ทำความเข้าใจ Lot Size ในตลาด Forex

Lot Size คืออะไรในตลาด Forex?

เมื่อคุณก้าวเข้าสู่เส้นทางการเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนจะเริ่มต้นจริงจังก็คือ “Lot Size” หรือขนาดการซื้อขาย ซึ่งเป็นหน่วยวัดปริมาณของคำสั่งซื้อขายที่คุณส่งเข้าไปในตลาด ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนเวลาที่คุณไปซื้อของที่ตลาดสด แล้วต้องเลือกว่าจะซื้อทีละ “ชิ้น” “กล่อง” หรือ “ลัง” — แต่ละหน่วยก็ให้ปริมาณและราคาที่ต่างกัน อย่างเดียวกันในตลาด Forex การเลือก Lot Size ก็เหมือนกับการตัดสินใจว่าจะใช้เงินทุนก้อนใหญ่หรือก้อนเล็กในแต่ละครั้ง ซึ่งขนาดนี้เองที่จะกำหนดว่าเมื่อราคาขยับเพียงเล็กน้อย ผลกำไรหรือขาดทุนที่คุณได้รับจะมากหรือน้อยแค่ไหน

การเข้าใจและควบคุม Lot Size อย่างมีวินัย ไม่ใช่แค่เรื่องของการคำนวณตัวเลข แต่คือหัวใจสำคัญของการเทรดที่ยั่งยืน เพราะนี่คือเครื่องมือแรกที่ช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงและควบคุมพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากขาดจุดนี้ไป ไม่ว่าคุณจะมีกลยุทธ์ดีแค่ไหน โอกาสที่พอร์ตจะพังก็ยังสูงอยู่ดี

ทำไม Lot Size ถึงเป็นหัวใจหลักของการบริหารความเสี่ยง?

หลายคนอาจคิดว่าความสำเร็จในตลาด Forex ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ทิศทางราคาอย่างแม่นยำ แต่ความจริงคือ ผู้ที่อยู่รอดและเติบโตในตลาดระยะยาว มักไม่ใช่คนที่ทำนายถูกทุกครั้ง แต่เป็นคนที่บริหารความเสี่ยงได้ดีที่สุด และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุดในการบริหารความเสี่ยงก็คือการเลือกใช้ Lot Size อย่างเหมาะสม

ยิ่งขนาด Lot ใหญ่ ค่า Pip ต่อการเคลื่อนไหวของราคา 1 หน่วยก็ยิ่งสูง หากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางที่คุณคาดไว้ คุณก็จะทำกำไรได้เร็วและมาก แต่ถ้าราคาสวนทาง แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้คุณขาดทุนหนักได้ในพริบตา โดยเฉพาะถ้าใช้ Leverage สูง ดังนั้นการเลือก Lot Size ที่สอดคล้องกับขนาดพอร์ตและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จึงเหมือนการตั้งเข็มทิศให้กับการลงทุน ช่วยให้คุณรู้ว่าแต่ละครั้งควรมีความเสี่ยงเท่าไร และสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหมดตัวในไม่กี่ครั้ง

รู้จักประเภทของ Lot Size ที่ใช้ในตลาดจริง

ในตลาด Forex โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แบ่ง Lot Size ออกเป็นหลายระดับ เพื่อให้เหมาะกับนักเทรดทุกระดับ ทั้งผู้เริ่มต้นและมืออาชีพ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีขนาดและมูลค่าต่อ 1 Pip ที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือประเภทหลักที่คุณจะพบบ่อยที่สุด

Standard Lot (100,000 หน่วย) – เหมาะกับใคร?

Standard Lot คือขนาดที่ใหญ่ที่สุด โดยเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก (Base Currency) เช่น เมื่อคุณเทรด EUR/USD ด้วย 1 Standard Lot หมายถึงคุณกำลังซื้อหรือขายเงินยูโรจำนวน 100,000 ยูโรโดยตรง โดยทั่วไป 1 Pip ใน Standard Lot จะมีมูลค่าประมาณ $10 ซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีพอร์ตใหญ่และมีประสบการณ์สูง เพราะความผันผวนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พอร์ตสั่นสะเทือนได้

Mini Lot (10,000 หน่วย) – ตัวเลือกที่ได้รับความนิยม

Mini Lot หรือ 0.1 Lot มีขนาดเท่ากับ 1 ใน 10 ของ Standard Lot หรือ 10,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก มูลค่าต่อ Pip อยู่ที่ประมาณ $1 จึงเป็นขนาดที่เหมาะกับเทรดเดอร์รายย่อยที่มีเงินทุนระดับกลาง เพราะช่วยให้สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องใช้ทุนมากเกินไป ทั้งยังทำให้เข้าใจพฤติกรรมตลาดได้ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมจริง

