บทนำ: เปิดม่านทำความเข้าใจ Trading
ในยุคสมัยที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนไม่ขาดสายและโลกเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น คำว่า “Trading” ได้กลายเป็นหัวข้อที่คุ้นเคยในบทสนทนา日常 โดยเฉพาะในแวดวงการเงินและการลงทุน นับไม่ถ้วนที่ผู้คนต่างพยายามค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำนี้ และวิธีนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลดี แต่ในความเป็นจริง Trading ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินเพียงเท่านั้น มันยังขยายความหมายไปสู่กิจกรรมการแลกเปลี่ยนในเชิงธุรกิจและพาณิชย์อีกมากมาย บทความนี้จึงจะพาคุณดำดิ่งสู่แก่นแท้ของ Trading ทั้งในมุมมองทางการเงินและธุรกิจ พร้อมมอบข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นในประเทศไทย

Trading แปลว่าอะไร? แก่นความหมายในหลายบริบท
คำว่า “Trading” มาจากภาษาอังกฤษและมีความหมายที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่นำมาใช้ มาดูกันว่ามันสื่อถึงอะไรในแต่ละมุมมอง

ความหมายโดยรวม: การแลกเปลี่ยนและการซื้อขาย
โดยหลักแล้ว Trading หมายถึงการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสิ่งของ สินค้า บริการ หรือแม้กระทั่งไอเดียระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของธุรกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนผลผลิตทางการเกษตร การค้าขายสินค้าจำเป็น หรือการเจรจาธุรกิจ
กิจกรรมแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เริ่มจาก barter สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ จนพัฒนามาเป็นการใช้เงินเป็นตัวกลางในระบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น สิ่งที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายต่างต้องการสิ่งที่อีกฝ่ายมี และพร้อมมอบสิ่งของของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยน
Trading ในโลกการเงิน: การซื้อขายสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร
เมื่อพูดถึงแวดวงการเงิน Trading หรือที่เรียกกันว่าเทรดดิ้ง จะมีความหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คือการซื้อและขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร สกุลเงินต่างประเทศในตลาดฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี โดยจุดมุ่งหมายหลักคือการสร้างกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาสั้นหรือปานกลาง
ผู้ที่ลงมือทำเรียกว่าเทรดเดอร์ ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาด การพยากรณ์ทิศทางราคา และกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อซื้อถูกขายแพง หรือในทางตรงกันข้าม ดังนั้น การเทรดดิ้งจึงต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญในตลาด และการควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

เจาะลึก: กลไกและองค์ประกอบสำคัญของ Financial Trading
การเทรดดิ้งทางการเงินมีโครงสร้างและส่วนประกอบเฉพาะที่ผู้สนใจควรรู้จัก เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของการเคลื่อนไหวในตลาดและบทบาทของผู้มีส่วนร่วมต่าง ๆ
เทรดเดอร์ (Trader) คือใคร? แตกต่างจากนักลงทุน (Investor) อย่างไร?
เทรดเดอร์คือบุคคลหรือหน่วยงานที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นถึงปานกลาง พวกเขามักเน้นการจับจังหวะตลาด การอ่านกราฟราคา และข่าวที่กระทบโดยตรง กลยุทธ์ของเทรดเดอร์จึงมักรวดเร็ว เน้นเข้าออกตลาดบ่อยครั้ง
ในทางตรงข้าม นักลงทุนจะมองระยะยาวกว่า โดยถือสินทรัพย์เพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการเติบโตหรือรับผลตอบแทนอย่างเงินปันผลและดอกเบี้ย พวกเขาจะวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรือเศรษฐกิจมากกว่าการแกว่งไกวรายวัน
สินทรัพย์ที่ใช้ในการเทรด: หุ้น, Forex, คริปโตฯ และอื่นๆ
ตลาดการเงินเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เลือกสินทรัพย์หลากหลาย สินทรัพย์ยอดฮิต ได้แก่:
- หุ้น: การซื้อขายส่วนแบ่งในบริษัทจดทะเบียน ราคาขยับตามผลประกอบการ ข่าวสาร และเศรษฐกิจโดยรวม
