Cent ที่มีโบรกเกอร์ทั่วไป เพื่อเรียนรู้การบริหารจัดการอารมณ์
- เมื่อพร้อม ค่อยย้ายมาที่โบรกเกอร์ STP อย่าง Moneta Markets หรือ Pepperstone เพื่อรับประสบการณ์การเทรดระดับมืออาชีพ
เช็กลิสต์การเลือกโบรกเกอร์ STP สำหรับเทรดเดอร์ไทย
ใช้เกณฑ์เหล่านี้เพื่อประเมินโบรกเกอร์แต่ละแห่งก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี
- การกำกับดูแล: ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีใบอนุญาตจากหน่วยงานน่าเชื่อถือ เช่น ASIC, FCA หรือ CySEC หรือไม่ นี่คือเกราะป้องกันเงินทุนของคุณ
- สเปรดและค่าคอมมิชชั่น: เปรียบเทียบต้นทุนรวมของคู่เงินที่คุณเทรดบ่อยที่สุด อย่าดูแค่สเปรดเริ่มต้น
- ความเร็วในการดำเนินคำสั่ง: โบรกเกอร์ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ในศูนย์การเงินใหญ่ เช่น ลอนดอน หรือนิวยอร์ก มักให้ latency ต่ำกว่า
- แพลตฟอร์มการเทรด: ต้องใช้งานง่าย เสถียร และรองรับเครื่องมือที่คุณต้องการ เช่น MT4, MT5 หรือ cTrader
- การฝาก-ถอนในไทย: รองรับธนาคารในประเทศหรือ QR Code หรือไม่? ใช้เวลานานแค่ไหน? มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือไม่?
- บริการลูกค้าภาษาไทย: มีทีมสนับสนุนที่พูดไทยได้ และตอบกลับเร็วในช่วงเวลาทำการของไทยหรือไม่?
สรุป: บัญชี STP เหมาะกับใครในปี 2025?
บัญชี STP ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นเครื่องมือของเทรดเดอร์ที่ต้องการยกระดับตัวเองให้เข้าใกล้ตลาดจริงมากที่สุด โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก การมีความได้เปรียบด้านความเร็วและโปร่งใสคือสิ่งที่ทำให้คุณนำหน้าคู่แข่ง
บัญชี STP เหมาะกับ:
- Day Trader: ผู้ที่เปิด-ปิดสถานะหลายครั้งต่อวันและต้องการการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว
- Scalper: ผู้ที่ทำกำไรจากส่วนต่างเล็กน้อย ต้องการสเปรดต่ำและ Slippage ต่ำ
- Algorithmic Trader: ผู้ใช้ EA ที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ไม่มี Re-quote และ latency ต่ำ
ตามรายงานจาก Bloomberg Economics เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในช่วงผันผวน การเลือกโบรกเกอร์จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
ในที่สุด ไม่มีโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีโบรกเกอร์ที่ “เหมาะกับคุณ” มากที่สุด สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ต้องการความสมดุลระหว่างค่าใช้จ่าย แพลตฟอร์ม และบริการท้องถิ่น Moneta Markets ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยเงินฝากขั้นต่ำเพียง $50, การกำกับดูแลระดับสากล และการรองรับผู้ใช้งานในประเทศไทยอย่างแท้จริง
บัญชี STP มี Spread ต่ำที่สุดคือโบรกเกอร์ไหน?
โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุดมักจะเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการบัญชีแบบ Raw Spread หรือ ECN/STP ซึ่งจะคิดค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets (บัญชี Pro), IC Markets (บัญชี Raw Spread) และ Pepperstone (บัญชี Razor) ขึ้นชื่อว่ามีสเปรดที่ต่ำมาก โดยอาจเริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาค่าคอมมิชชั่นรวมเข้าไปด้วยเพื่อเปรียบเทียบต้นทุนการเทรดที่แท้จริง
โบรกเกอร์ STP ที่มีบัญชี Cent ในประเทศไทยมีที่ไหนบ้าง?