Micro Lot (1,000 หน่วย) – เริ่มต้นอย่างมั่นใจ

Micro Lot หรือ 0.01 Lot คือขนาดที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการทดสอบกลยุทธ์ใหม่ ๆ โดยมีมูลค่าต่อ Pip อยู่ที่ประมาณ $0.10 หรือเพียง 10 เซนต์ การใช้ Micro Lot ช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้การเทรดจริงได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุนจำนวนมาก ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและชาญฉลาดสำหรับมือใหม่

Nano Lot (100 หน่วย) – สำหรับทุนน้อยแต่อยากลงสนามจริง

Nano Lot คือขนาดที่เล็กที่สุดในตลาด ซึ่งเท่ากับ 100 หน่วยของสกุลเงินหลัก และมีมูลค่าต่อ Pip เพียง $0.01 หรือ 1 เซนต์เท่านั้น แม้จะไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์ที่รองรับ แต่สำหรับผู้ที่มีเงินทุนจำกัดหรือต้องการฝึกฝนจิตวิทยาการเทรดด้วยเงินจริงในระดับต่ำสุด Nano Lot ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และในปัจจุบัน โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets ก็รองรับการเทรดด้วยขนาด Lot ที่ยืดหยุ่น รวมถึง Nano Lot สำหรับผู้ใช้แพลตฟอร์มที่ต้องการควบคุมความเสี่ยงสูงสุด

คำนวณ Lot Size อย่างแม่นยำด้วยขั้นตอนง่าย ๆ

การตั้งค่า Lot Size แบบเดา ๆ ไม่ใช่แนวทางของเทรดเดอร์มืออาชีพ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจะคำนวณ Lot Size ทุกครั้งก่อนเข้าคำสั่ง เพื่อให้มั่นใจว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งสามารถทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน

ข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนคำนวณ

ก่อนจะคำนวณ คุณต้องรู้ข้อมูลหลัก 4 อย่าง ได้แก่:

• ขนาดบัญชี (Account Balance): ยอดเงินทั้งหมดในบัญชีเทรดของคุณ
• เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk %): โดยทั่วไปควรตั้งไว้ที่ 1-2% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียมากเกินไป
• ระยะทาง Stop Loss (Pips): ระยะห่างระหว่างจุดเข้าเทรดกับจุดที่คุณตั้งไว้เพื่อตัดขาดทุน
• มูลค่าต่อ Pip (Pip Value): ค่าที่เปลี่ยนแปลงตามคู่เงินและขนาด Lot ที่ใช้

สูตรคำนวณ Lot Size ที่ใช้ได้จริง

สูตรที่นิยมใช้ทั่วไปคือ:

Lot Size = (Account Balance × Risk %) ÷ (Stop Loss in Pips × Pip Value ต่อ 1 Lot)

สูตรนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าควรเปิดคำสั่งขนาดเท่าไหร่ เพื่อให้เมื่อราคาไปชน Stop Loss จริง คุณจะเสียเงินไม่เกินเปอร์เซ็นต์ที่ตั้งไว้

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมติว่าคุณมีข้อมูลดังนี้:

• บัญชีเทรด: $1,000
• ต้องการเสี่ยง: 2% ($20)
• Stop Loss: 50 pips
• คู่เงิน: EUR/USD (Pip Value ต่อ 1 Standard Lot = $10)

ขั้นตอนการคำนวณ:

1. คำนวณเงินที่ยอมเสียได้: $1,000 × 2% = $20
2. คำนวณมูลค่าขาดทุนหากเปิด 1 Lot: 50 pips × $10 = $500
3. หา Lot Size ที่เหมาะสม: $20 ÷ $500 = 0.04 Lot

ดังนั้น คุณควรเปิดคำสั่งที่ 0.04 Lot หรือเทียบเท่ากับ 4 Micro Lots เพื่อจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ $20 เท่านั้น

ตารางคำนวณ Lot Size เปรียบเทียบตามขนาดบัญชีและ Stop Loss

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ด้านล่างคือตารางคำนวณ Lot Size ที่แนะนำ โดยอ้างอิงจากเงินทุน ระดับความเสี่ยง และระยะ Stop Loss ต่าง ๆ (คำนวณจากคู่เงินที่ Pip Value ต่อ Standard Lot = $10)