- ฟอเร็กซ์: ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุด เทรดเดอร์ทำกำไรจากความเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงิน
- คริปโตเคอร์เรนซี: สกุลเงินดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Bitcoin และ Ethereum ที่มีความผันผวนสูง ดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่
- สินค้าโภคภัณฑ์: อย่างทองคำ น้ำมัน โลหะมีค่า หรือผลผลิตเกษตร ราคาตอบสนองต่ออุปสงค์และอุปทานโลก
- อนุพันธ์: สัญญาทางการเงินที่อ้างอิงสินทรัพย์อื่น เช่น Futures, Options, CFD ซึ่งใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มกำไร แต่เสี่ยงสูงตามไปด้วย
ขั้นตอนการเทรด: จากการเปิดบัญชีสู่การส่งคำสั่งซื้อขาย
การเริ่มเทรดดิ้งทางการเงินมีขั้นตอนพื้นฐานดังนี้:
- เลือกโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์ม: หาบริษัทหลักทรัพย์หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้และได้รับอนุญาต เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งคำสั่ง
- เปิดบัญชี: สมัครและยืนยันตัวตนตามกฎหมาย
- ฝากเงิน: โอนทุนเข้าเพื่อใช้ในการเทรด
- วิเคราะห์ตลาด: ศึกษาข้อมูล ใช้กราฟ ตัวชี้วัดเทคนิค หรือข่าวเศรษฐกิจ เพื่อหาจังหวะ
- ส่งคำสั่ง: ระบุซื้อหรือขาย พร้อมจำนวนและราคา
- ติดตามและจัดการ: เฝ้าดูสถานะ ตั้ง Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมความเสี่ยง
- ปิดสถานะ: สิ้นสุดเมื่อถึงเป้าหมายหรือจำกัดขาดทุน
ประเภทและกลยุทธ์การเทรดดิ้งทางการเงิน (มุมมองที่แตกต่าง)
การเทรดดิ้งแบ่งได้หลายรูปแบบตามระยะเวลาถือสินทรัพย์และวิธีวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลต่อกลยุทธ์และระดับความเสี่ยง
Short-term Trading vs. Long-term Trading: เลือกแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
- การเทรดระยะสั้น: มุ่งกำไรจากความผันผวนสั้น ๆ เช่น Day Trade ในไม่กี่นาที Scalping ในชั่วโมง หรือ Swing Trade ในวัน สไตล์นี้ต้องจับตาตลาดใกล้ชิดและตัดสินใจฉับไว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนระยะสั้น
- การเทรดระยะยาว: แม้เรียกว่า Trading แต่จริง ๆ แล้วใกล้เคียงการลงทุนที่ถือสินทรัพย์นานหลายสัปดาห์ เดือนหรือปี เน้นปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มใหญ่ ไม่ต้องติดตามบ่อยเท่าระยะสั้น
กลยุทธ์การเทรดที่นิยม: Technical Analysis และ Fundamental Analysis
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ศึกษาราคาอดีตและปริมาณซื้อขายเพื่อพยากรณ์อนาคต ใช้กราฟ รูปแบบราคา และตัวชี้วัดอย่าง RSI, MACD, Moving Average ในการตัดสินใจ
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: ประเมินมูลค่าจริงจากข้อมูลเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และบริษัท เช่น ผลประกอบการ นโยบายรัฐ อัตราดอกเบี้ย เหมาะกับระยะยาว แต่ช่วยเทรดระยะกลางได้
ข้อควรรู้สำหรับ Trading ในประเทศไทย (มุมมองท้องถิ่น)
ในประเทศไทย การเทรดดิ้งมีกฎเกณฑ์และข้อควรระวังเฉพาะที่นักลงทุนไทยต้องทำความเข้าใจ เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องและปลอดภัย
แพลตฟอร์มและหน่วยงานกำกับดูแลของไทย
หน่วยงานหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) (เว็บไซต์ ก.ล.ต.) ที่ดูแลกฎระเบียบ โบรกเกอร์ และแพลตฟอร์ม เพื่อปกป้องนักลงทุน
สำหรับหุ้นไทย เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ ก.ล.ต. รับรองได้เลย สำหรับคริปโต ก็เลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาต การใช้บริการที่ถูกกฎหมายช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโกงและเพิ่มความเชื่อมั่น
ภาษีและการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ภาษีจาก Trading ในไทยแตกต่างตามสินทรัพย์:
- หุ้น: กำไรจากการขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมักยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่เงินปันผลถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
- คริปโตเคอร์เรนซี: กำไรนับเป็นเงินได้ประเภท 40(4) ต้องรวมคำนวณภาษีเงินได้ (ข้อมูลจากกรมสรรพากร)