การหาโบรกเกอร์ที่รวมคุณสมบัติของบัญชี STP คุณภาพสูงเข้ากับบัญชี Cent นั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของบัญชีทั้งสองประเภทแตกต่างกัน โบรกเกอร์ STP ชั้นนำมักมุ่งเน้นไปที่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ในขณะที่บัญชี Cent ถูกออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น โบรกเกอร์บางรายเช่น Exness หรือ FBS อาจมีบัญชี Cent แต่รูปแบบการดำเนินการอาจไม่ใช่ STP แท้ 100% ดังนั้น เทรดเดอร์ควรตรวจสอบเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์อย่างละเอียด
การเทรดด้วยบัญชี STP ปลอดภัยหรือไม่?
ความปลอดภัยในการเทรดด้วยบัญชี STP ขึ้นอยู่กับ “ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์” เป็นหลัก ไม่ใช่ประเภทของบัญชี บัญชี STP ที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ (เช่น ASIC, FCA, CySEC) ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เพราะเงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บแยกไว้ในบัญชีธนาคารที่เชื่อถือได้ (Segregated Accounts) และมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ดังนั้นควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตที่น่าเชื่อถือเสมอ
ฉันจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าโบรกเกอร์เป็น STP จริง?
การตรวจสอบว่าเป็น STP จริง 100% สำหรับรายย่อยนั้นทำได้ยาก แต่มีสัญญาณบ่งชี้ได้ดังนี้:
- ไม่มี Re-quotes: โบรกเกอร์ STP ที่ดีจะไม่มีการปฏิเสธคำสั่งซื้อขายของคุณ
- สเปรดผันผวน: สเปรดจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสภาพตลาด โดยเฉพาะช่วงที่มีข่าวสำคัญ
- อนุญาตให้เทรด Scalping: โบรกเกอร์ STP/ECN มักจะยินดีต้อนรับกลยุทธ์การเทรดทุกรูปแบบ รวมถึง Scalping
- เอกสารทางกฎหมาย: ตรวจสอบเอกสารข้อตกลงกับลูกค้า (Client Agreement) ซึ่งอาจระบุถึงรูปแบบการดำเนินการคำสั่ง
Exness หรือ Moneta Markets มีบัญชี STP ที่ดีกว่ากัน?
ทั้งสองเป็นโบรกเกอร์ที่ดี แต่มีจุดเด่นต่างกัน Exness มีชื่อเสียงด้านเลเวอเรจที่ไม่จำกัด (ภายใต้เงื่อนไข) และการถอนเงินที่รวดเร็วทันที ในขณะที่ Moneta Markets จะโดดเด่นในด้านการกำกับดูแลที่เข้มงวดกว่าจาก ASIC และมีแพลตฟอร์มให้เลือกหลากหลายกว่า รวมถึง Pro Trader ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง สำหรับเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมการเทรดที่มีการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและสเปรดที่แข่งขันได้ในบัญชี Pro (STP) Moneta Markets อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
ทำไมบัญชี STP ถึงเกิด Slippage ได้?
Slippage เกิดขึ้นได้ในบัญชี STP เพราะเป็นลักษณะของตลาดจริง มันคือความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณคาดหวัง (ราคาที่เห็นตอนคลิก) กับราคาที่ดำเนินการได้จริง สาเหตุหลักมาจาก:
- ความล่าช้า (Latency): เวลาที่ใช้ในการส่งคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ และต่อไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง
- ความผันผวนสูง: ในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือตลาดเคลื่อนไหวรุนแรง ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปหลาย pips ในเสี้ยววินาที
Slippage ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะอาจเป็นได้ทั้ง Negative (ได้ราคาแย่ลง) และ Positive (ได้ราคาดีขึ้น) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าคุณกำลังเทรดในตลาดจริง
เงินฝากขั้นต่ำสำหรับบัญชี STP ในประเทศไทยโดยเฉลี่ยคือเท่าไหร่?
เงินฝากขั้นต่ำสำหรับบัญชี STP ในประเทศไทยมีความหลากหลายมาก โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ $100 – $200 อย่างไรก็ตาม มีโบรกเกอร์ที่เข้าถึงง่ายอย่าง Moneta Markets ที่กำหนดเงินฝากขั้นต่ำสำหรับบัญชี STP เพียง $50 ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัดสามารถเข้าถึงสภาพแวดล้อมการเทรดแบบ NDD ที่มีประสิทธิภาพได้ง่ายขึ้น