วิธีเลือก Lot Size ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

การเลือก Lot Size ไม่ควรใช้สูตรตายตัวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปรับให้เข้ากับรูปแบบการเทรดที่คุณใช้ เพราะแต่ละสไตล์มีลักษณะเฉพาะทั้งในเรื่องระยะเวลาการถือครองและระยะ Stop Loss ที่ใช้

สำหรับเทรดเดอร์สาย Scalper

Scalper คือผู้ที่เข้า-ออกคำสั่งในช่วงเวลาสั้นมาก มักเน้นกำไรเพียงไม่กี่ Pip ต่อครั้ง และตั้ง Stop Loss แคบ (เช่น 5-10 pips) เพื่อรักษาระยะห่างความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward) ให้สมเหตุสมผล ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถใช้ Lot Size ที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยเพื่อให้กำไรที่ได้มีนัยสำคัญ แต่ยังต้องยึดหลักความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% อยู่ดี

สำหรับ Day Trader

Day Trader จะถือออเดอร์นานกว่า Scalper แต่ไม่เกิน 1 วัน มักมี Stop Loss ระยะกลาง (20-50 pips) ดังนั้นการใช้ Lot Size ขนาดกลาง เช่น 0.1 ถึง 0.5 Lot จึงเหมาะสมที่สุด และการคำนวณตามสูตร 1-2% ก็สามารถนำไปใช้ได้ตรงไปตรงมา

สำหรับ Swing Trader

Swing Trader เน้นการถือออเดอร์ข้ามคืนหรือหลายวันเพื่อจับแนวโน้มใหญ่ จึงต้องใช้ Stop Loss ที่กว้าง (อาจถึง 100 pips ขึ้นไป) เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกตัดออกจากการแกว่งตัวระยะสั้น ดังนั้น ถึงแม้พอร์ตจะใหญ่ แต่ Lot Size ที่ใช้ก็ควรเล็กลงอย่างมีนัย เพื่อให้การขาดทุนหากโดน Stop Loss ยังอยู่ในระดับที่รับได้

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้ง Lot Size

แม้ดูเหมือนเรื่องพื้นฐาน แต่เทรดเดอร์จำนวนมากโดยเฉพาะมือใหม่ มักพลาดในจุดนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้พอร์ตพังได้ในไม่กี่ครั้ง

• ใช้ Lot ใหญ่เกินไป (Over-Leverage): เกิดจากความอยากได้กำไรเร็ว ทำให้ใช้ Lot ใหญ่เกินขนาดบัญชี เช่น ใช้ 1 Lot กับบัญชี $500 ซึ่งเสี่ยงสูงมาก วิธีป้องกันคือยึดมั่นในหลัก 1-2% และไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ
• ไม่คำนวณ Lot ก่อนเทรด: การกดคำสั่งโดยเดาขนาด ไม่ได้ต่างจากการพนัน ควรสร้างนิสัยคำนวณทุกครั้งก่อนเข้าคำสั่ง ไม่ว่าจะมั่นใจแค่ไหน
• ใช้ Lot เดิมทุกครั้งโดยไม่ปรับ: การใช้ Lot เดียวกันทั้งที่ Stop Loss ต่างกัน ทำให้ระดับความเสี่ยงไม่คงที่ ควรปรับ Lot Size ให้สอดคล้องกับระยะ Stop Loss และความผันผวนของตลาดในแต่ละครั้ง

สรุป: Lot Size คือกุญแจสู่ความยั่งยืนในการเทรด Forex

การเข้าใจและใช้ Lot Size อย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นรากฐานของการเทรดที่ยั่งยืน Lot Size คือเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ทรงพลังที่สุดที่คุณมี เพราะมันกำหนดว่าคุณจะเสี่ยงเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง และจะรอดหรือพังในตลาดที่เต็มไปด้วยความผันผวน

ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์อะไร การรู้จักประเภทของ Lot วิธีคำนวณอย่างแม่นยำ และการปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การเทรด คือทักษะพื้นฐานที่แยกนักเทรดที่ประสบความสำเร็จออกจากผู้ที่ล้มเหลว

จำไว้ว่า ความอยู่รอดในตลาดสำคัญกว่ากำไรในวันเดียว และการเลือก Lot Size อย่างรอบคอบในแต่ละครั้ง คือก้าวแรกที่จะพาคุณไปสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพที่ยั่งยืนในตลาด Forex

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)