- ฟอเร็กซ์: กับโบรกเกอร์ต่างชาติยังไม่มีกฎไทยชัดเจน อาจซับซ้อนเรื่องภาษี ควรศึกษากฎหมายและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
การทำตามกฎภาษีช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
Trading ในบริบทของธุรกิจและการค้า (ความหมายที่แตกต่าง)
นอกจากการเงิน คำว่า Trading ยังใช้ในธุรกิจและการค้าอย่างกว้างขวาง โดยมีความหมายที่แตกต่างชัดเจน
ในมุมธุรกิจ Trading คือกิจกรรมซื้อขายสินค้าและบริการในตลาด ครอบคลุมการนำเข้า ส่งออก จัดซื้อ จัดจำหน่าย ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ตัวอย่างเช่น:
- บริษัทเทรดดิ้ง: ทำหน้าที่กลาง ซื้อจากผู้ผลิตขายให้ผู้บริโภคหรือค้าปลีก รวมถึงนำเข้า-ส่งออกข้ามชาติ
- การค้าสินค้าโภคภัณฑ์: ซื้อขายผลผลิตเกษตร แร่ พลังงาน ในตลาดล่วงหน้าหรือตลาดจริง
- การค้าปลีก: ขายสินค้าโดยตรงให้ผู้บริโภค
จุดต่างสำคัญคือ Trading ในธุรกิจเน้นแลกเปลี่ยนสินค้าจริงหรือบริการเพื่อตอบสนองความต้องการและเพิ่มมูลค่า ในขณะที่ทางการเงินมุ่งกำไรจากราคาสินทรัพย์ตัวแทนมูลค่า
ก่อนเริ่มต้น Trading: สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
การเทรดดิ้งน่าตื่นเต้นและมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ความเสี่ยงก็ตามมาไม่แพ้กัน การเตรียมตัวจึงขาดไม่ได้
สิ่งสำคัญคือ การบริหารความเสี่ยง กำหนดทุนที่ยอมเสียได้ ตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดขาดทุน และอย่าลงทุนเกินตัว นี่คือหลักพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องยึด
อีกเรื่องคือ จิตวิทยาการเทรด อารมณ์อย่างกลัวหรือโลภอาจบิดเบือนการตัดสินใจนำไปสู่ความสูญเสีย การมีวินัย สติ และเรียนรู้จากผิดพลาดคือกุญแจสู่ความสำเร็จยั่งยืน
สำหรับมือใหม่ การศึกษาต่อเนื่อง จำเป็นมาก เริ่มจากพื้นฐาน ทดลองในบัญชีเดโมเพื่อสะสมประสบการณ์โดยไม่เสี่ยงเงินจริง ก่อนเข้าตลาดจริงด้วยความพร้อม
สรุป: ความหมายของ Trading และเส้นทางของคุณ
Trading มีความหมายกว้างไกล จากการแลกเปลี่ยนสินค้าในชีวิตประจำวันไปจนถึงการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินซับซ้อนเพื่อกำไรจากราคาผันผวน
ในแวดวงการเงิน มันคือโอกาสและความท้าทายที่ต้องใช้ความรู้ ทักษะ การจัดการเสี่ยง และวินัยทางอารมณ์ ผู้สนใจควรศึกษาลึกซึ้ง เลือกแพลตฟอร์มถูกกฎหมายในไทย และเข้าใจภาษีที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะมุ่ง Trading ในมุมไหน การเข้าใจสาระสำคัญ ประเมินเสี่ยง และเตรียมตัวดี จะเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จในแบบของคุณ
บริษัท Trading คืออะไร และในประเทศไทยมีบริษัทแบบนี้ไหม?
บริษัท Trading คือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยอาจจะซื้อจากผู้ผลิตและขายต่อให้กับลูกค้า หรือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศก็ได้ ในประเทศไทยมีบริษัท Trading จำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ เช่น การนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ต่างประเทศ
Trading คือ งาน อะไร? เหมาะกับคนไทยทั่วไปหรือไม่?
Trading ในบริบทการเงินคืองานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา ซึ่งต้องใช้ความรู้ ทักษะการวิเคราะห์ และการจัดการความเสี่ยงสูง
สำหรับคนไทยทั่วไปที่สนใจ สามารถเรียนรู้และเริ่มต้นได้ แต่ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่การ “รวยเร็ว” และต้องใช้เวลาศึกษา รวมถึงยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัย มีเวลาศึกษา และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี
ถ้าอยากเริ่มต้น Trading ในประเทศไทย ควรเริ่มจากอะไรดี?
ถ้าอยากเริ่มต้น Trading ในประเทศไทย ควรเริ่มจากสิ่งเหล่านี้:
- ศึกษาพื้นฐานการลงทุนและการเทรดดิ้ง
- เลือกประเภทสินทรัพย์ที่สนใจ (เช่น หุ้นไทย, คริปโตเคอร์เรนซี)
- เลือกโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
- เปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อนใช้เงินจริง
- เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยที่พร้อมจะเสียได้
- เรียนรู้การบริหารความเสี่ยง
Trading หุ้น กับ Trading คริปโตฯ ในไทย มีข้อแตกต่างหลักๆ อะไรบ้าง?
ข้อแตกต่างหลักๆ คือ:
- ตลาด: หุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คริปโตฯ ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
- ความผันผวน: คริปโตฯ มีความผันผวนสูงกว่าหุ้นมาก
- เวลาทำการ: ตลาดหุ้นมีเวลาทำการที่กำหนด คริปโตฯ ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
- การกำกับดูแล: ทั้งคู่ถูกกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. แต่มีกฎระเบียบย่อยที่ต่างกัน
- ภาษี: กำไรจากหุ้นได้รับการยกเว้นภาษี (บางกรณี) แต่กำไรจากคริปโตฯ ต้องเสียภาษีเงินได้
เทรดดิ้งผิดกฎหมายไหมในประเทศไทย?
การเทรดดิ้งสินทรัพย์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช่น หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือคริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาต **ถือว่าถูกกฎหมาย**
อย่างไรก็ตาม การเทรดดิ้งกับโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. อาจมีความเสี่ยงและไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทย รวมถึงอาจมีประเด็นด้านภาษีที่ซับซ้อน
Trader แปลว่าอะไร และในไทยมีชุมชนสำหรับเทรดเดอร์ไหม?
Trader แปลว่า “ผู้ค้า” หรือ “ผู้ซื้อขาย” ในบริบทการเงินหมายถึงบุคคลที่ซื้อขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา
ในประเทศไทยมีชุมชนสำหรับเทรดเดอร์จำนวนมาก ทั้งในรูปแบบออนไลน์ (กลุ่ม Facebook, Line, Telegram) และออฟไลน์ (สัมมนา, เวิร์คช็อป) ซึ่งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่ดี แต่ควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบและเลือกเข้าร่วมชุมชนที่มีคุณภาพ
การทำธุรกิจ เทรดดิ้ง ต้องเสียภาษีอย่างไรในไทย?
การทำธุรกิจ Trading ในไทยมีภาระภาษีแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์:
- **หุ้น:** กำไรจากการขายหุ้นใน SET มักได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่เงินปันผลต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10%
- **คริปโตเคอร์เรนซี:** กำไรจากการขายคริปโตฯ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภท 40(4) ซึ่งต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- **ฟอเร็กซ์/อนุพันธ์กับโบรกเกอร์ต่างประเทศ:** ยังไม่มีกฎหมายรองรับชัดเจน และอาจมีความซับซ้อนในการจัดการภาษี ผู้ลงทุนควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
มีแพลตฟอร์ม Trading ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในไทยแนะนำไหม?
มีแพลตฟอร์ม Trading ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในไทย:
- สำหรับหุ้น: บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น บล.บัวหลวง, บล.กสิกรไทย, บล.ฟิลลิป (สามารถตรวจสอบรายชื่อได้จากเว็บไซต์ ก.ล.ต.)
- สำหรับคริปโตเคอร์เรนซี: ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitkub, Satang Pro, Zipmex (ตรวจสอบสถานะใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.)
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการและมีความน่าเชื่อถือ
ความเสี่ยงของการทำ Trading มีอะไรบ้าง และคนไทยควรรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ?
ความเสี่ยงหลักๆ ของ Trading ได้แก่:
- ความเสี่ยงด้านราคา: ราคาผันผวนสูง อาจทำให้ขาดทุนได้มาก
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: ในบางสถานการณ์ อาจไม่สามารถซื้อขายได้ตามราคาที่ต้องการ
- ความเสี่ยงด้านกฎหมายและภาษี: โดยเฉพาะกับสินทรัพย์หรือแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการกำกับดูแล
- ความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง: มีมิจฉาชีพแฝงตัวในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความซับซ้อน เช่น ฟอเร็กซ์หรือคริปโตฯ
คนไทยควรรู้เรื่องการเลือกแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมายและได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. และระมัดระวังการลงทุนในสิ่งที่ “ดูดีเกินจริง” หรือ “ให้ผลตอบแทนสูงเกินไป” ที่อาจเป็นการหลอกลวง
นอกจากเรื่องการเงินแล้ว คำว่า “Trading” ในธุรกิจอื่นๆ ของไทย หมายถึงอะไรบ้าง?
นอกจากเรื่องการเงินแล้ว คำว่า “Trading” ในธุรกิจอื่นๆ ของไทยยังหมายถึง:
- การค้าขายทั่วไป: เช่น การซื้อมาขายไปของสินค้าอุปโภคบริโภค
- การนำเข้า-ส่งออก: บริษัทที่ทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาขายในไทย หรือส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศ
- การจัดจำหน่าย: บริษัทที่ทำหน้าที่กระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ร้านค้าปลีกหรือผู้บริโภค
- การค้าสินค้าโภคภัณฑ์: การซื้อขายสินค้าเกษตร แร่ธาตุ หรือพลังงานในตลาดจริง
โดยรวมแล้วคือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการเพื่อหวังผลกำไรในเชิงพาณิชย์